ตอนที่ 215 เซียวฮูหยินไม่ใช่คนธรรมดา

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 215 เซียวฮูหยินไม่ใช่คนธรรมดา

ตู้ซินแสตกตะลึงกับคำพูดของเยียนโส่วจ้าน เขาผงะไป

เขาแก่แล้วจนสมองไม่ตอบสนอง

หรือท่านโหวคิดมากเกินไป

เขาพูดอย่างระมัดระวัง “ท่านโหวกังวลมากเกินไปหรือไม่”

เยียนโส่วจ้านถลึงตา สีหน้าของเขาโหดเหี้ยมเหมือนต้องการกินคน

ตู้ซินแสใจสั่นด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย

สีหน้าของเยียนโส่วจ้านดำทะมึน สายตาดุร้ายผิดปกติ “เจ้าคิดว่าข้ากำลังพูดจาเหลวไหลหรือ เจ้าคิดว่าทุกสิ่งข้าคิดไปเองหรือ ซินแสมีความฉลาดกว่าคนทั่วไป เหตุใดจึงไม่ยอมเสียเวลาไล่เรียงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเซียวฮูหยินออกจากจวนโหว สุดท้ายท่านจะได้คำตอบเหมือนข้า”

ไม่รอตู้ซินแสตอบ เขาก็พูดต่อ

“ข้าจำได้ว่าระหว่างทางที่เซียวฮูหยินเดินทางเข้าเมืองหลวง นางเคยประสบกับการลอบสังหารครั้งหนึ่ง คนที่ลอบสังหารเป็นขันทีประตูเหลือง เรื่องนี้ยังไม่มีบทสรุปจนถึงบัดนี้ ซินแสคิดว่าผู้ใดกันที่พยายามจะกำจัดเซียวฮูหยิน เหตุใดเรื่องนี้จึงไม่มีข้อสรุปเสียที”

ตู้ซินแสตกใจ “ท่านโหวสงสัยว่าเรื่องการลอบสังหารเป็นแผนการของฮูหยินเองหรือ”

สีหน้าของเยียนโส่วจ้านดำทะมึน “มีความเป็นไปได้! ดังนั้นคดีลอบสังหารนี้จึงไม่มีข้อสรุปเสียที แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่ามีคนต้องการสังหารนางจริง เพียงแต่ข้ามีข้อสงสัยอยู่เสมอว่าผู้ใดอยากกำจัดนาง ฮ่องเต้หรือฮองเฮา หากทั้งสองต้องการสังหารผู้ใด ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมเพียงนี้ หากผู้อื่นต้องการกำจัดนาง ผู้อื่นนี้มีความเกี่ยวข้องกับนางอย่างไร

ตอนนั้นคดีองค์รัชทายาทจางอี้ปะทุขึ้น เจ้าและข้าล้วนไม่อยู่ในเมืองหลวง เมืองหลวงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ พวกเราก็ได้ยินจากผู้อื่น เนื้อหาที่เล่านั้นย่อมไม่อาจกระจ่างเท่าเซียวฮูหยินที่ประสบด้วยตัวเอง เจ้าคิดว่าตำหนักบูรพาจะล่มสลายหมดแล้วจริงหรือ จะเหลือเพียงเซียวฮูหยินผู้เดียวจริงหรือ”

ตู้ซินแสรีบพูด “เรื่องนี้ย่อมเป็นเท็จไม่ได้ ในเมื่อมีคนวางแผนที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ ย่อมต้องมีการจับตาเฝ้าดูตำหนักบูรพาเอาไว้ หากตำหนักบูรพาต้องการแอบส่งเชื้อสายชายออกจากตำหนักบูรพาคงเป็นไปไม่ได้ในสถานการณ์เช่นนี้ หากไม่มั่นใจว่าเชื้อสายชายตายจนหมดสิ้น อีกฝ่ายไม่มีทางรามือ ฮูหยินมีชีวิตรอดมาได้ บอกได้เพียงโชคดีที่นางเป็นสตรี หากนางเป็นบุรุษ คงจะต้องตายในตอนนั้นแล้ว”

เยียนโส่วจ้านพยักหน้า “เจ้าพูดมีเหตุผล ในสถานการณ์เช่นนั้น หากตำหนักบูรพาต้องการรักษาสายเลือดเอาไว้ แทบจะเป็นไปไม่ได้ เจ้าลองอธิบายให้ข้าฟังว่าเรื่องที่นางถูกลอบสังหารระหว่างทางเข้าเมืองหลวงเป็นอย่างไร”

ตู้ซินแสครุ่นคิด “หากไม่ได้มีคนไม่ต้องการให้นางเดินทางไปเมืองหลวง อาทิแม่ทัพที่มีกองกำลังมาก รวมไปถึงเชื้อสายราชวงศ์บางคน หรือไม่ก็เป็นเหมือนที่ท่านโหวกล่าว มันเป็นแผนการเจ็บตัวของฮูหยินเอง จุดประสงค์ก็เพื่อขจัดความระแวงของฮ่องเต้ที่มีต่อนาง

แต่ข้ายิ่งเอนเอียงไปทางความเป็นไปได้แรก มีคนไม่อยากให้ฮูหยินเข้าเมืองหลวง เพราะอย่างไรก็ตาม ฮูหยินออกจากเมืองหลวงยี่สิบปี ถึงแม้นางจะมีเส้นสายในเมืองหลวง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะว่าจ้างขันทีประตูเหลืองในวังหลวง”

เยียนโส่วจ้านหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าดูถูกนางเกินไป! ตำหนักบูรพาตายหมด มีเพียงนางรอดชีวิต เจ้าคิดว่านางใช้ดวงชะตาช่วยหรือองค์รัชทายาทจางอี้ ไม่ได้มีบุตรสาวเพียงคนเดียว แต่มีถึงเจ็ดแปดคน เพียงแค่ผู้ที่กำเนิดจากภรรยาเอกก็มีถึงสามคน เหตุใดจึงมีนางรอดเพียงคนเดียว เพียงแค่ดวงชะตาช่วย ไม่มีทางรอด”

ตู้ซินแสพยักหน้าเห็นด้วย

การมีชีวิตรอดในสถานการณ์ที่ทั้งตำหนักบูรพาตายหมดนั้นไม่ใช่แค่ดวงชะตา อีกทั้งยังต้องมีความฉลาดเฉลียวทางสติปัญญา มีการตอบสนองที่รวดเร็ว สามารถแยกแยะสถานการณ์ ใช้วิธีการที่เหมาะสมจึงจะรอดลงมาได้

มีชีวิตอยู่จนฮ่องเต้จ้งจงฟื้นคืนสติกลับมา เรียกคืนพระราชโองการประหารตำหนักบูรพา

ตอนนั้น เซียวฮูหยินเป็นเพียงคุณหนูอายุสิบกว่าปี

นางสามารถอยู่รอดในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าสติปัญญาของนางไม่ธรรมดา

สิ่งที่ทำให้คนยิ่งกลัวคือ นางไม่ได้มีเพียงสติปัญญาที่ฉลาดเฉลียวเกินคนทั่วไป แต่นางยังอดทนอย่างมาก

สามารถอดทนต่อทุกสิ่งที่คนทั่วไปอดทนไม่ได้

นางสามารถลดตัวลงมาแต่งงานกับเยียนโส่วจ้านโดยไม่ฝืนใจ

แม้ไม่มีความรักฉันสามีภรรยา นางก็สามารถให้กำเนิดบุตรสี่คนติดต่อกัน

นางสามารถอดทนต่อเฉินฮูหยินมายี่สิบปี มองดูเฉินฮูหยินเหิมเกริม

ผู้อื่นต่างบอกว่านางมีชีวิตอยู่อย่างต่ำต้อย ดูถูกนาง

แต่ผู้ใดจะรู้ว่านางกำลังซ่อนเร้นความสามารถ

ยิ่งนางมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากยิ่งดี นางยิ่งจะได้รับความเชื่อถือจากผู้คนด้านนอก เมืองหลวงและราชวงศ์

ทำให้ราชวงศ์วางใจอย่างสิ้นเชิง

เพียงแต่ ยี่สิบปีเชียว!

ความอดทนตลอดยี่สิบปีเต็ม

ถึงแม้อยู่เมืองหลวง แต่หลายปีนี้นางก็อดทนเสมอมา

ความอดทนนี้ไม่ใช่คนทั่วไปจะมีได้

ตู้ซินแสมีเหงื่อปรากฏขึ้นเต็มหน้าผาก พวกเขาต่างดูถูกเซียวฮูหยินเกินไป

ที่ผ่านมาเห็นนางเป็นเพียงสตรีธรรมดา

สูญเสียบิดามารดา สูญเสียทุกสิ่ง ไร้ที่พึ่งพิง จึงทำได้เพียงอดทน

หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายตั้งใจอดทน แสดงละครตบตาให้คนในวังดู

หากไม่มีความอดทนตลอดยี่สิบปี ย่อมจะไม่มีพระราชโองการเรียกท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านเข้าเมืองหลวงไปทูลรายงานหน้าที่ เซียวฮูหยินก็ไม่มีโอกาสเข้าเมืองหลวงแทนเยียนโส่วจ้าน อีกทั้งยังพาบุตรสาวทั้งสองไปด้วย

นางเหลือไว้เพียงบุตรชาย ทั้งเพื่อแย่งชิงอำนาจทางการทหาร แต่ก็เป็น ‘ตัวประกัน’ ในรูปแบบหนึ่ง ‘ตัวประกัน’ ที่ทำให้ท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านปล่อยนางไปเมืองหลวงอย่างวางใจ

ร้ายกาจ!

ตู้ซินแสไล่เรียงเรื่องที่เกิดขึ้นในหลายปีนี้ จากนั้นเขาจึงตระหนักได้ว่าสิ่งที่เยียนโส่วจ้านพูดนั้นไม่ใช่เรื่องเหลวไหลทั้งหมด

มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นความจริง

ความจริงก็คือพวกเขาล้วนถูกเซียวฮูหยินหลอก

สตรีผู้นั้นหลอกหลวงทุกคนอย่างแนบเนียน

ใช้เวลายี่สิบปีทำให้คนเชื่อว่านางไม่มีพิษภัย เป็นคนที่สามารถดูถูกได้

สุดท้ายถูกตบหน้าอย่างแรง…

ตู้ซินแสหัวเราะขมขื่น “ข้ามีตาหามีแววไม่ ขอท่านโหวโปรดลงโทษ!”

ในฐานะกุนซือ เขาไม่สามารถมองแผนการของเซียวฮูหยินได้ทะลุปรุโปร่ง เขามีความผิด!

เยียนโส่วจ้านโบกมือ พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ใช่ความผิดของเจ้า พวกเราทุกคนต่างมองผิดไป เพราะหากแข่งความอดทน ไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของนาง นางสามารถวางแผนอย่างใจเย็นมายี่สิบปี เพียงเพื่อรอโอกาสหนึ่ง หากเป็นข้าคงทำไม่ได้ ข้าชื่นชมนาง ชื่นชมนางจากใจจริง เสียดายเพียงนางไม่ได้มีใจเดียวกันข้า”

“ใช่ว่าจะไม่มีใจเดียวกัน” ตู้ซินแสพูดขึ้น

เยียนโส่วจ้านขมวดคิ้ว “ซินแสหมายความว่าอย่างไร”

ตู้ซินแสกดเสียงต่ำ “สิ่งที่ฮูหยินยึดติดอยู่ในใจมากที่สุดก็คือการแก้แค้นให้ตำหนักบูรพา ศัตรูก็คือราชวงศ์ ถึงแม้จุดเริ่มต้นแตกต่างกัน แต่แผนการของฮูหยินกับท่านโหวเหมือนกัน ท่านโหวปล่อยวางอคติ ร่วมมือกันฮูหยินดีหรือไม่”

เยียนโส่วจ้านขมวดคิ้วมุ่น “เจ้าให้ข้าร่วมมือกับนาง เป็นวัวเป็นควายให้นาง แก้แค้นให้นาง ข้าจะได้ประโยชน์อันใด เจ้าคิดว่าจากความสามารถของตระกูลเยียนจะก่อกวนแผ่นดินนี้ได้หรือ ถึงแม้ข้าจะยกยอตนเอง แต่ก็ไม่ได้อวดดีเพียงนั้น”

เห็นได้ชัดว่าเยียนโส่วจ้านไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของตู้ซินแส

การร่วมมือกับเซียวฮูหยินมีความเสี่ยงเกินไป ผลประโยชน์ที่ได้รับก็มีจำกัด

อาทิ เขาร่วมมือกับเซียวฮูหยินโค่นล้มราชวงศ์ แม้แผ่นดินจะเกิดความวุ่นวาย เขาก็ไม่อาจนั่งบัลลังก์นั้นได้

เพราะเหตุใด

ผู้ที่มีกองกำลังและความสามารถบนแผ่นดิน อย่างน้อยมีสิบยี่สิบคน

คนเหล่านี้จะทนดูเยียนโส่วจ้านได้รับผลประโยชน์ได้หรือ

ตราบใดที่เยียนโส่วจ้านแก้แค้นแทนเซียวฮูหยิน เพียงชั่วพริบตา ตระกูลเยียนก็จะถูกคนสังหารจนหมด เหตุผลคือแก้แค้นแทนฮ่องเต้

เยียนโส่วจ้านไม่ได้มีกำลังมากที่จะสามารถควบคุมสถานการณ์และแม่ทัพทั้งหลายบนแผ่นดินได้

ไม่ว่ากองทัพตระกูลเยียนแข็งแกร่งเพียงใด แต่จำนวนคนมีจำกัด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจรับมือกับการร่วมมือจู่โจมของแม่ทัพทั้งหลายบนแผ่นดินได้

เขาตั้งตนเป็นใหญ่ในโยวโจวเพียงพอแล้วในเวลานี้

เขาไม่ได้เบื่อหน่ายกับชีวิตจนต้องเอาชีวิตของคนทั้งตระกูลเยียนและผู้ใต้บังคับบัญชานับหมื่นเข้าไปเสี่ยงกับเซียวฮูหยิน

เขาเป็นคนที่รู้จักตัวเองดี

เหตุใดเขาจึงระแวงเซียวฮูหยิน สาเหตุหลักก็เพราะเรื่องนี้

เขาไม่อาจผูกมัดผลประโยชน์ของตนเองกับตระกูลเยียนไว้กับเซียวฮูหยิน

แต่เซียวฮูหยินก็ไม่ยอมจำนน

นางไม่ยอมปล่อยวางเรื่องที่ยึดติดอยู่ภายในใจของตนเองเพื่อตระกูลเยียน

สามีภรรยาสองคนถูกลิขิตให้เดินไปด้วยกันไม่ได้

ตู้ซินแสรีบพูด “ความร่วมมือที่ข้าพูดถึงไม่ใช่ให้ท่านโหวแก้แค้นแทนฮูหยิน หากแต่เมื่อฮูหยินมีความต้องการ ท่านโหวสามารถสนับสนุนนางในระดับหนึ่ง นี่คือสิ่งที่ฮูหยินต้องการ นางต้องการท่าทีที่ชัดเจนของท่านโหว ต้องการให้คนทั้งแผ่นดินรู้ว่าท่านโหวยืนอยู่ข้างหลังนาง ท่านโหวสนับสนุนการตัดสินใจทุกอย่างของนาง ท้ายสุดแล้วฮูหยินต้องการท่าทีที่ชัดเจนของท่านโหว”

เยียนโส่วจ้านครุ่นคิดเรื่องนี้อย่างละเอียด

ตู้ซินแสพูดต่อ “เหตุใดฮูหยินอดทนได้มากเพียงนี้ แม้ไปถึงเมืองหลวงยังคงอดทนต่อไปได้ มันก็เป็นเพราะความสามารถของนางไม่เพียงพอ ขาดการสนับสนุนจากท่านโหวอย่างเปิดเผย เพียงแค่นางได้รับการสนับสนุนจากท่านโหว ฮูหยินอาจไม่อดทนต่อไป”

เยียนโส่วจ้านพยักหน้าเบาๆ “เจ้าพูดมีเหตุผล เพียงแต่หากเป็นการสนับสนุนด้วยวาจา ข้าสามารถรับปากนางได้ แต่เจ้าต้องเข้าใจ นางไม่เชื่อใจข้า การสนับสนุนด้วยวาจา นางย่อมรู้ว่าหมายความอย่างไร”

“แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ฮูหยินรับเลี้ยงนายน้อยใหญ่”

พูดถึงเรื่องนี้ เยียนโส่วจ้านก็กัดฟันกรอด

“ตระกูลหลิงกำลังทำให้ข้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด ไร้เหตุผลสิ้นดี หากเซียวฮูหยินไม่รับเลี้ยงเจ้าใหญ่ ข้าก็ต้องเปิดเผยฐานะผู้สืบทอดของเจ้าใหญ่ แต่งตั้งเจ้าใหญ่เป็นทายาท”

ตู้ซินแสไม่ส่งเสียง

ไม่ว่าจะเป็นการรับเลี้ยงหรือแต่งตั้งทายาท ล้วนขึ้นอยู่กับความคิดของเยียนโส่วจ้าน

เรื่องนี้เขาพูดมากไม่ได้

เยียนโส่วจ้านขมวดคิ้วมุ่น “หากรับเลี้ยงไว้ภายใต้ชื่อของเซียวฮูหยิน ข้าก็ต้องทำงานแทนนาง ข้าไม่เต็มใจนัก หากแต่งตั้งเจ้าใหญ่เป็นทายาทก็ใช่ว่าไม่ได้ กลัวแต่เพียงราชสำนักไม่เห็นด้วย ไม่ยอมออกหนังสือแต่งตั้ง นอกจากนี้เซียวฮูหยินก็อาจมีการเคลื่อนไหว”

“หากท่านโหวกลัวฮูหยินใช้กลอุบาย สามารถขอให้ตระกูลหลิงช่วยออกหน้าต่อราชสำนัก ออกหนังสือแต่งตั้งให้นายน้อยใหญ่”

ตู้ซินแสเสนอวิธีการหนึ่งให้เยียนโส่วจ้าน

ดวงตาของเยียนโส่วจ้านลุกวาว “มันก็เป็นวิธีหนึ่ง ตระกูลหลิงอยากให้เจ้าใหญ่มีฐานะจากภรรยาเอก มีสิ่งใดสมเหตุสมผลไปกว่าการแต่งตั้งทายาท ตระกูลหลิงแต่งบุตรสาว ข้าก็ขอแต่งตั้งทายาท ฮ่าๆๆๆ …”

เยียนโส่วจ้านหัวเราะอย่างได้ใจ

เขาพยายามอย่างมากเพื่อคู่ครองของเยียนอวิ๋นฉวนเสียจริง!