ไม่ว่าจะเป็นคนที่ย้อนเวลากลับมา,คนที่เกิดใหม่,จิตวิญญาณพันปีที่ไปยึดร่างเด็กน้อย,นักเดินทางต่างโลก และ คนที่มีความรู้ทั้งหมดในโลกของตน

ตัวเอกแต่ละคนล้วนมีความแตกต่างที่ไม่เหมือนกันและพวกเขาบางคนก็มี ‘การแก้ไขของตัวเอก’

ยกตัวอย่างเช่น กิลิเทนเดอร์และอียอนจุนตัวเองที่ถูกล่าไปโดยซอดัมซึ่งนับว่าเป็นตัวเอกที่พบได้ทั่วไปเป็นตัวเอกประเภท ‘สายเติบโต’ และจะไม่พ่ายแพ้ไม่ว่าจะตกไปอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดไหนก็ตาม

แต่จะที่เพียงเพราะว่าพวกเขาไม่ได้รับสูตรโกงต่างๆจากการเกิดใหม่หรือการย้อนเวลามันจะทำให้พวกเขาอ่อนกว่างั้นหรอ?

ไม่จริงเลย

นี้เป็นเพราะว่าเมื่อตัวเอกพวกนี้ได้เผชิญหน้ากับวิกฤตมันมักจะมีการสูบพรของโลกไปยังการแก้ไขพล็อตเรื่องให้กับพวกเขาอย่างมหาศาล

มันเป็นประเภทของการแก้ไขที่จะทำให้ตัวเอกได้รับสกิลที่เหมาะสมสำหรับจัดการกับสถานการณ์ในตอนนั้นซึ่งมันจะปรากฎขึ้นมาเองในทันทีหรือไม่ก็บังเอิญเกิดขึ้น ‘โชคดี’ ขึ้นอย่างปาฏิหาริย์

แต่อย่างไรก็ตามมันไม่มีการแก้ไขแบบนี้สำหรับตัวเอกที่ย้อนเวลากลับไปหรือตัวเอกที่ได้ยึดร่างของคนอื่นมา

เพราะว่าตัวตนของพวกเขาเองนับก็นับว่าเป็น ‘การแก้ไข’ ด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว

ตัวเอกที่ย้อนเวลากลับไป ฟิโอเลนเป็นคนที่มีความรู้จากอนาคต

ตัวเอกที่ยึดร่างกายของอื่นมา เอลล่า อัลมัสเป็นคนที่มีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ด้านเวทมนตร์ในอดีต

ซึ่งทำให้การใช้พรของโลกจะไม่ถูกขับเคลื่อนไปแบบสุ่มๆหากว่าตัวเอกนั้นสองคนนี้ตกอยู่ในวิกฤติ

ในกรณีของตัวเอกที่ย้อนเวลากลับไปสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตจะเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิมเล็กน้อยและในกรณีของตัวเอกที่ยึดครองร่างพวกเขาจะได้รับความเชื่อใจจากผู้คนโดยของพวกเขาง่ายขั้นเล็กน้อย

แต่อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดพรของโลกก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขวิกฤตได้ด้วยตัวมันเอง

เป็นในทำนองเดียวกันกับของอารัช

อารัชเป็นตัวเอกที่รู้ความลับทั้งหมดของโลกใบนี้เนื่องจากสกิลระดับยูนิค ‘เกมส์ที่ฉันสร้างได้กลายมาเป็นความจริง (USR)’ นั้นนับเป็น ‘การแก้ไขของตัวเอก’ ด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว

ด้วยการรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับโลกใบนี้ทำให้โอกาสที่เขาจะตายนั้นแทบที่จะเป็นไปได้เลย

ตัวเอกคนนี้ซึ่งเป็นที่แทบจะเป็นอมตะในโลกใบนี้ในตอนนี้กำลังถูกผลักดันไปสู่ความตายของตัวของเองโดยกลุ่มดาวชั่วคราวที่สามารถจะแทรกแซงการแก้ไขของตัวเอกได้

[จุดสุดยอดของภูเขาน้ำแข็งได้ออกจากช่องไปด้วยความผิดหวัง]

[ชายผู้เดินบนขอบเหวได้ออกจากช่องไปพร้อมกับเดาะลิ้นของตน]

[นกพันตัวที่ข้ามผ่านฟากฟ้าได้ออกจากช่องพร้อมกับสายหัวของตน]

เหล่าบอสและมอนสเตอร์จากชั้นที่ 12,13 และ 14 ได้ปรากฏขึ้นมาพร้อมกันทั้งหมดในครั้งเดียว

เมื่อติดอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้เช่นนั้น อารัชทำได้เพียงดิ้นรนต่อไปเรื่อยๆด้วยการใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีเรื่องที่ ‘เหนือความคาดหมาย’ เกิดขึ้น

มันก็แค่…

เจ้าหนูแฮมสเตอร์ที่กำลังดิ้นรนเพื่อที่จะเอาชีวิตรอด

อารัชที่ปรารถนาจะกลายมาเป็นเหมือนกับกลุ่มดาวทั้งหลาย

ดังนั้นเขาเลยกลายมาเป็นคนเรียกร้องความสนใจจากกลุ่มดาวเหล่านี้

แต่ว่ากลุ่มดาวเหล่านี้ซึ่งเป็นเพียงตัวตนที่ต้องการเซอร์ไพรได้หันหลังของพวกเขาจากไปด้วยความผิดหวัง

มีเพียงแค่กลุ่มดาวที่หวังว่าจะได้เห็นอารัชตายเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่และเยอะเย้ยไปที่เขา

[เทียนพรรษาในยามค่ำคืน : ใช่แล้วเจ้าหนูน้อย วิ่งไปเรื่อยๆอย่างนั้นแหละ]

[หญิงสาวที่เดินทางในยามวิการ : อี้! มันน่าเกลียดมากเลย]

[รูปปั่นเรือเฟอร์รี่สีขาว : สภาพของแกอุบาทได้ถึงเพียงนี้เลยหรือนี้?]

[นิ้วที่ชี้ไปที่ดวงจันทร์ : เหอะ! สุดท้ายแล้วความภาคภูมิใจของแกนั้นมีค่าเทียบเท่ากับชีวิตของแกงั้นสินะ งั้นก็ตายไปกับมันเถอะ]

ในสายตาของกลุ่มดาวที่ชั่วร้ายเหล่านี้นั้นไม่มีแม้แต่สักเสี้ยวเดียวของความเมตตาเหลืออยู่เลย

โลกใบนี้ที่อารัชเป็นคนสร้าง

เขาได้พบกับจุดจบของตนเช่นนี้เอง

[คุณประสบความสำเร็จในการล่าตัวเอกเลเวล 89]

[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น 5+1]

[ 890 วันของอายุขัยได้ถูกเพิ่มเข้ามา]

[อายุขัยคงเหลือ : 3,427 วัน 9 ชั่วโมง 31 นาที]

เหล่ากลุ่มดาวทั้งหมดที่เหลือได้ออกจากช่องของอารัชไปหลังจากที่เขาได้ตายลง

ความตายของเขาทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า

เป็นความตายที่โดดเดียวที่ไม่มีใครสักคนเสียเวลามองไปที่เขาอีกเลยเป็นครั้งที่สอง

มองไปที่กลุ่มดาวเหล่านั้นซอดัมได้ระเบิดหัวเราะออกมา

เหล่ากลุ่มดาวพวกนี้ไม่ได้เลวร้ายในทุกๆแง่มุม

โดยมาตรฐานของมนุษย์นั้นพวกเขาก็สามารถที่จะกลายมาเป็นปีศาจร้ายได้แต่นั้นเป็นเรื่องที่ธรรมชาติเป็นผู้ตัดสินใจ

แต่คงเป็นเพราะว่าฉันเองก็ยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์เช่นกันมันเลยทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องนี้อยู่บ้าง

[ภารกิจเสร็จสมบูรณ์]

[คุณต้องการที่จะเดินทางกลับไปยังโลกเดิมของคุณเลยหรือไม่?]

“ยังก่อน”

ฉันยังมีเรื่องบางอย่างที่ยังต้องจัดการเหลืออยู่

……………………………………………………..

[แมวที่เดินบนไฟยาวแปดเมตรมองมาที่คุณด้วยความสนใจ]

[เครื่องบินกระดาษที่บินไปพร้อมกับสายลมมองมาที่คุณด้วยความสนใจ]

[ชาวประมงที่ไล่ตามดวงดาวมองมาที่คุณด้วยความสนใจ]

[พิษมีพิษในเรือนกระจกมองมาที่คุณด้วยความสนใจ]

“เออ?”

หนึ่งวันเต็มได้ผ่านไปตั้งแต่ที่ด่าน 11 ได้รับการเคลียร์

ปาตี้ของทั้งสี่คนได้เบิกตาของตนกว้างเมื่อพวกเขาได้เห็นกลุ่มดาวหลายสิบกลุ่มดาวที่อยู่ๆก็เข้ามาในช่องของพวกเขา

“นี้…นี้มันเกิดอะไรขึ้นนะ?”

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานั้นมีเพียงแค่กลุ่มดาวเดียวเท่านั้นที่อยู่ในช่องของพวกเขา

ดังนั้นมันเลยกลายเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับพวกเขาเมื่อได้เห็นจำนวนกลุ่มดาวที่กำลังเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณเช่นนี้

[ตำแหน่งที่สมบูรณ์ : พวกนายรับทำภารกิจบ้างไหม?]

[กรดเอลาเฟ่สีแดง : เราต้องเริ่มสนับสนุนก่อนที่จะไปถามเรื่องภารกิจสิ]

[แกะดุร้ายที่คร่ำครวญในยามค่ำคืน : งั้นที่นี้ก็เป็นด่านที่ 11 สินะ เยี่ยมมันดูค่อนข้างที่จะคาดหวังได้เล็กน้อย]

กลุ่มดาวบางกลุ่มได้ออกไปหลังจากนั้นไม่นานแต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีเหล่ากลุ่มดาวที่ยังคงอยู่เพราะต้องที่จะได้เห็นพวกเขาดิ้นรนหรือไม่ก็ต้องการเสพความบันเทิงที่กำลังจะเกิดขึ้น

“เออ! พวกเราควรที่จะเอาไงกันดีคะ?”

กรูลาร์พูดกับแจซูลหัวหน้าของพวกเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา

ไม่ว่าพวกเขาจะมองดูมันอีกกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมันก็ยังคงมีกลุ่มดาวมากกว่า 10 ที่ยังคงอยู่ในช่องของเขา

และผู้นำคนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะตอบสนองกลับไปยังไงเช่นกัน

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…พวกเราควรที่จะทักทายพวกเขาไหม?”

“ใช่เลย ฟังดูเป็นความคิดที่ดีนะ”

ทั้งสี่คนนี้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจได้พยายามที่จะทักทายกลุ่มดาวทั้งหลายด้วยท่าทางที่ดูเหมือนว่าสงบนิ่งเท่าที่จะเป็นไปได้

แต่ในทันทีที่มีการพูดถึงเกี่ยวกับ ‘ภารกิจ’ หรือ บางสิ่งพวกนั้น

‘นี้มันบ้าอะไรกัน? อะไรคือภารกิจ?’

ในตอนที่พวกเขาทั้งหมดมีความคิดเช่นนั้น

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่มองมาที่คุณด้วยความสนใจ]

ผู้สนับสนุนและผู้มีพระคุณของพวกเขาก็ได้เข้ามาในช่องนี้

กลุ่มดาวเพียงกลุ่มดาวเดียวเท่านั้นที่ดูแลเขาในช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมา

ในทันทีที่พวกเขาพยายามที่จะทักทายกลุ่มดาวเหล่านี้ด้วยรอยยิ้มที่สดใส ก็มีเสียงพูดดังขึ้น

[ในตอนนี้ตั้งใจฟังฉันให้ดีนะ]

“หืม?”

มันเป็นข้อความส่วนตัวที่กลุ่มดาวนั้นสามารถที่จะส่งไปหาอวาตาร์ของตนเองได้

มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ฟังก์ชันนี้ก่อนหน้านี้เพราะว่ามีเพียงแค่กล่มดาวเดียวที่อยู่ในช่องแต่ในตอนนี้มันจำเป็นที่จะต้องใช้

[ฉันกำลังจะสนับสนุนพวกนายและร้องขอให้ทำภารกิจบางอย่างให้]

‘ครับแล้ว…’

[ปฏิเสธมันซะ]

‘หะ…’

พวกเขาไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจมันได้

แต่ถึงอย่างนั้นแล้วมันเคยมีเรื่องแย่เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาเชื่อฟังกลุ่มดาวนี้บ้างไหมหละ?

ไม่เคยเลย

เพราะงั้นพวกเขาทั้งสี่คนได้ผงกหัวของพวกเขาเบาๆ

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่มอบ 1,000 เหรียญดวงดาวเป็นการสนับสนุน]

นี้เป็นเหรียญดวงดาวส่วนสุดท้ายที่เขามี

เขาได้ใช้เหรียญที่เขามีเกือบทั้งหมดราวๆ 50,000 เหรียญไปกับอารัชแล้ว

ส่วน 200,000 เหรียญดวงดาวในข้อเสนอที่เขาบอกว่าจะให้เป็นรางวัลนั้นแน่นอนว่าเป็นเรื่องโกหก

ซอดัมได้ทำการบลัฟด้วยเหรียญดวงดาวที่เขาได้เก็บมาจนถึงนาทีสุดท้าย

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่ : แค่เพียงพวกนายทำภารกิจสำเร็จ อีก 10,000 เหรียญดวงดาวจะเป็นของพวกนาย]

“อ้า ครับ!”

เมื่อได้เห็นข้อความของซอดัม เหล่ากลุ่มดาวทั้งหลายต่างมองไปที่มันด้วยความสนใจ

กลุ่มดาวที่ได้สนับสนุนเหรียญดวงดาวไปกว่า 50,000 เหรียญแล้วยังไม่ได้สูญเสียชื่อของตัวเองไป ทั้งยังเป็นกลุ่มดาวที่สร้างระบบภารกิจขึ้นมาอีกด้วย

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่ : … … … …]

เหล่ากลุ่มดาวที่เหลือสายหัวของตนเมื่อพวกเขาได้เห็นว่าเค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่นั้นกำลังอธิบายภารกิจที่ว่านี้อย่างช้าๆ

เป็นเหมือนกับที่พวกเขาได้คาดไว้ว่ามันเป็นภารกิจที่ค่อนข้างจะเป็นไปได้แต่ว่ามันยากแบบสุดขั้วไปเลย

ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ กลุ่มดาวพวกนี้ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็นเหล่าผู้ท้าชิงรายใหม่รับภารกิจไป

“ผมต้องขอโทษด้วยครับ แต่พวกเราคิดว่าภารกิจนี้มันยากมากเกินไปดังนั้นพวกเราขอปฏิเสธ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนเหรียญดวงดาวที่ได้รับมานี้นะครับ”

แจซูลปฏิเสธภารกิจนี้

กลุ่มดาวทั้งหมดภายในช่องต่างพากันตกตะลึง

มนุษย์กำลังปฏิเสธภารกิจจากกลุ่มดาวอย่างนั้นหรอ?

ทันทีที่เหล่ากลุ่มดาวทั้งหลายได้ยินคำปฏิเสธเช่นนั้นและกำลังที่จะกดดันไปที่เหล่าผู้ท้าชิง…

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่ : อ้า งั้นมันก็ช่วยไม่ได้สินะ]

[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่ : เพราะว่าฉันเป็นเพียงกลุ่มดาวที่ลองลอยอยู่บนท้องฟ้าดังนั้นฉันไม่สามารถที่จะมานั่งใส่ใสกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้ ถ้างั้นฉันจะยกเลิกภารกิจนี้แล้วกันก็ให้ถือซะว่าเหรียญดวงดาวพวกนี้เป็นสิ่งที่ฉันแบ่งปันให้ละกัน]

ซอดัมเป็นคนแรกที่ได้เริ่มต้นกฎของภารกิจแบบ ‘มัดจำ’ นี้

เพราะด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้อารัชนั้นตกอยู่ภายใต้ความกดดันที่มหาศาลและไม่สามารถที่จะปฏิเสธภารกิจนั้นได้

แต่อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่ซอดัมเป็นคงที่สร้างกฎขึ้นมาเองมันก็เป็นไปได้เช่นนั้นที่จะสร้างขึ้นมาอีกสักข้อเช่น ‘ไม่ต้องไปอารมณ์เสียเมื่อเหล่ามนุษตัวจ้อยด้อยค่าพวกนี้ปฏิเสธที่จะภารกิจ’

ดังนั้นถ้าเหล่ากลุ่มดาวสนับสนุนสำหรับภารกิจและผู้ท้าชิงปฏิเสธมัน กลุ่มดาวนั้นๆจะต้องทำตัวเป็นกลุ่มดาวที่ ‘ใจกว้าง’

แต่มันก็ยังมีเหล่ากลุ่มดาวที่ไม่ได้ยอมรับในกฎข้อนี้และได้ออกจากช่องนี้ได้

ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ยังไงซะพวกที่ออกก็จะต้องทำร้ายทั้งสี่คนนี้ไม่ว่าทางใดทางหนึ่งอยู่แล้วดังนั้นมันเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะให้กลุ่มดาวเหล่านั้นจากไปเสียตั้งแต่ตอนนี้

ถ้ากลุ่มดาวเกิดบ้าคลั่งขึ้นมาหลังจากที่ภารกิจของพวกเขาถูกปฏิเสธในภายหลังหละก็ พวกเขาจะต้องถูกวิพากวิจารณ์โดยกลุ่มดาวอื่นๆสำหรับการที่ไม่เข้าใจกฎข้อนี้

ตอนนี้เหล่าผู้ท้าชิงไม่ต้องเผชิญหน้ากับภารกิจอันแสนยากลำบากที่ไม่มีวันเป็นไปได้อีกต่อไปและมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าผู้ท้าชิงผ่านภารกิจเหมือนกับที่ซอดัมได้ทำไปก่อนหน้านี้

“เออ อืม…ขอบคุณ พวกเราขอขอบคุณมันด้วยความจริงใจครับ”

โดยที่ไม่รู้ว่าการกระทำของซอดัมเมื่อกี้หมายถึงอะไรทั้งสี่คนก็ยังคงก้มหัวของพวกเขาลงให้กับซอดัม

ซอดัมก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะอธิบายไปมากกว่านี้เช่นกัน

เขาแค่กำลังทำในสิ่งที่เขาอยากจะทำ

หลังจากนั้นในทันทีที่พวกเขากำลังจะเขาไปในดันเจี้ยน เหล่ากลุ่มดาวที่เหลือก็ได้เริ่มเสนอภารกิจของพวกเขาอย่างระมัดระวัง

“ผมไม่คิดว่าภารกิจนั้นจะเป็นไปได้แต่ถ้าคุณให้ภารกิจที่เหมาะสมกับพวกเรามากกว่านี้พวกเราจะลองทำมันดูครับ”

“นี่เลย ขอบคุณสำหรับภารกิจนี้นะครับ! พวกเราจะลองทำมันดู”

ทั้งสี่คนในตอนนี้กำลังเป็นผู้นำเทรนในการสร้างผู้ติดตามในช่องให้กับเหล่าผู้ท้าชิงทั้งหลาย

ในตอนที่พวกเขาได้เข้าไปในทางเข้าของดันเจี้ยนพวกก็ไปมองไปในอากาศด้วยความว่างเปล่าในทันที

‘คุณกลุ่มดาวครับ?’

[อะไร]

[คุณจะไม่ช่วยพวกเราในครั้งนี้หรือครับ?]

[…]

ในช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมานั้นซอดัมได้ทำการสนับสนุนเหรียญดวงดาวเกือบทั้งหมดให้กับอารัชดังนั้นซอดัมเลยสามารถทำได้แค่ช่วยพวกเขาในเรื่องความลับต่างๆในด่านและจัดหาข้อมูลให้กับพวกเขา

[ฉันไม่สามารถช่วยพวกนายได้อีกแล้ว]

‘นี่…คุณกำลังจะไปแล้วงั้นหรอครับ’

[ใช่แล้วฉันเป็นเพียงแค่สายลับของที่นี้และตอนนี้องค์กรของฉันกำลังเจอปัญหาหนัก]

‘…?’

ทั้งสี่คนไม่ได้เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไรแต่ก็ยังคงผงกหัวให้

ถึงแม้ว่าซอดัมจะได้ให้ความช่วยเหลือกับเขาจำนวนมากแต่พวกเขาก้ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่ว่าจะไม่สามารถทำอะไรเองได้เลย

หลังจากช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งหมดทำให้พวกนั้นทรงพลังมาพอที่จะแข่งขันกับตัวเอกอารัชได้

‘มาท้าทายมันด้วยตัวพวกเราเองละกัน’

ตั้งแต่นั้นมาทั้งสี่คนก็ได้ทำการสำรวจดันเจี้ยนและทำภารกิจอีกหลายภารกิจซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือการเติบโตของช่องและความสำเร็จ

ยามค่ำคืนในตอนที่การไลฟ์ได้สิ้นสุดลงและกลุ่มดาวทั้งหมดได้ออกจากช่องนี้ไป

ตอนนี้เองที่พวกเขามองหาซอดัม

“คุณกลุ่มดาวครับ? คุณยังอยู่ไหม?”

[ทำไมพวกนายถึงยังมองหาฉันอยู่อีก?]

“ในวันนี้พวกเราเป็นยังไงบ้างครับ?”

มันเป็นคำถามที่แปลกประหลาด

[ก็ดี พวกนายก็ดูดีนิ]

นี้เป็นหนึ่งประโยคที่ทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นในขณะที่พวกเขาหัวเราะคิกคักกันเอง

มองไปที่คนพวกนี้ซอดัมคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะเขาต้องกลับไป

“เออ คุณกลุ่มดาวครับ มันจะเป็นไปได้ไหม…ที่คุณจะยังอยู่กับพวกเราอีกสักแป๊บนึงนะครับ?”

[หืม? สำหรับตอนนี้หรือ? ได้นะ]

“ถ้าคุณไม่ว่าอะไรขอพวกเราถามอะไรสักอย่างสิครับ เราอยากรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนในตอนนี้?”

[ก็อยู่ตรงหน้าพวกนายนั้นแหละ]

แล้วถึงแม้ว่าทั้งสี่คนนี้จะไม่ได้เตรียมการกันไว้ล่วงหน้าแต่พวกเขาทุกคนก็ได้คุกเข่าลงและก้มหัวลงไปทางซอดัมที่กำลังลอยอยู่ในเวลาเดียวกัน

“ขอบคุณครับ/ค่ะ คุณกลุ่มดาว!”

[…]

“ขอบคุณมากครับสำหรับการดูแลพวกเรา ขอบคุณจริงๆครับ…พวกเราจะไม่มีวันลืมบุญคุณในครั้งนี้เลยครับ”

แจซูลพูดออกมาช้าๆด้วยน้ำเสียงที่แตกพร่า

ในตอนที่พวกเขากำลังจะตาย ตอนที่กลุ่มดาวอื่นที่เหลือทั้งหมดได้ทอดทิ้งพวกเขาไปแล้ว

มันเป็นอาจจะดูเป็นช่วงเวลาสั้นๆเพียงแค่สามเดือนก็ตามแต่มันช่วงเวลาที่พวกเขาได้รับการดูแลอย่างตั้งใจมากกว่าจากใครๆทั้งหมด

ซอดัมที่ยังคงเงียบอยู่จนกระทั้งถึงตอนนี้ได้พูดขึ้น

[ฉันคิดว่าพวกนายเข้าใจอะไรสักอย่างผิดไปรึป่าวนะ ฉันก็แค่ใช้พวกนายเท่านั้น]

“ใช่ครับ พวกเรารู้ดีและคุณกลุ่มดาวก็ได้สำเร็จเป้าหมายเมื่อเช้านี้เอง”

[…?]

“แต่ในท้ายที่สุด ไม่ใช่ว่าคุณยังคอยอยู่ที่นี้จนกระทั้งพวกเราอยู่กันได้ด้วยตัวพวกเราเองอย่างนั้นหรือครับ?”

[โห้ จริงรึ]

ซอดัมรู้สึกว่ามันแปลกอยู่บ้าง

มันไม่ใช่ว่าเป้าหมายของเขาเป็นการทำเรื่องที่ดี

ดังนั้นเขาไม่ได้ทำสิ่งใดเลยที่มันมีค่าพอสำหรับการได้รับคำขอบคุณเช่นนี้

เขาเพียงแค่ใช้งานคนพวกนี้เพราะว่ามันจำเป็นสำหรับจากฆ่าใครสักคน

ในขณะที่กำลังมองดูทั้งสี่คน แม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาไม่คู่ควรกับคำขอบคุณหลายครั้งแล้วก็ตาม

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่มีประโยชน์อะไร

สุดท้ายแล้วความใจดีที่พวกเขาได้รับมาก็ยังมีความหมายมากมายสำหรับพวกเขาอยู่ดี

“ก่อนที่คุณจะไป จริงๆแล้วพวกเราต้องการที่จะพูดคำลาที่เหมาะสมนะครับ”

ทั้งสี่คนค่อยๆเงยหน้าของพวกเขาขึ้น มองตรงไปที่ที่ซอดัมกำลังลอยอยู่

“อีกแค่เรื่องเดียวเท่านั้น พวกเราขอถามอีกเพียงข้อเดียวว่า……คุณพอที่จะบอกชื่อจริงของคุณกับพวกเราได้ไหมครับ?”

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นช่วงสั้นๆ เขาได้แทนที่ข้อความของเขาด้วยบางสิ่งแทน

[กลุ่มดาวยูซอดัมกำลังมองมาที่คุณด้วยความสนใจ]

ยูซอดัม

พวกเขาได้สลักชื่อนี้ไว้ในหัวใจของพวกเขา

เมื่อรุ่งอรุณได้ใกล้เข้ามาอย่างช้าๆ

[พรของพวกคุณไม่ได้มีตัวตนอยู่อีกต่อไป]

ในอีกความหมายก็คือ กลุ่มดาวของพวกเขาได้จากไปแล้ว

ด้วยเหตุผลบางอย่างพวกเขารู้สึกว่าหัวใจของตนเองนั้นแตกสลายและไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้เลยชั่วขณะหนึ่ง

มันรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเราได้สูญเสียบางสิ่งที่สำคัญกับพวกเขาไป

แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้จะหยุดลงที่ตรงนี้

ด้วยรุ่งอรุณที่มาพร้อมกับวันใหม่ แจซูลได้พูดขึ้นกับคนที่เป็นเพื่อนร่วมทีมของตนและเป็นทั้งพวกพ้องในเวลาเดียวกัน

“ไปกันเถอะ มุ่งหน้าไปด่านต่อไปกัน”

พวกเขามีเพียงแค่ความปรารถนาเดียวเท่านั้น

คือการกลับไปสู่โลกเดิมของตนพร้อมกับทุกคนที่นี้ทั้งหมดไปยังที่ก่อนหน้าที่พวกเขาจะถูกพามาที่นี้เพื่อเป็นเพียงแค่ของเล่น

ตอนนี้มันสามารถที่จะบอกได้เลยว่าพวกเขาได้ก้าวขาข้างหนึ่งผ่านประตูแห่งความสำเร็จนี้ไปเรียบร้อยแล้ว