ตอนที่ 177 เป็นสาวน้อยแสนหวานจริงๆ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 177 เป็นสาวน้อยแสนหวานจริงๆ

ตอนที่ฟางจั๋วหรานเปลี่ยนกางเกงยีนหลินม่ายเอาแต่ยืนหันหลังให้เขา

รอจนเขาบอกว่าเปลี่ยนเสร็จแล้ว เธอถึงหมุนตัวกลับมาด้วยใบหน้าแดงเรื่อ แล้วหยิบเสื้อเชิ้ตสีชมพูตัวหนึ่งให้เขาเปลี่ยน

สิ่งที่ติดอยู่ที่ปลายจมูกของฟางจั๋วหรานนั้นล้วนเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ส่งมาจากตัวของหลินม่าย รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ยากจะอธิบายยามที่เธอเปลี่ยนเสื้อเชิ้ตให้เขา

เหมือนกับ… ภรรยาที่กำลังดูแลสามี

ภายในปากแห้งผากอย่างช่วยไม่ได้ เขาเชยคางเรียวสวยของเธอขึ้น โดยที่ไม่อาจบอกถึงเหตุผล ก่อนจะจูบลงบนริมฝีปากของเธอ

ทั้งหมดเกินขึ้นโดยไร้ซึ่งสัญญาณบอกล่วงหน้า หลินม่ายได้ถูกเขาจุมพิตอย่างแนบแน่น

เธอคิดที่จะหลีกหนี แต่ท้ายทอยกลับถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งของเขาจับเอาไว้อย่างแน่นหนา จนไม่อาจหนีไปได้เลย

ริมฝีปากของเขานุ่มนิ่มเช่นนี้เอง ทั้งยังเย็นหน่อยๆ ด้วย ประทับจูบผ่านลงริมฝีปากบนและล่างของเธออย่างทั้งอ่อนโยนและมั่นคง ริมฝีปากของทั้งสองคนค่อยๆ ร้อนรุ่มขึ้นทีละน้อย

หัวใจที่เต้นรัวแบบนี้ทำให้หัวสมองของหลินม่ายว่างเปล่าไปโดยสมบูรณ์ รู้เพียงว่าแท้จริงความรักนั้นมันหอมหวานได้ถึงขนาดนี้ หวานขนาดนี้เลย…

ไม่รู้ว่าผ่านไปเนิ่นนานเท่าไร ฟางจั๋วหรานถึงปล่อยเธอออกมา

หลินม่ายก้มหน้างุดอย่างเก้อเขิน ไม่กล้ามองตาเขา

ฟางจั๋วหรานมองเธออย่างพึงพอใจ ก่อนเลียริมฝีปากของตัวเองรอบหนึ่ง “เป็นสาวน้อยแสนหวานจริงๆ นะ หวานเกินไปแล้ว!”

เขาไม่ชอบกินของหวาน แต่ของหวานตรงหน้านี้คือข้อยกเว้น

“ผมเองก็มีของจะให้คุณเหมือนกัน”

ฟางจั๋วหรานหยิบถุงกระดาษสองสามใบที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมาก่อนยื่นให้หลินม่าย

หลินม่ายเปิดออกดู มีถุงสองใบใส่กระโปรงที่แพงที่สุดในตลาดค้าส่งเอาไว้ทั้งสองใบ

ยังมีถุงอีกใบหนึ่งมียกทรงชั้นในอยู่ภายใน เป็นแบบที่แค่มองก็รู้ว่าแพง ยกทรงที่ทั้งคุณภาพดีและเซ็กซี่

หลินม่ายพูดอย่างตกตะลึง “คุณแอบฉันไปซื้อมาจากตลาดเสื้อผ้าค้าส่งเหรอคะ?”

“ไม่อย่างนั้นจะมาจากไหนล่ะ” ฟางจั๋วหรานตอบอย่างอ่อนโยน “ลองเสื้อผ้าที่ผมซื้อให้สักหน่อยสิ”

หลินม่ายหยิบกระโปรงตัวหนึ่งขึ้นมาแล้ววางลงไปอีกครั้ง “เดี๋ยวตอนบ่ายคุณไปสอนที่มหาวิทยาลัยแพทย์หัวหนานแล้วฉันค่อยลองคนเดียว”

ฟางจั๋วหรานแย้มยิ้ม “ยังกลัวผมเห็นคุณโป๊อีกเหรอ ตอนนี้ไม่ให้ผมดู ต่อไปผมก็ต้องเห็นคุณจนหมดจดอยู่ดี”

หลินม่ายไม่รับมุกของเขา บนใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่ออย่างไม่จางหาย เธอตบลงบนแผงอกแกร่งของเขา “ถอดเสื้อผ้าใหม่ออกมา ฉันจะเอาไปซัก”

เสื้อผ้าใหม่ไม่รู้ว่าผ่านมือคนมามากน้อยเท่าไร ในขั้นตอนการผลิตก็ถูกโยนไปโยนมา ไม่ซักตากสักหน่อยก็คงใส่ได้ไม่สบายใจ

ฟางจั๋วหรานถอดเสื้อผ้าใหม่ออกอย่างเชื่อฟัง ทว่าเขาไม่ได้ให้หลินม่ายซักคนเดียว แต่ไปซักเสื้อผ้าใหม่ของทั้งสองคนทั้งหมดด้วยกันกับเธอ

ในขณะที่หลินม่ายกำลังซักชุดชั้นในที่ฟางจั๋วหรานซื้อให้เธอ ก็พบว่าขนาดของมันถูกต้องทั้งหมด จึงค่อนข้างเหนือคาด “คุณรู้ไซส์ของฉันตรงขนาดนี้ได้ยังไง?”

ฟางจั๋วหรานตอบอย่างจริงจัง “คนเราชอบใครสักคน ก็จะหาทางทำความเข้าใจเจ้าตัวในทุกๆ ด้าน ผมชอบคุณ จะรู้ไซส์เสื้อผ้าของคุณก็เป็นเรื่องปกติมากนะ คุณเองก็รู้ไซส์เสื้อผ้าของผมเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ซื้อเสื้อผ้าให้ผมได้พอดีตัวขนาดนั้นหรอก”

การเคลื่อนไหวของหลินม่ายพลันหยุดชะงัก

เธอนึกว่าพรสวรรค์ของผู้หญิงสามารถใช้สายตาคาดคะเนไซส์เสื้อผ้าของคนอื่นได้เสียอีก ที่แท้ผู้ชายเองก็มีความสามารถนี้เหมือนกันสินะ เพียงแต่ต้องดูด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่มีค่าพอให้เขาแสดงความสามารถนี้ออกมาหรือไม่

ในชาติก่อน ตนไม่ใช่คนที่มีค่าพอจะทำความเข้าใจของอู๋เสี่ยวเจี๋ยน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ไซส์เสื้อผ้าของตนเลย แถมยังไม่เคยซื้อเสื้อผ้าในตนเลยสักครั้ง

เขาไม่เพียงไม่รู้ไซส์เสื้อผ้าของตน ทั้งยังไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าเธอชอบหรือไม่ชอบอะไร ยิ่งไม่รู้วันมีประจำเดือนของตนด้วย

บางครั้งในช่วงที่มีประจำเดือน ในวันที่อากาศหนาวเหน็บ เขาเห็นตนใช้น้ำเย็นซักผ้า แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยรู้สึกปวดใจเลย

ฟางจั๋วหรานเห็นหลินม่ายตั้งอกตั้งใจซักเสื้อผ้า ทันใดนั้นก็พลันหยุดซัก แล้วหันหน้าไปมองเธอ

เมื่อเห็นว่าน้ำตาของเธอไหลพรากลงมาไม่หยุดก็ตกอกตกใจอย่างยิ่ง เขารีบถาม “ที่รัก คุณเป็นอะไรไป? ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า?”

หลินม่ายใช้หลังมือเช็ดน้ำตาอย่างเขินอาย เธอส่ายหน้าแล้วเอ่ยด้วยเสียงสะอื้น “คุณไม่ได้ทำอะไรผิดไปเลย แต่เพราะคุณดีต่อฉันเกินไปแล้ว!”

ฟางจั๋วหรานถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผมนึกว่าคุณกำลังโกรธที่ผมจ้องหน้าอกคุณ ก็เลยรู้ขนาดชุดชั้นในของคุณหมดเสียอีก”

เขาลูบเบาๆ ที่สันจมูกสวยของเธอ “ซื้อเสื้อผ้าให้คุณแค่ไม่กี่ชิ้นก็เรียกว่าดีต่อคุณแล้วเหรอ? งั้นคุณก็พอใจง่ายเกินไปแล้วอีกอย่างถ้าผมไม่ดีกับภรรยาของผมแล้ว จะให้ไปดีกับใครล่ะ?”

เมื่อหวนนึกถึงช่วงที่คบกับกู้ม่านชือ อีกฝ่ายล้วนอยากได้สิ่งที่ดีเลิศในทุกสิ่ง แต่พอมาเป็นหลินม่าย มาตรฐานความต้องการสิ่งดีๆ ของสาวน้อยคนนี้กลับต่ำเตี้ย ต่ำเตี้ยเสียจนคนให้รู้สึกปวดใจ

หลินม่ายพูดอย่างเขินอาย “อย่าเรียกภรรยาๆ สิคะ เรายังไม่แต่งงานกันเสียหน่อย”

ฟางจั๋วหรานรีบเอาใจทันที “ไม่สู้พวกเราจัดงานแต่งงานไปก่อนก็ได้ รอคุณถึงอายุ20ปีแล้วค่อยรับทะเบียนสมรส แบบนี้ผมก็สามารถเรียกคุณว่าภรรยาได้อย่างเปิดเผยแล้ว”

หลินม่ายส่ายหน้า แล้วซักเสื้อผ้าต่อ “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันยังอยากเพลิดเพลินกับความหอมหวานของห้วงความรักอีกสักสองสามปีน่ะ”

ฟางจั๋วหรานพูดอย่างเอาอกเอาใจ “แต่งงานแล้วก็ยังเพลิดเพลินกับความหอมหวานของความรักได้เหมือนกันนะ”

หลินม่ายพินิจเขาอย่างคลางแคลง “ทำไมฉันรู้สึกว่าคุณเหมือนกับป้าใจร้ายที่เอาขนมสายไหมมาล่อลวงเด็กเลยล่ะคะ?”

“ผมเปล่าสักหน่อย!”

“คุณเป็นอย่างนั้นแหละ!” หลินม่ายใช้มือสาดน้ำในกะละมังใส่เขาอย่างซุกซน

ฟางจั๋วหรานเห็นท่าทางที่เธอหัวเราะขึ้นมานั้นน่ารักเกินไป ทันใดนั้นจึงเกิดความรู้สึกนึกสนุกราวกับเด็ก แล้วสาดน้ำใส่เธอบ้าง

ทั้งสองเล่นเทศกาลสาดน้ำกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

ไม่นานนัก หลินม่ายก็เปียกโชกไปทั้งตัว แม้แต่เส้นผมยังมีน้ำหยดติ๋งๆ ลงมา แต่ฟางจั๋วหรานนั้นกลับเปียกแค่เฉพาะบางส่วนทั่วนั้น

เธอถลึงตาใส่ฟางจั๋วทีหนึ่ง “เป็นเพราะคุณเลย!”

เธอไปหยิบเสื้อผ้าเปลี่ยนในห้อง แล้วผลักฟางจั๋วหรานออกไปข้างนอก “ออกไปเลยๆ ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว!”

ฟางจั๋วหรานยิ้มบางพลางกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ ก็ได้ยินเสียงของหลินม่ายดังขึ้นด้านหลัง “แย่แล้ว!”

เขาหันตัวไปมอง ที่แท้เธอก็ทำเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนหลุดมือไปตอนที่กำลังแขวนไว้บนราว ยังไม่ทันแขวนดี ทั้งหมดก็ร่วงลงไปในกะละมังซักผ้าที่ยังซักไม่เสร็จใบนั้นจนเปียกชุ่ม

หลินม่ายหันกลับมามองเขาอย่างหมดหนทาง “ทำยังไงดี ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนแล้ว”

“ใส่ของผมก็ได้”

ฟางจั๋วหรานหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวหนึ่งของตัวเองมาให้เธอ

หลินม่ายรับมาอย่างลังเลเล็กน้อย จากนั้นจึงปิดประตูลง

ภายในมีเสียงน้ำไหลดังออกมา ทำให้ฟางจั๋วหรานที่อยู่ในห้องเลือดสูบฉีดขึ้นมา ในหัวเอาแต่ปรากฏภาพส่วนเว้าโค้งอันงดงามบนร่างกายของหลินม่ายเมื่อครู่ขึ้นมาอยู่ตลอด

ไม่นานนัก เสียงน้ำในห้องน้ำก็เงียบลง

ฟางจั๋วหรานเดาว่าสาวน้อยคงจะอาบน้ำเสร็จแล้วแน่

เขาพลันตั้งตารอภาพของหลินม่ายที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเองขึ้นมา ดวงตานั้นจับจ้องไปยังประตูห้องน้ำอย่างร้อนแรง

แต่ประตูห้องน้ำยังไม่ทันถูกเปิดออก กลับได้ยินเสียงร้องอันน่าสงสารของหลินม่ายขึ้น

ฟางจั๋วหรานรู้สึกเพียงหัวใจบีบรัด เขาพุ่งเข้าไปราวสายฟ้าแลบ แล้วผลักประตูห้องน้ำเปิดออก แต่ฉากเบื้องหน้านั้นเกือบจะทำให้เขาเลือดกำเดาไหล

หลินม่ายที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาอยู่นั้นกำลังล้มหงายอยู่บนพื้น

ข้างๆ เรียวขาเล็กเปลือยเปล่าข้างหนึ่งของเธอมีสบู่อยู่ก้อนหนึ่ง คาดว่าเธอคงจะไม่ระวังแล้วเหยียบสบู่จนลื่นล้ม

ฟางจั๋วหรานกลัวหัวของเธอจะกระแทกพื้น แล้วจะเกิดเป็นอะไรไป เขารีบพูดขึ้น “อยู่นิ่งๆ นะ ให้ผมตรวจดูหน่อย”

หลินม่ายในเวลานั้นเมื่อนึกได้ว่าต้นขาทั้งสองของตัวเองนั้นเปิดเผยโล่งโจ้งอยู่ต่อหน้าต่อตาฟางจั๋วหรานแล้ว เธอก็รู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดิน ตะโกนขึ้นอย่างตื่นตระหนก “คุณไม่ต้องเข้ามา คุณห้ามเข้ามาเด็ดขาดเลยนะ!”

ฟางจั๋วหรานได้ยินเสียงเธอดังลั่นขึ้นมา ก็รู้ว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก

มุมปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะย่อตัวอุ้มเธอขึ้นมาด้วยท่าเจ้าหญิง

กระซิบเสียงเบาที่ข้างหูของเธอ “ใส่เสื้อผ้าของผมแล้วก็คือผู้หญิงของผม ยังกล้าสั่งไม่ให้ผมเข้ามาอีกเหรอ? ใจกล้ามาจากไหนกัน?”

หลินม่ายกะพริบตามองเขาราวกับคนที่ไม่รู้จัก

ที่แท้ศาสตราจารย์ที่ดูเหมือนสูงส่งเย็นชาคนนั้นแอบโรคจิตขนาดนี้เลยหรือนี่?

ทำยังไงดี ชอบมองเขาพูดคำหวานๆ อย่างจริงจังแบบนี้จัง

ขณะที่ฟางจั๋วหรานวางเธอลงบนเตียงแล้วเริ่มตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเธอ หลินม่ายก็พูดตอบโต้กลับไป “คนที่ใส่เสื้อผ้าของคุณก็คือผู้หญิงของคุณงั้นเหรอ? คุณเอาเสื้อผ้าให้ฉันอีกสามสี่ตัวสิ ฉันออกไปข้างนอกสักรอบ ก็พาผู้หญิงกลับมาให้คุณได้เป็นโขยงแล้ว!”

ฟางจั๋วหรานก้มหน้าลงจูบลงบนริมฝีปากของเธออย่างหนักหน่วง “แล้วแต่คุณสิ จะใส่หรือไม่ใส่เสื้อผ้าของผม คุณก็เป็นผู้หญิงของผมอยู่ดี”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

สำลักความหวานของคู่นี้จริงๆ เพิ่งคบกันมันก็หวานอย่างนี้สินะ

ไหหม่า(海馬)