ตอนที่ 178 ของหวานก็คือตัวเอง

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 178 ของหวานก็คือตัวเอง

หลังจากตรวจดูเสร็จและมั่นใจแล้วว่าหลินม่ายไม่เป็นอะไร ฟางจั๋วหรานถึงวางใจลงได้

เขาเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อ เมื่อครู่นี้ทำเอาเขาตกอกตกใจจริงๆ จนเขาต้องคลายกระดุมออกสัก

แต่หลินม่ายนั้นกลับเข้าใจผิด นึกว่าเขาคิดจะมีอะไรกับเธอ

พลันลุกขึ้นมานั่งบนเตียง แล้วขยับก้นเคลื่อนไปข้างหลัง ดวงตาอันหวาดกลัวแทบจะถลนออกมา “คุณ… คุณคิดจะทำอะไร?”

ทันใดนั้นฟางจั๋วหรานนึกอยากจะแกล้งเธอขึ้นมา เขาค้ำมือสองข้างเอาไว้ข้างตัวเธอ ระยะห่างกระชั้นชิด จนลมหายใจประสานกัน

เขาพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ “สาวสวยอยู่ต่อหน้า คุณคิดว่าผมคิดยังไงล่ะ?”

เขาเอียงหัวจูบลงบนริมฝีปากของเธออย่างหนักหน่วงอีกครั้ง “ไม่ต้องรีบร้อนหรอก เดี๋ยวคุณก็รู้คำตอบแล้ว”

หลินม่ายไม่รู้ว่าเขาเพียงแค่คิดจะแกล้งเธอ จึงใช้มือเล็กสองข้างพยายามผลักเขาออกเต็มแรง “ไม่เอานะ! ยาเมเตะ!”

ฟางจั๋วหรานที่เพิ่งจะผลักเธอลงบนเตียงตกตะลึงไปเล็กน้อย “ยาเมเตะ? คุณพูดภาษาญี่ปุ่นเป็นด้วยเหรอ?”

สีหน้าของหลินม่ายแข็งทื่อ

ในชาติหลังจากหาเงินได้จนพอจะรวยขึ้นมาบ้าง เพื่อบรรลุความใฝ่ฝันในการเรียนมหาวิทยาลัยของตน เธอจึงเรียนหลักสูตรมัธยมปลายด้วยตัวเอง และสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยสำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่ยากมาก สอบติดสาขาการศึกษาผู้ใหญ่มหาวิทยาลัยอู่ฮั่น

แม้จะแตกต่างกับนักศึกษาที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยอู่ฮั่นด้วยการสอบในปีนั้นเหล่านั้นราวฟ้ากับเหว แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยดอกซากุระบานสะพรั่งไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิแห่งนั้นอยู่สามปี

เธอมีความสามารถในการเรียนรู้ที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะด้านภาษา ด้วยเหตุนี้ในระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย เธอก็เรียนภาษาต่างประเทศสองสามภาษาทั้งอังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลีเป็นแล้ว

เมื่อครู่ด้วยอารามตกใจ เธอจึงหลุดปากโพล่งคำว่ายาเมเตะออกไป

เธอขมวดคิ้ว “คือว่า… ตอนที่ไปดูวิดีโอที่โรงฉายภาพ ได้ยินตัวเอกหญิงในนั้นตะโกนแบบนี้ ฉันก็เลยจำมาน่ะค่ะ”

ฟางจั๋วหรานตบเบาๆ ที่ใบหน้าของเธอ แล้วหัวเราะอย่างยากจะคาดเดาความคิด “ในเมื่อคุณอยากรู้เรื่องความสัมพันธ์ของชายหญิงขนาดนี้ งั้นเรามาศึกษากันตอนนี้เลยไม่ดีกว่าเหรอ?”

“ไม่เอา!” หลินม่ายปฏิเสธเสียงแข็ง

“แต่ผมอยากทำ!”

ในขณะที่เบื้องหน้ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ที่เกินรับมือบางอย่างขึ้น ก็มีใครบางคนมาเคาะประตูห้อง

ฟางจั๋วหรานจ้องมองหลินม่ายอยู่สองสามวินาที “วันนี้ผมจะปล่อยคุณไปก่อน”

แล้วลุกขึ้นจากเตียง เดินไปเปิดประตู

หลินม่ายดีดตัวลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างรวดเร็ว ก่อนสาวเท้าพุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำ

เธอปิดประตูลงกลอนจากข้างใน นั่งยองๆ แล้วซักเสื้อผ้าเสียงดังตูมตาม ข่มความตื่นตระหนกของตนให้สงบลง

ครุ่นคิดในใจ หากว่าอีกเดี๋ยวฟางจั๋วหรานไม่ปล่อยเธอไปจะทำอย่างไร?

ด้านนอกนั้นพนักงานได้มาแจ้งฟางจั๋วหราน เนื่องจากเขาได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักเรียน ด้วยคำขอของเหล่านักเรียน ทำให้ทางวิทยาลัยได้จัดให้เขามีการบรรยายในช่วงบ่าย

หลังจากส่งพนักงานกลับไปและปิดประตูลง ฟางจั๋วหรานก็พบว่าหลินม่ายหายตัวไป แต่ในห้องน้ำกลับมีเสียงตูมตามดังออกมา

เขาเดินเข้าไปเคาะประตู “ทำอะไรอยู่ข้างในน่ะ?”

“ซักผ้า”

“งั้นก็ไม่ต้องลงกลอนจากด้านในหรอกน่า”

อาบน้ำเมื่อครู่นี้ก็ยังไม่ได้ลงกลอนเลย ตอนนี้ซักผ้ากลับลงกลอน ดูเหมือนตนจะทำให้สาวน้อยคนนี้กลัวจริงๆ เสียแล้ว

“ฉัน… ฉันกลัวคุณจะรังแกฉันนี่นา~”

ฟางจั๋วหรานรับประกันด้วยคำมั่น “เมื่อกี้นี้ผมแค่แกล้งคุณเล่นเฉยๆ ผมจะไม่รังแกคุณอย่างแน่นอน”

หลินม่ายแค่นหัวเราะอย่างเย็นชาอยู่ในห้องน้ำ “มีแมวตัวไหนไม่กินปลาบ้าง คุณโกหก!”

“ถ้าผมอยากจะกินคุณ คุณเองก็ขวางผมไม่อยู่หรอกนะ”

ฟางจั๋วหรานหาลวดเหล็กเส้นหนึ่งมา แล้วไขที่รูกุญแจของประตูห้องน้ำอยู่ไม่นาน ประตูก็เปิดออก

หลินม่ายมองเขาด้วยสีหน้าที่ราวกับเห็นผี “ไม่นึกว่าคุณยังมีความสามารถแบบหัวขโมยอยู่ด้วย~”

ฟางจั๋วหรานยกยิ้มมุมปาก ก่อนเดินเข้าไปหาเธอ

หลินม่ายกลับมาตื่นตระหนกอีกครั้ง “คุณ คุณ คุณเพิ่งบอกว่าจะไม่รังแกฉันนะ พูดแล้วห้ามคืนคำ!”

ฟางจั๋วหรานหิ้วตัวเธอขึ้นมา แล้วซักเสื้อผ้าเอง

เมื่อนั้นหัวใจของหลินม่ายถึงกลับเข้าที่ เธอวิ่งไปนั่งลงที่โซฟาในห้อง พลางหยิบนิตยสารเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน นึกไม่ถึงว่าจะเป็นนิตยสารเกี่ยวกับอาหาร ยิ่งดูก็ยิ่งหิว

ฟางจั๋วหรานซักผ้าเสร็จแล้วก็เดินออกมา หลินม่ายเงยหน้าพูดขึ้นอย่างอ่อนระโหย “หิวจังเลย”

ฟางจั๋วหรานยิ้มอย่างน่าหลงใหล “ผมก็หิวเหมือนกัน”

ดวงตาคู่นั้นจับจ้องมาที่เธอราวกับมองเหยื่อ

หลินม่ายหวาดหวั่น นึกถึงการกระทำของเขาเมื่อครู่ พลันระแวดระวังเต็มที่

ฟางจั๋วหรานหัวเราะเบาๆ หลังตากเสื้อผ้าแล้ว จึงหันกลับมามองเธอ “สภาพคุณเป็นแบบนี้คงออกไปกินข้าวข้างนอกไม่ได้ ผมจะออกไปซื้อข้าวกลับมาแล้วกัน”

พูดจบ เขาก็ออกไปข้างนอกแล้วซื้ออาหารกลับมา กลับพบว่าหลินม่ายไม่ได้นั่งอยู่โซฟาดีๆ แต่มาคุกเข่าอยู่ข้างโต๊ะกาแฟ

เขาถามขึ้นอย่างสงสัย “คุณกำลังทำอะไรน่ะ?”

หลินม่ายดึงชายของเสื้อเชิ้ตบนตัว พลางพูดด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย “ฉันกลัวว่านั่งบนโซฟาแล้วจะหวอออกน่ะสิ”

ฟางจั๋วหรานหิ้วตัวเธอขึ้นมานั่งบนโซฟา “ก่อนหน้านี้ผมบอกคุณแล้วไง ว่าผมคุ้นเคยกับโครงสร้างร่างกายมนุษย์มาก คุณไม่จำเป็นต้องปกปิดหรอก”

หลินม่ายยิ้มอย่างเก้อเขิน

อาหารที่ฟางจั๋วหรานซื้อกลับมาล้วนเป็นของที่หลินม่ายชอบกินทั้งหมด เธอจึงมีความสุขอย่างมากกับการกินอาหารมื้อนี้

หลังจากฟางจั๋วหรานกินข้าวเสร็จ เขาก็วางตะเกียบลง แล้วจ้องมองเธอไม่วางตา “ถ้ามีของหวานด้วยก็คงดี”

หลินม่ายตกใจกลัวจนตัวสั่นเทา เธอสงสัยว่าของหวานที่ว่าของเขานั้นจะหมายถึงตัวเธอเอง

โชคดีที่เธอแค่ตื่นตูมไปเอง ฟางจั๋วหรานไม่ได้ทำอะไรกับเธอเลย

การประชุมวิชาการครั้งนี้ของฟางจั๋วหรานจะจัดขึ้นเป็นเวลาสามวัน ส่วนหลินม่ายนั้นต้องรีบกลับไปขายเสื้อผ้า จึงไม่สามารถอยู่ต่อรอกลับเมืองเจียงเฉิงพร้อมกันกับเขาได้

หลังจากกินข้าวเสร็จ ฟางจั๋วหรานก็ไปหาพนักงานของที่พัก และซื้อตั๋วรถไฟตู้นอนไปยังเมืองเจียงเฉิงออกรถเวลาหกโมงเย็นวันนี้มา1ใบ

เมื่อซื้อตั๋วรถไฟเสร็จแล้ว ฟางจั๋วหรานก็ไปยังวิทยาลัยทันที หลินม่ายนอนกลางวันอยู่บนเตียงเพื่อสะสมพลังงาน ตอนเย็นจะได้นั่งรถไฟกลับเมืองเจียงเฉิงคนเดียว

ในตอนที่เธอตื่นขึ้นมา ก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่าแล้ว

เธอกวาดตามองไปอย่างไม่ใส่ใจ และทันใดนั้นสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่เสื้อผ้าที่พับเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยพวกนั้นบนโซฟา

เสื้อผ้าพวกนี้เป็นเสื้อผ้าที่เพิ่งซักก่อนมื้อเที่ยง ฤดูร้อนอากาศร้อนระอุ มันจึงแห้งอย่างรวดเร็ว

…ฟางจั๋วหรานคงจะกลับมาระหว่างที่เธอหลับสินะ ไม่อย่างนั้นใครจะพับเสื้อผ้าพวกนี้ล่ะ?

งั้นเขาจะไม่เห็นสภาพนอนโดยที่เปลือยขาทั้งสองข้างของตนหรอกเหรอ?

หลินม่ายนึกสภาพของตัวเองที่นอนโดยสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขา ก็อับอายจนแทบไม่มีหน้าไปเจอใคร

หลังจากปลอบใจตัวเองอยู่นานสองนาน บอกตัวเองไม่หยุดว่าเธอกับฟางจั๋วหรานเป็นคนรักกัน ถูกเขาเห็นก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร หลินม่ายก็ผ่อนคลายลงในที่สุด

เสื้อผ้าทั้งหมดก็อยู่นี่แล้ว มีเพียงเสื้อเชิ้ตสีชมพูและกางเกงยีนสองตัวนั้นเท่านั้นที่ไม่เห็น คิดว่าฟางจั๋วหรานคงจะใส่มันอยู่

ไม่นึกว่าท่านศาสตราจารย์เองก็ชอบชุดก๋ากั่นแบบนั้นด้วย

หลินม่ายลองกระโปรงทั้งหมดที่ฟางจั๋วหรานซื้อให้เธอรอบหนึ่ง มันทั้งพอดีตัวแล้วสวยมาก ทว่าเธอยังไม่ได้ลองใส่ชุดชั้นในทุกตัว แต่ลองแค่ยกทรงตัวเดียวเท่านั้น

ยกทรงที่เธอใส่อยู่ตอนนี้เป็นตัวที่ซื้อที่ร้านค้าเล็กๆ ในเมืองเจียงเฉิง อันที่จริงเรียกว่าเป็นยกทรงไม่ได้ด้วยซ้ำ พูดตามตรง ควรจะเรียกว่าเสื้อกล้ามตัวสั้นมากกว่า

ในด้านของความสบายและรูปทรงนั้นเทียบไม่ติดกับของที่ฟางจั๋วหรานซื้อให้เลย คุณภาพเป็นไปตามราคาจริงๆ

หลินม่ายสวมเสื้อเชิ้ตแขนพองสีขาวแมทช์กับกระโปรงสั้นทรงเค้กสีดำ พร้อมมัดผมหางม้า ผลที่ได้นั้นดีอย่างน่าประหลาด ดูราวกับนักเรียนหญิงผู้ใสซื่อบริสุทธิ์

เมื่ออยู่ในห้องว่างจนไม่มีอะไรทำ หลินม่ายจึงมาดูฟางจั๋วหรานบรรยายที่มหาวิทยาลัยแพทย์หัวหนาน

เธอยังไม่เคยเห็นมาดในชั้นเรียนของเขาเลย

ตอนที่เธอในชุดขาวดำเดินอยู่ในเขตวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยแพทย์หัวหนาน รูปลักษณ์ที่สวยงามของเธอก็ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนไม่น้อย ถึงกับมีนักศึกษาชายเข้ามาตีสนิทเธอเลยทีเดียว

ทันใดนั้นหลินม่ายจึงเพิ่งตระหนักได้ ว่าที่แท้ตนเองก็มีความสวยอยู่บ้าง และยังมีเสน่ห์อยู่หน่อยๆ แถมยังมีคนมาจีบอีกด้วย

ชาติที่แล้วอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเอาแต่บอกว่าเธอทั้งขี้เหร่ทั้งพื้นๆ ธรรมดา คอยทำร้ายความมั่นใจในตัวเองของเธอไม่หยุดหย่อน

หากไม่มีการเปรียบเทียบก็มองไม่เป็นความเป็นจริง อู๋เสี่ยวเจี๋ยนในชาติก่อนเลวร้ายเกินกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อะเฮ้ออ ใจเย็นพี่หมอ ม่ายจื่อยังอายุไม่ถึงยี่สิบ เดี๋ยวจะไอคุกๆๆๆ นะ

จริงๆ เธอเป็นคนสวยค่ะม่ายจื่อ แต่โดนไอ้หน้าปลาบู่มันพูดกดจนคิดว่าไม่สวยเท่านั้นเอง

ไหหม่า(海馬)