ตอนที่ 214 ตระหนักว่าถูกหลอก

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 214 ตระหนักว่าถูกหลอก

เยียนอวิ๋นฉวนไม่อาจนอนหลับลงได้

เขาครุ่นคิดจนถึงเช้าตรู่จึงได้งีบหลับไป

ฟ้ายังไม่ทันสว่างก็ต้องตื่นขึ้นไปทำงานที่สำนักหยาเหมิน

ไม่ได้นอนทั้งคืน สีหน้าย่ำแย่อย่างไม่ต้องคิด

บ่าวรับใช้กังวลอย่างมาก จึงแอบไปรายงานหวังกุนซือ

หวังกุนซือรีบเดินทางมา เขาโบกให้บ่าวรับใช้ถอยไป ถามด้วยเสียงต่ำ “นายน้อยยังคงกังวลเรื่องเมื่อวานหรือ ข้าบอกว่า นายน้อยสองคือนายน้อยสอง นายน้อยคือนายน้อย เส้นทางของพวกท่านไม่เหมือนกัน…”

“ไม่ใช่เรื่องนี้”

เยียนอวิ๋นฉวนโบกมือ เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก “เมื่อวานพี่ฉางจื้อบอกกับข้า ตระกูลหลิงยอมปรองดองกับตระกูลเยียน หมั้นหมายคุณหนูให้ข้า แต่ก่อนอื่นคือข้าต้องมีฐานะบุตรชายจากภรรยาเอก ข้าครุ่นคิดมาทั้งคืน ภายในใจหงุดหงิดอย่างมาก พี่ฉางจื้อยังบอกให้ข้าไม่ต้องกังวล บอกว่าท่านพ่อย่อมมีวิธี

ข้าคิดไปคิดมา วิธีที่ว่าก็คือให้ฮูหยินรับเลี้ยงข้า ไม่มีทางพยุงท่านแม่ข้าขึ้นมาเป็นภรรยาเอก เพียงแต่หากเป็นเช่นนี้ ท่านแม่ของข้า ท่านลุงของข้า เฮ้อ…”

หวังกุนซือขมวดคิ้ว “นายน้อยไปทำงานที่สำนักหยาเหมินก่อน เรื่องนี้ข้าจะลองครุ่นคิดดู บางทีท่านโหวอาจมีวิธีอื่น หากนายน้อยกังวลใจจริง วันนี้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งให้ม้าเร็วส่งกลับไปดีหรือไม่

เยียนอวิ๋นฉวนพยักหน้าระรัว “ควรเขียนจดหมายให้ท่านพ่อฉบับหนึ่ง”

จวนโหวกว่างหนิงที่อยู่ห่างไกลออกไปพันลี้

ท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านยืดเยื้อกับตระกูลหลิงมาครึ่งปี

ตระกูลหลิงเสนอเงื่อนไขออกมา

เงื่อนไขย่อมเสนอราคาสูง แต่กดราคาต่ำ

เงื่อนไขอื่นล้วนเจรจาลงตัวแล้ว มีแต่ฐานะบุตรชายจากภรรยาเอกที่ทำให้เขาหงุดหงิด

ตระกูลหลิงหวังว่าเยียนอวิ๋นฉวนจะมีฐานะบุตรชายจากภรรยาเอกอย่างเป็นทางการ มีวิธีใดทางการกว่าการยกเฉินฮูหยินเป็นภรรยาเอก

แต่เขาทำเช่นนี้ไม่ได้

เซียวฮูหยินเป็นท่านหญิง ฮูหยินแห่งท่านโหวกว่างหนิงนี้มาจากการแต่งตั้งของราชสำนัก

ถึงแม้เขาจะเป็นท่านโหวกว่างหนิง เขาก็ไม่มีสิทธิริบรอนฐานะฮูหยินของเซียวฮูหยิน ยิ่งไม่มีสิทธิยกเฉินฮูหยินให้เป็นภรรยาเอกเอง

ไม่อาจยกเฉินฮูหยินให้เป็นภรรยาเอกก็มีเพียงให้เซียวฮูหยินรับเลี้ยงเยียนอวิ๋นฉวน

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เยียนโส่วจ้านก็ขุ่นเคืองอย่างมาก

ปัง!

เขาทุบกำปั้นลงบนโต๊ะเสียงดัง

ตู้ซินแสเกลี้ยกล่อมเขา “ท่านโหวปล่อยวาง ให้ฮูหยินรับเลี้ยงก็ไม่เลว”

เยียนโส่วจ้านส่งเสียงไม่พอใจ “จากนิสัยของเซียวฮูหยิน เจ้าลองเดาว่านางจะมีเงื่อนไขอย่างไร นางย่อมจะใช้โอกาสปล้นเงินข้า ตระกูลหลิงช่างดื้อดึง ต้องการฐานะบุตรชายจากภรรยาเอกแก่อวิ๋นฉวนให้ได้ เขาเป็นบุตรชายคนโตของข้า เป็นบุตรชายที่ข้าให้ความสำคัญที่สุด จะกำเนิดจากภรรยาเอกหรืออนุภรรยามีความแตกต่างกันหรือ”

มุมปากของตู้ซินแสกระตุก แต่แอบพูดในใจว่าแม้การกำเนิดจากภรรยาเอกหรืออนุภรรยาไม่มีความแตกต่างกันในจวนโหว แต่ด้านนอกไม่ใช่

ตระกูลขุนนางเหล่านั้นให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

มิน่าตระกูลเยียนจึงเป็นได้แค่ตระกูลขุนนางชั้นสองชั้นสาม เพียงแค่เรื่องนี้ก็ทำให้คนจำนวนมากวิจารณ์

ไม่พิถีพิถัน!

ตู้ซินแสคิดในใจ แต่เขาไม่อาจพูดเช่นนี้ออกมาได้

เขากระแอมไอเสียงเบา “ตระกูลหลิงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ได้ยินว่าหากบุตรชายที่กำเนิดจากอนุภรรยามีความสามารถโดดเด่นย่อมต้องถูกภรรยาเอกรับเลี้ยง ในเวลาเดียวกัน มารดาผู้ให้กำเนิดก็จะถูกกำจัดอย่างเงียบๆ เพื่อป้องกันเมื่อบุตรจากอนุภรรยาประสบความสำเร็จแล้วทำผิดกฎ ไม่เคารพภรรยาเอก อีกทั้งยังจะสนับสนุนมารดาผู้ใดกำเนิดข่มภรรยาเอก”

“เหลวไหล!”

เยียนโส่วจ้านเย้ยหยัน “เจ้าคิดหรือว่าการกำจัดมารดาผู้ให้กำเนิดจะสามารถหมดปัญหาได้ คนทั้งจวนต่างรู้ชาติกำเนิดของเด็ก ไม่มีทางปิดบังได้”

“ถึงแม้จะปิดบังไม่ได้ แต่เพียงแค่ข้างกายของมารดาผู้ให้กำเนิดไม่มีคน นางก็ไม่อาจก่อปัญหาได้”

เยียนโส่วจ้านถลึงตา “เจ้าหมายความว่าตระกูลหลิงไม่เพียงจะกำจัดมารดาผู้ให้กำเนิดของเด็ก อีกทั้งยังจะกำจัดคนในตระกูลของนางด้วยหรือ”

“ใกล้เคียง! หากเจออนุภรรยาที่ฐานะไม่ธรรมดา ย่อมมีวิธีการแบบอื่น”

น้ำเสียงของตู้ซินแสราบเรียบราวกับเคยชิน

เยียนโส่วจ้านขมวดคิ้ว “ไม่กลัวเด็กคนนั้นแก้แค้นหรือ”

ตู้ซินแสหัวเราะร่า “ท่านโหวคิดมากไปแล้ว เด็กที่เกิดจากอนุภรรยาประสบความสำเร็จได้ นอกจากความสามารถส่วนตัวแล้ว ยังต้องมีการสนับสนุนจากตระกูล หากไม่มีการสนับสนุนจากตระกูล แม้ความรู้ของเขาจะเทียบเท่าอาจารย์หยู ชีวิตนี้ก็ไม่อาจประสบความสำเร็จได้ หากคิดจะแก้แค้น เขาจะถูกกดขี่ลงไปในทันที ไม่อาจประสบความสำเร็จไปชั่วชีวิต

วิธีการของตระกูลหลิงใช้มากว่าหลายร้อยปี ตามความเข้าใจของข้า หลายปีก่อนยังเคยปรากฏเหตุการณ์บุตรจากอนุภรรยาแก้แค้น ต่อมาจึงมีการใช้มาตรการที่รุนแรงยิ่งขึ้น นับร้อยปีมาไม่เคยปรากฏเรื่องเช่นนี้อีก เห็นได้ชัดว่าวิธีของตระกูลหลิงมีประสิทธิภาพอย่างมาก”

เยียนโส่วจ้านหัวเราะเสียงเย็น เหยียดหยามกฎของตระกูลหลิงอย่างมาก

“ตระกูลหลิงอยากให้อวิ๋นฉวนมีฐานะกำเนิดจากภรรยาเอก ข้าสามารถให้เซียวฮูหยินรับเลี้ยงเขา แต่ไม่อาจกำจัดเฉินฮูหยินได้”

“แน่นอน! นายน้อยใหญ่โตแล้ว หากกำจัดเฉินฮูหยินย่อมเป็นการสร้างศัตรู ไม่ใช่การปรองดอง”

เยียนโส่วจ้านครุ่นคิดเรื่องนี้ “ซินแสคิดว่าควรให้เซียวฮูหยินรับเลี้ยงอวิ๋นฉวนจริงหรือ”

ตู้ซินแสรู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องใด ดังนั้นจึงพูดขึ้น “เพียงแค่สิ่งของนอกกาย เพื่ออนาคตของนายน้อยใหญ่ เพื่อตระกูลภรรยาที่มีกำลัง ข้าคิดว่าคุ้มค่า”

“หากเซียวฮูหยินมีข้อแลกเปลี่ยนที่เกินเหตุ อาทิให้อำนาจทางการทหารแก่อวิ๋นถงมากขึ้น ควรทำอย่างไร”

“ย่อมรับปากไม่ได้ แต่สามารถปลอบฮูหยินเอาไว้ก่อน ฮูหยินเป็นคนมีเหตุผล นางรู้ว่าบรรทัดฐานของท่านโหวอยู่ที่ใด ถึงแม้นางจะเรียกร้องอำนาจทางการทหารให้นายน้อยสองมากขึ้น แต่นางย่อมรู้ดีว่าท่านโหวจะไม่ยอม แต่สาเหตุที่นางยังเรียกร้องออกมานั้นก็เพราะมันคือกลอุบายและท่าทีของการต่อรอง”

เยียนโส่วจ้านพยักหน้าเบาๆ “มีเหตุผล! เพียงแต่ข้าไม่เต็มใจนักที่จะให้เซียวฮูหยินรับเลี้ยงอวิ๋นฉวน ทำให้นางได้ใจ”

เขามีความรู้สึกที่ซับซ้อนต่อเซียวฮูหยิน ภรรยาของเขา

รักหรือ

ย่อมไม่

ชื่นชมหรือ

อาจมีเล็กน้อย

ความแค้นหรือ

อาจเคยมี

แต่อย่างไรก็ตาม สามีภรรยาคู่นี้แตกต่างจากคู่อื่นอย่างมาก

ทั้งสองฝ่ายต่างรู้ดีแก่ใจ ไม่มีความรักแต่ก็ต้องมีบุตรร่วมกัน

ไม่ใช่เพื่อความรัก หากแต่เซียวฮูหยินต้องการบุตร เยียนโส่วจ้านก็ต้องการให้นางมีบุตร

เด็กคือเครื่องผูกมัด คือเบี้ย แต่ก็เป็นตัวถ่วง…

ขึ้นอยู่กับจะใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนนี้อย่างไร

เขากดขี่เยียนอวิ๋นถง สนับสนุนเยียนอวิ๋นฉวน ความจริงแล้วเขากำลังกดขี่เซียวฮูหยิน ให้เซียวฮูหยินทำสิ่งใดได้ยากลำบากในจวนโหวและแคว้นซ่างกู่ แม้ในมือของนางจะมีองครักษ์จากตำหนักบูรพาสามพันนายก็อย่าคิดจะมีการเคลื่อนไหว อย่าคิดจะดึงกองทัพตระกูลเยียนแก้แค้นตำหนักบูรพา

ตระกูลเยียนจะเข้าร่วมการล้างแค้นและการแย่งชิงอำนาจของราชวงศ์ไม่ได้เด็ดขาด

อันตรายอย่างมาก!

ตระกูลเยียนยิ่งไม่อาจตกเป็นเครื่องมือของเซียวฮูหยิน

การกดขี่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่พระราชทานงานแต่ง

ในแผนการของเยียนโส่วจ้าน เซียวฮูหยินเป็นได้เพียงแค่เครื่องประดับของตระกูลเยียน ไม่อาจเป็นผู้ตัดสินของตระกูลเยียน รวมทั้งบุตรของนางก็ไม่อาจสืบทอดทุกสิ่งของตระกูลเยียน

แต่ดูจากสถานการณ์ในเวลานี้ ดูเหมือนจะหลุดจากการควบคุมเล็กน้อย

เขาไม่คิดว่าบุตรสาวคนโตจะแต่งงานกับท่านโหวผิงอู่ สืออุน บุตรสาวคนรองจะอภิเษกกับองค์ชายสอง เยียนอวิ๋นถงจะแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลหลิวในเหลียงโจว นอกากนี้เยียนอวิ๋นเกอยังสร้างกิจการใหญ่โตขึ้นในเมืองหลวง

ปีกของบุตรของเซียวฮูหยินใกล้จะเติบโตเต็มที่ แต่แส้ของเขากลับเอื้อมไปไม่ถึง

หากพัฒนาเช่นนี้ต่อไป มีความเป็นไปได้ว่าวันหนึ่งเซียวฮูหยินจะส่งเยียนอวิ๋นถงมาแย่งอำนาจทางการทหาร ทำให้ตระกูลเยียนกลายเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นของนาง

รังแกกันเกินไปแล้ว!

เยียนโส่วจ้านทุบหมัดลงบนโต๊ะ “ตอนนั้นนางรับปากไปเมืองหลวงแทนข้าเร็วเช่นนั้น ข้าก็ควรนึกได้ว่านางมีเจตนาไม่ดี เรื่องที่นำอวิ๋นฉีและอวิ๋นเกอไปเมืองหลวงเพราะต้องการจัดการหมั้นหมายให้พวกนาง ฮึ สุดท้ายแล้วก็แค่ต้องการเพิ่มเบี้ยผ่านความสัมพันธ์ในการแต่งงาน กดดันข้า

ข้าสงสัยยิ่งนัก ตอนนั้นในวังส่งคนมาประกาศพระราชโองการให้ข้าเข้าเมืองหลวงไปทูลรายงานภารกิจเป็นแผนการที่กำหนดไว้แล้วหรือไม่ เซียวฮูหยินอาจแอบวางแผน นางอยู่ในจวนโหวนานเกินไป นางต้องการออกจากจวนโหวไปเมืองหลวงอย่างรีบร้อนเพื่อแสดงความสามารถของนาง ไม่รู้นางขอความช่วยเหลือจากผู้ใด ให้ฮ่องเต้ทรงออกพระราชโองการเรียกข้าเข้าเมืองหลวง ความจริงแล้วเป็นการสร้างโอกาสให้นาง”

ตู้ซินแสทำหน้าฉงน ความคิดจองท่านโหวกระโดดเร็วเกินไปหรือไม่

โชคดีที่เขารู้นิสัยของท่านโหว ยังพอตามทันความคิดของเขา

เขารีบพูด “ท่านโหวกังวลเกินไปหรือไม่ ตอนนั้นในวังออกพระราชโองการเรียกท่านโหวเข้าเมืองหลวงคงไม่ใช่แผนการของฮูหยิน”

เยียนโส่วจ้านหัวเราะ “ไม่ใช่นาง จะเป็นผู้ใดได้อีก แม่ทัพที่ถืออำนาจทางการทหารอยู่ในมือมีมากมาย ความสามารถที่แข็งแกร่งกว่าข้าก็มีมากมาย เหตุใดราชสำนักเรียกเพียงข้า ไม่ใช่ผู้อื่น

ทุกคนต่างรู้ว่าข้าไม่มีทางปฏิบัติตามพระราชโองการฉบับนี้ มีแต่จะส่งเซียวฮูหยินเข้าเมืองหลวงแทนข้า คราวนี้หลงกลกับดักของนางพอดี ให้นางมีเหตุผลหลุดพ้นจากจวนโหว หลุดพ้นจากการควบคุมของข้า

หลังจากไปเมืองหลวงแล้ว นางก็เป็นอิสระเหมือนนกที่บินอยู่บนท้องฟ้า ปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำ ไม่มีการควบคุม ซินแสลองครุ่นคิดดู นับแต่เซียวฮูหยินไปเมืองหลวง เรื่องต่างๆ เหล่านี้ มีเรื่องใดไม่เป็นประโยชน์ต่อเซียวฮูหยิน”

ตู้ซินแสขมวดคิ้วมุ่น “หรือพระราชโองการฉบับนั้นเป็นฝีมือของฮูหยินจริงๆ”

เยียนโส่วจ้านเผยยิ้มเสียดสี สีหน้าของเขาดำทะมึน “อย่าเห็นว่านางอยู่ในจวนโหวยี่สิบปี ไม่แก่งแย่งชิงดี ผู้อื่นต่างบอกว่านางอยู่อย่างต่ำต้อย แต่ไม่รู้ว่ามันคือแผนการของนางทั้งหมด นางต้องมีชีวิตอยู่อย่างต่ำต้อย จึงไม่เป็นที่สงสัยเมื่อวางแผนเรื่องเหล่านี้

อีกทั้ง ถึงแม้ตัวของนางจะอยู่ในจวนโหวยี่สิบปี แต่นางไม่เคยขาดแคลนข่าวสารจากทางเมืองหลวง แม้แต่ข้ายังไม่รู้ว่านางมีเส้นสายมากน้อยเพียงใดในเมืองหลวง ลับหลังมีคนจำนวนมากน้อยเพียงใดสนับสนุนนาง

เพียงแค่เรื่องความแค้นของนางกับฮ่องเต้ นางไปเมืองหลวงหลายปีนี้กลับไม่ถูกฮ่องเต้ทรงกลั่นแกล้ง เท่านี้ก็สามารถเห็นถึงพลังของนางในเมืองหลวงแล้ว

‘องค์รัชทายาทจางอี้’ ไม่อยู่แล้ว ตำหนักบูรพาก็ไม่มีแล้ว แต่บารมีของนางยังคงอยู่ คนที่ยังยึดถืออดีตก็มีจำนวนมาก อีกทั้งบุตรสาวของนางทั้งสอง นอกจากนี้ยังมีอวิ๋นถงประสบความสำเร็จด้านคู่ครองอย่างมาก ทำให้นางมีเบี้ยในมือเพิ่ม”

ปัง!

อีกหมัดทุบลงบนโต๊ะ

โต๊ะตำรา ฮือๆ!

“ข้าแค้นเพียงมองนางไม่ทะลุให้เร็วกว่านี้ ถูกท่าทีไม่แก่งแย่งชิงดีของนางตลอดยี่สิบปีนี้บดบังดวงตา ช่างรังแกกันเสียจริง! ข้าไม่คิดว่า นางในฐานะสตรีของราชวงศ์ บุตรสาวคนโตของตำหนักบูรพาจะอดทนได้เพียงนี้ อดทนถึงยี่สิบปี แม้ไปเมืองหลวงก็ไม่แสดงความสามารถ แต่กลับครอบครองเบี้ยไว้ในมืออย่างไร้ร่องรอย เมื่อทุกคนหันกลับมาถึงได้พบว่า นางไม่ใช่ผู้ต่ำต้อยอีกต่อไป แตะต้องนางไม่ได้ง่ายอีกต่อไป!”