ตอนที่ 179 เห็นเธอเป็นศพเหรอ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 179 เห็นเธอเป็นศพเหรอ?

หลินม่ายมาถึงหอประชุมAของวิทยาเขตA แม้ว่าที่นั่นจะมีนักศึกษาเดินขวักไขว่ไปมาไม่น้อย แต่ก็หาเงาของฟางจั๋วหรานไม่เจอเลย

หลินม่ายค่อนข้างแปลกใจ เธอจำได้แน่ๆ ว่าฟางจั๋วหรานเคยบอกกับเธอว่า เขาจะทำการบรรยายที่หอประชุมAวิทยาเขตA

เธอได้ยินนักศึกษาสองสามคนที่รอเก้อเหมือนเธอกำลังพูดถึงการหายตัวไปของฟางจั๋วหรานกับนักศึกษาคนอื่นๆ

“ในบอร์ดของวิทยาลัยประกาศว่าบ่ายวันนี้ศาสตราจารย์ฟางจะมาบรรยายที่หอประชุมAไม่ใช่เหรอ ฉันตั้งใจโดดเรียนวิ่งมาเลยนะ ทำไมไม่มีใครเห็นเขาเลยล่ะ?”

บอร์ดของวิทยาลัยยังติดรูปของศาสตราจารย์ฟางเอาไว้ด้วย คนในรูปหล่อปานเทพบุตร ขนาดดาราฮ่องกงยังเทียบไม่ติด พวกเขารีบมาก็เพื่อจะได้ยลโฉมสักครั้ง

บนโลกนี้มีคนแบบนี้ที่ไหนกัน พระเจ้าให้ไอคิวสูงๆ มาแล้ว ยังจะให้ความหล่อมาอีกเหรอ? อยุติธรรมเกินไปแล้ว!

นักศึกษาบางคนที่พอรู้รายละเอียดพูดขึ้น “เมื่อกี้นี้ศาสตราจารย์ฟางพูดเปิดการบรรยายที่นี่แล้วจริงๆ แล้วก็ต้องไปพูดเปิดการบรรยายแห่งที่2ทันที แต่ว่าไม่ใช่ที่นี่หรอก แต่เป็นหอประชุมCวิทยาเขตCต่างหาก”

นักศึกษาบางคนที่ยังไม่เคยเห็นฟางจั๋วหรานเอ่ยถาม “ศาสตราจารย์ฟางตัวจริงหล่อเหมือนในรูปหรือเปล่า?”

คนบางคนในรูปหล่อมาก แต่ตัวจริงกลับดูธรรมดา

“หล่อยิ่งกว่าในรูปเยอะเลยล่ะ ไม่คุยกับพวกเธอแล้ว พวกฉันต้องไปแย่งทำเลที่ดีที่สุดเพื่อจะดูพี่ชายฟางสุดหล่อ”

กลุ่มผู้รู้รายละเอียดเหล่านั้นทิ้งคนอีกกลุ่มไว้แล้วจากไปทันที

หลินม่ายและนักศึกษาจำนวนไม่น้อยวิ่งเหยาะๆ ตามกลุ่มผู้รู้เรื่องราวเหล่านั้นมาถึงหอประชุมCวิทยาเขตC

หลินม่ายเชื่อมั่นมาตลอดว่า หากเราชอบใครสักคน ต่อให้อยู่ท่ามกลางฝูงชนมากมาย ก็สามารถหาเขาเจอได้ในชั่วพริบตา

ตอนที่เธอกวาดมองไปรอบหอประชุมCรอบหนึ่ง ก็มองเห็นร่างที่สวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูนั่งอยู่แถวหน้าสุด ก้มหน้าลงคงจะกำลังอ่านสคริปต์อยู่

เสื้อเชิ้ตนั่นก็เป็นของที่เธอให้ฟางจั๋วหรานเองนี่นา!

หลินม่ายใจเต้นตึกตักด้วยความดีใจ เธอรีบหยิบกระจกบานเล็กออกมา ตรวจดูว่าตัวเองเหงื่อโชกหรือเปล่า ผมยุ่งหรือเปล่า

เมื่อเห็นว่าสภาพของตนดูไม่เลว เธอก็ยิ้มหวานให้กับกระจก

แต่กลับนึกไม่ถึงว่ารอยยิ้มที่ไม่ได้คิดอะไรนี้จะทำให้ชายหนุ่มสองสามคนที่อยู่ตรงข้ามกับเธอตะลึงตาค้าง

หลินม่ายเก็บรอยยิ้มลงอย่างเก้อเขิน ก่อนก้าวเท้าเข้าไปทักทายฟางจั๋วหรานอย่างว่องไว อยากจะทำเซอร์ไพรส์เขาสักหน่อย

“สวัสดีค่ะศาสตราจารย์ฟาง—“ หลินม่ายตบไหล่ของแผ่นหลังคุ้นเคยนั้นเบาๆ แล้วเอ่ยเสียงหวาน

“เอ่อ… อะไรนะครับ?” ชายหนุ่มที่ถูกตบไหล่หันกลับมา มองมาที่เธออย่างงุนงง

หลินม่ายเบิกตากว้างทันที

ทักผิดคนแล้ว!

เธอหมุนตัววิ่งหนีเตลิดไปซ่อนอยู่ที่มุมของห้องประชุมด้วยความอับอายขายหน้า จนแทบอยากจะขุดหลุมมุดเข้าไปให้รู้แล้วรู้รอด

ต่อให้จักรพรรดิคังซีต้องการขอเวลาสวรรค์อีก500ปี แต่หลินม่ายกลับไม่ยึดติดกับอะไรเลย เธอเพียงอธิษฐานอยู่ในใจอย่างลับๆ ขอให้ไม่มีใครเห็นเรื่องทั้งหมดที่เกิดเมื่อครู่นี้ด้วยเถิด~

หารู้ไม่ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อครู่ได้ตกอยู่ในสายตาของฟางจั๋วหรานที่ยืนอยู่บนระเบียงชั้นสองของประชุมทั้งหมด

นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าสาวน้อยคนนั้นใส่กระโปรงตัวใหม่ที่เขาซื้อให้แล้วจะสวยขนาดนี้เชียว!

เขาก้าวลงมาอย่างเชื่องช้า เดินมุ่งไปยังที่นั่ง เรียกเสียงกรีดร้องของสาวๆ ตรงนั้นได้ไม่น้อย

“ว้าว ศาสตราจารย์ฟางหล่อจังเลย!”

“นี่! ศาสตราจารย์กำลังมองฉัน! ตื่นเต้นจังเขินจังเลย! ฉันจะจีบเขา!”

เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างเป็นเหตุเป็นผล “พวกเธอนี่มันพวกบ้าผู้ชายที่มีการศึกษาสูงชัดๆ เห็นคนหล่อก็ตาลุกโชนเชียว ไม่คิดดูสักหน่อยว่าศาสตราจารย์ฟางอายุยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่งงานหรือยัง ถ้าคนอื่นเขาแต่งงานไปแล้ว พวกเธอยังจะจีบอะไรอีก!”

หลินม่ายที่แอบอยู่ในมุมมืดได้ยินก็พยักหน้ารัวๆ ใช่แล้วๆ

พวกเธอเป็นลูกรักของพระเจ้า มีความคิดตื้นเขินแบบนี้ได้ยังไง ต้องให้คนมาเตือนสติเสียได้!

ผู้หญิงคนหนึ่งประสานมือสองข้างยกไว้ที่หน้าอก น้ำตาอันสิ้นหวังหยดลงมาจากข้างแก้ม จ้องมองไปที่ฟางจั๋วหรานด้วยท่าทางหิวกระหาย “แต่งงานแล้วก็ยังหย่าได้นี่ ให้เป็นแม่เลี้ยงฉันก็ไม่ถือหรอก!”

“ฉันก็ไม่ถือเหมือนกัน!” เด็กสาวไม่น้อยส่งเสียงขึ้นมา

แล้วศีลธรรมล่ะ? ยัยผีเสื้อรุมตอมดอกไม้พวกนี้ช่วยเก็บอาการสักนิดได้ไหม สำรวม! สำรวม!

หลินม่ายส่งสายตาเหยียดหยามให้กับพฤติกรรมบ้าผู้ชายของพวกหล่อนด้วยความโมโห

แฟนสาวตัวจริงอย่างเธอก็อยู่ตรงนี้นะ พวกบ้าผู้ชายที่มีการศึกษาสูงกลุ่มนี้กลับกำลังรวมตัวล่อลวงแฟนหนุ่มของเธอ เห็นเธอเป็นศพหรืออย่างไร?

ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมา “อ๊ะ! ไม่ได้การ ฉันต้องกลับห้องไปเอากล้องถ่ายรูป ถ่ายทุกช่วงเวลาอันงดงามของศาสตราจารย์ฟางทั้งหมดเก็บไว้เป็นที่ระลึก”

“ฉันก็ต้องกลับไปเอากล้องถ่ายรูปเหมือนกัน”

หญิงสาวที่มีกล้องถ่ายรูปทุกคนพลันวิ่งออกไปกันหมดในพริบตา คาดว่าคนที่ไม่มีก็คงจะไปยืมมาจากผู้ชาย

ชั่วขณะนั้น ผู้ชายของสถาบันการศึกษาชั้นสูงแห่งนี้ก็ถูกกำหนดให้โดนคริติคอลฮิตไป1000แต้มแล้ว

เพราะพวกผู้หญิงนั้นมาขอยืมกล้องถ่ายรูปจากพวกเขา เพื่อไปถ่ายรูปผู้ชายคนอื่น!

เมื่อพวกบ้าผู้ชายมีการศึกษาหายไปไม่น้อยแล้ว หลินม่ายถึงได้มีอารมณ์ชื่นชมแฟนหนุ่มของตัวเองขึ้นมา

เสื้อเชิ้ตสีชมพูกับกางเกงยีน ทำให้เขาทั้งหล่อทั้งก๋ากั่นทั้งดูสุภาพไปพร้อมกัน ช่างน่าเจริญตาจริงๆ

ตอนที่พวกผู้หญิงที่วิ่งไปเอากล้องถ่ายรูปเมื่อครู่กลับมานั้น ก็ยังมีน้ำใจชักชวนพวกผู้หญิงกลับมาด้วยอีกหลายคน

หลินม่ายค้นพบสิ่งนั้นด้วยความตกตะลึง ไม่ถึง10นาที หอประชุมที่แต่เดิมยังมีที่ว่างอยู่สองในสามส่วนพลันเต็มแน่นขนัด นอกจากนี้99%คือผู้หญิง

ผู้หญิงพวกนั้นล้วนจ้องมองฟางจั๋วหรานด้วยสายตาเป็นประกาย จนแทบจะเอื้อมมือไปฉุดเขาลงมาอยู่แล้ว

หลินม่ายถามอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า นักศึกษาหญิงในกว่างโจวเปิดเผยแบบนี้กันหมดเลยเหรอ?

เมืองเจียงเฉิงของพวกเธอยังดีเสียกว่า พวกเด็กสาวไม่มีใครกล้าแสดงความชอบพอของตนออกมาอย่างใจกล้าขนาดนี้เลย

บนแท่นบรรยายนั้น ฟางจั๋วหรานก็ได้เริ่มการบรรยายไปแล้ว

สิ่งที่เขาพูดล้วนเป็นตัวอย่างเคสผู้ป่วยและพวกศัพท์เฉพาะทางอันลึกล้ำที่หลินม่ายฟังไม่รู้เรื่องสักนิด

ท่านศาสตราจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ สิ่งที่คุณบรรยายเข้าใจยากขนาดนี้ ได้คำนึงถึงความสามารถในการทำความเข้าใจของประชาชนคนธรรมดาอย่างเราไหมเนี่ย

หลินม่ายฟังไปด้วยความตกตะลึง ความคิดล่องลอยไปถึงแดนวิมาน

พวกบ้าผู้ชายด้านล่างแท่นบรรยายกดชัตเตอร์ถ่ายรูปไม่หยุด พยายามสุดชีวิต เพื่อที่จะจับทุกช่วงเวลาอันงดงามของศาสตราจารย์ฟางเอาไว้ให้ได้อย่างแม่นยำ

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เมื่อการบรรยายสิ้นสุดลง ฟางจั๋วหรานก็ก้าวขาเดินเข้าไปหาหลินม่ายท่ามกลางสายตาจับจ้องของผู้คนมากมาย

หลินม่ายที่แอบอยู่ในมุมห้องกะพริบตาเบิกตามองไปทางเขาด้วยความตกตะลึง

เธอซ่อนตัวได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ เขามองแค่แวบเดียวก็ล็อกเป้าเธอได้เลยงั้นเหรอ!

เธอนึกถึงคำพูดนั้นที่ตนเชื่อมั่นขึ้นมา หากเราชอบใครสักคน ต่อให้อยู่ท่ามกลางฝูงชนมากมายเป็นพันเป็นหมื่น ก็ยังสามารถหาเขาเจอได้ในชั่วพริบตา

เมื่อพริบตานั้น เธอเชื่อแล้วว่าฟางจั๋วหรานนั้นรักเธอ อย่างน้อยในตอนนี้ก็เป็นคนที่รักเธอมาก

ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มองเห็นเธอท่ามกลางฝูงชนมากมายได้ในทันทีหรอก

ต่อให้วันหนึ่งเขาจะหมดรักเธอ เธอก็จะไม่นึกเสียใจกับความรักที่เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟในวันนี้

ความรู้สึกของคนนั้นเปลี่ยนแปลงได้ และเธอสามารถรับเรื่องนี้ได้ ขอเพียงครั้งหนึ่งเคยรักกันด้วยใจจริง สำหรับเธอมันก็เรื่องที่งดงามมากแล้ว

แต่สิ่งที่เธอไม่อาจรับได้ คือความรู้สึกจอมปลอมที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนใช้กับเธอมาตลอดตั้งแต่ต้น

นักศึกษาหญิงพวกนั้นพากันกรูเข้าไปล้อมฟางจั๋วหรานเอาไว้ บางคนก็อยากขอลายเซ็น บางคนก็อย่างถ่ายรูปกับเขา

ฟางจั๋วหรานไม่ได้แสดงไปตามบทเค้าเรื่องท่านประธานอันธพาลจอมบ้าคลั่งที่หลินม่ายเห็นในชาติก่อน

ในมโนภาพนั้น เขาทั้งถีบนักศึกษาหญิงที่รายล้อมอยู่พวกนั้นลอยออกไปด้วยท่วงท่าที่ราวกับเทพธิดาเหินอากาศ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงกร้าว “ฉันคบกับแฟนฉัน พวกเธอใครกล้ามาขวาง!”

แต่สถานการณ์จริงก็คือ “อยากขอลายเซ็นหรือจะถ่ายรูปด้วยก็ได้ครับ แต่มีเวลาให้แค่5นาทีเท่านั้นนะ”

ครู่หนึ่ง ภาพที่แปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้น

ฟางจั๋วหรานก้มหน้าลงเซ็นลายเซ็นให้กับพวกบ้าผู้ชายมีการศึกษาพวกนั้นอย่างรวดเร็ว หลายคนกรูเข้ามาอยู่ข้างๆ เขาแล้วชูสองนิ้ว ให้คนอื่นช่วยถ่ายรูปให้

เวลา5นาทีผ่านไปในชั่วพริบตา

ยังมีพวกบ้าผู้ชายบางคนขอร้องให้เขาถ่ายรูปด้วยหรือเซ็นลายเซ็นให้อีก แต่ฟางจั๋วหรานไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย เขาเดินปลีกตัวจากวงล้อมนั้นมาหาหลินม่ายทันที

เขาหยุดฝีเท้าลงเบื้องหน้าเธอ แล้วเอ่ยชมด้วยความรักอันเต็มเปี่ยม “คุณสวมชุดนี้แล้วสวยจริงๆ !”

ในดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม

จะว่าสวยก็สวย แต่รองเท้าแตะส้นเตี้ยแสนธรรมดาคู่นี้มันทำให้ดูดรอปไปนิดหน่อย

โชคดีที่ส่วนสูง165เซนติเมตรของหลินม่ายในยุคนี้นั้นนับว่าสูงเพรียวได้เลย และช่วยชดเชยในข้อบกพร่องนี้ได้

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

นี่งานประชุมวิชาการหรืองานแฟนมีตติ้งศิลปินคะ หรือเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดเฉพาะตอนพี่หมอมาเท่านั้น?

ไหหม่า(海馬)