บทที่ 179 อยากขโมยมันนะ..แต่ว่า 1 (2)

ราอนร่ายเวทย์ขยายตัวอักษรที่อยู่บนฝาและเริ่มอธิบายให้คาร์ลฟัง

“พวกมันเป็นคำพูด!”

“อ่านให้ข้าฟังที”

คาร์ลออกคำสั่งกับราอนก่อนที่มันจะเริ่มอ่านให้เขาฟังช้าๆ

“สิ่งเดิมๆเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า!ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้เกือบร้อยพันครั้ง!”

คาร์ลเริ่มอยากรู้มากขึ้นว่าตัวอักษรเล็กๆที่ซุกซ่อนในลวดลายลูกไม้เหล่านี้กำลังพูดถึงอะไร

เสียงของราอนดังก้องไปทั่วโรงเรือนขนาดเล็ก

“ชีวิตจบสิ้นลงโดยไม่เหลืออะไร..ในที่สุดน้ำก็จะท่วมแม้ว่าพวกเจ้าจะสร้างเขื่อนขึ้นมาก็ตาม ข้าสร้างแม่น้ำขึ้นมาในดินแดนที่เต็มไปด้วยหิมะ..แต่พวกเจ้า!กลับกักมันไว้ไม่ให้มันไหลไปตามที่ควรจะเป็น”

คาร์ลตระหนักได้ว่าทุกสิ่งที่เขารู้มันผิดเพี้ยนมาตั้งแต่แรก

ทะเลสาบซึ่งเป็นเจ้าของตำนาน‘น้ำตาพระเจ้า’ ไม่ใช่ทะเลสาบจริงๆ

มันคือแม่น้ำ

ราอนเริ่มอ่านต่อทันที

“มีเพียงอย่างเดียวที่ข้าจะมอบให้กับพวกเจ้าที่กล้าไล่ทายาทของข้าออกไปเพื่อมาเติมเต็มความโลภของตัวพวกเจ้าเอง!”

ทายาท? หากยึดตามตำนานที่กล่าวเอาไว้พระเจ้าได้ทิ้งอัศวินผู้พิทักษ์เพื่อเป็นตัวแทนของตนไม่ใช่เหรอ?

ประโยคสุดท้ายดังมาจากราอน

“ในที่สุด..ทุกๆอย่างจะกลับคืนสู่ปกติเหมือนแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว”

ราอนอ่านข้อความดังกล่าวจบก็เงยหน้าขึ้นมองคาร์ล

“ราอน..ตัวอักษรที่เจ้าอ่านเป็นภาษาอะไร?”

“มันเป็นภาษารูน!”[1]

“จริงเหรอ?”

ราอนได้อ่านภาษารูนคล้ายกับที่เคยเห็นในบางหน้ากระดาษของหนังสือพระเจ้าแห่งความตาย

ความจริงที่ว่าบัวรดน้ำชิ้นนี้ไม่ใช่เครื่องมือเวทย์และการที่มีภาษารูนถูกเขียนเอาไว้ก็สามารถคิดได้เพียงอย่างเดียว

มันคือสิ่งที่พระเจ้าทิ้งเอาไว้ มันคือความจริงทั้งหมดในมุมมองของพระเจ้า

คาร์ลเริ่มทบทวนข้อมูลต่างๆอีกครั้ง

แต่เดิมพระเจ้าได้สร้างแม่น้ำให้กับดินแดนที่เต็มไปด้วยหิมะทางทิศเหนือ อย่างไรก็ตามผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ในอดีตเปลี่ยนแม่น้ำที่ไหลผ่านไปทั่วทุกหนแห่งให้กลายมาเป็นทะเลสาบ นั่นทำให้พระเจ้าโกรธเกรี้ยวและทิ้งเครื่องมือพระเจ้าเอาไว้

นอกจากนี้ผู้คนยังไล่ล่าทายาทที่พระเจ้าทั้งรักและหวงออกไปจากพื้นที่ก่อนที่พวกเขาจะสร้างทะเลสาบอย่างเป็นทางการ

หากข้อความเหล่านี้เป็นความจริงหมายความว่าตำนานที่เล่าขานในปัจจุบันผิดเพี้ยนไปอย่างมาก

‘อัศวินผู้พิทักษ์ไม่ใช่คนที่พระเจ้าเลือก’

อัศวินผู้พิทักษ์ของชาวอาณาจักรพารันและแม้แต่โคลเปย์ที่เชื่อมั่นว่าตัวเองคือคนที่พระเจ้าเลือก กลับไม่ใช่อย่างที่พวกเขาทั้งหมดเข้าใจ ข้อมูลที่พวกเขารู้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

‘ทายาทผู้นั้นคือศัตรูของอัคนีทำลายล้างหรือไม่?’

เขายังจำสิ่งที่พลังศิลาบอกไว้ได้

‘เจ้าพยายามที่จะทำลายคู่ปรับตลอดกาลของพลังอัคคีอย่างนั้นหรือ’

เขารู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดดูซับซ้อนยิ่งนักแต่คาร์ลก็หยุดคิดในเวลาต่อมา ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องเข้าใจทุกสิ่งในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาหรือสถานที่ยังไม่เหมาะให้เขาทำเช่นนั้นได้

คาร์ลก้มมองบัวรดน้ำในมืออีกครั้ง

“ราอนเก็บมันไว้ให้ดี”

“ตกลง! มันจะไม่ทำอันตรายต่อเราอย่างแน่นอน!”

ราอนเก็บบัวรดน้ำไว้ในมิติลับของตนทันที

จากนั้นคาร์ลก็ค่อยๆก้มตัวออกมาจากโรงเรือนในขณะที่หมอกยังคงปกคลุมไปทั่วบริเวณ

คาร์ลลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและเห็นว่าเชวฮันกำลังเดินมาหาตน เขาจึงเอ่ยปากถามเชวฮันออกไป

“ถึงเวลาแล้วรึ?”

“ขอรับท่านคาร์ล..อีกไม่ช้าพวกเขาก็น่าจะมาถึง”

คาร์ลหันไปสั่งออนและฮง

“ลงมือได้เลย”

เมี้ยว!

หมอกจางๆที่ปกคลุมบริเวณโรงเรือนเริ่มกระจายตัวออกไปและเริ่มหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ มันเต็มไปด้วยพิษที่สามารถโจมตีศัตรูได้ชั่วพริบตา หมอกพิษนี้ล้อมรอบตัวคาร์ลและสวนขนาดเล็กเอาไว้แต่ตัวหมอกไม่ได้สัมผัสถูกตัวคาร์ลและคนอื่นๆ มันเพียงล้อมรอบเพื่อป้องกันพวกเขาไว้เท่านั้น

~มนุษย์..เราจะไปเจอกับพวกอาร์มแล้วเหรอ?เราจะไปจัดการกับพวกมันแล้วใช่มั้ย?~

“ยังไม่ใช่ตอนนี้”

คาร์ลส่ายหน้าปฏิเสธให้กับคำถามของราอน คำตอบของเขาถูกกลืนลงคอเมื่อได้ยินเสียงของเชวฮันดังขึ้นมาก่อน

“ดูเหมือนพวกเขาจะมาถึงแล้วขอรับ”

เชวฮันมองไปทางประตูรั้ว เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งและตัวเขาก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี พลังนั้นกำลังเคลื่อนตัวมาถึงประตูรั้วของคฤหาสน์เซคก้าแล้ว

~พวกเขามาถึงแล้ว! ได้เวลาแล้วใช่มั้ย?~

“ใช่..เราไปทักทายอาร์มกันดีกว่า”

เชวฮันขนลุกเมื่อได้ยินสิ่งนี้ออกจากปากคาร์ล อย่างไรก็ตามคาร์ลแค่สั่งให้ราอนใช้เวทย์ลอยตัวให้พวกเขาเหาะไปด้วยความเร็วปกติเท่านั้น ร่างที่ถูกล้อมรอบด้วยหมอกพิษค่อยๆลอยตัวขึ้นสู่อากาศอย่างช้าๆ

ทันใดนั้นเอง

ปั้ง!!! ปั้ง!!! ปั้ง!!!

โคร้มมมมม!!

เสียงดังก้องไปทั่วคฤหาสน์เซคก้าทำให้พื้นที่ทั้งหมดตกสู่ความวุ่นวาย คาร์ลสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเท้าของเขาเหยียบลงบนหลังคา

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ช่างอ่อนแอเสียเหลือเกิน!”

มีร่างของชายผู้หนึ่งสวมหน้ากากสีดำและสวมชุดโทรมๆซึ่งเป็นเครื่องแบบขององค์กรลับ เขากำลังหัวเราะร่าพลางใช้เท้าบดขยี้เศษรูปปั้นไวย์เวิร์นที่เขาเพิ่งทำลายลงไป

วาฬเพชฌฆาตอาร์ชีทำลายรูปปั้นหน้าตาน่าเกลียดพวกนี้ด้วยเมือเปล่าเท่านั้น เขาได้รับคำสั่งจากคาร์ลมาก่อนหน้านี้

‘ทำตามที่เจ้าต้องการได้เลย’

อาร์ชีเหวี่ยงหมัดออกไปอีกครั้งเมื่อเห็นอัศวินกลุ่มหนึ่งวิ่งมาทางเขา

ปั้ง!!

รูปปั้นไวย์เวิร์นตัวสุดท้ายซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของอัศวินผู้พิทักษ์ถูกทำลายลงในที่สุด อาร์ชีสามารถทำทุกอย่างตามที่เขาต้องการเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

“ว้าว!..นี่มันคือไวย์เวิร์นหรือแมลงวันกันแน่? ช่างน่ารักเสียจริง! แค่แตะเบาๆก็แตกแล้วเหรอเนี่ย?! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

คาร์ลยิ้มด้วยความพอใจเมื่อเห็นอาร์ชีทำตัวบ้าระห่ำราวกับคนสติไม่ดี โรสลินและพาสตันซึ่งสวมชุดปลอมขององค์กรลับก็ยืนอยู่ด้านหลังของอาร์ชีเช่นกัน

“เยี่ยมมาก”

คาร์ลมองไปที่อัศวินและสิงโตตัวผู้ที่กำลังมุ่งหน้าไปหากลุ่มของอาร์ชีในขณะที่ตัวเขาเองกำลังเพลิดเพลินไปกับสายลมเย็นๆที่พัดเข้ามาเป็นระยะๆ

สิงโตตัวผู้สวมชุดเกราะหนังแทนที่จะเป็นเครื่องแบบของอาร์ม เขาตะโกนออกมาด้วยด้วยสีหน้าโกรธจัด

“ก..กล้าดีอย่างไรมาใส่ชุดปลอมที่หน้าตาอัปลักษณ์เช่นนี้!พวกเจ้าต้องเป็นพวกนั้นแน่ๆ!”

คาร์ลยิ่งรู้สึกดีมากขึ้น

“อากาศตอนกลางคืนช่างดีจริงๆ”

มันยังเป็นเวลาดึกสงัดที่เต็มไปด้วยเรื่องวุ่นวายแต่ไม่ใช่สำหรับพวกเขาอย่างแน่นอน

[1] อักษรรูนหรืออักษรรูนิกในภาษาพื้นเมืองเรียกฟูทาร์กซึ่งหมายถึงตัวอักษร ข้อความ หรือจารึก ในภาษาเยอรมันเก่าหมายถึง ประหลาดหรือความลับ อักษรนี้มีความเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ ทฤษฎีเกี่ยวกับจุดกำเนิดของอักษรรูน ได้แก่อักษรนี้ถูกออกแบบโดยอิสระไม่ขึ้นกับอักษรอื่นการเขียนเริ่มขึ้นในยุโรปใต้และถูกนำไปทางเหนือโดยเผ่าเยอรมันเป็นต้นแบบของอักษรละตินและอักษรอีทรัสคัน

จารึกอักษรรูนที่เก่าที่สุดพบราว พ.ศ. 643 แต่จารึกส่วนใหญ่อยู่ในราว พ.ศ. 1600 พบทั้งยุโรปตั้งแต่แหลมบอลข่าน เยอรมัน สแกนดิเนเวีย ไปจนถึงอังกฤษ ทิศทางการเขียนช่วงแรกผันแปรมาก โดยมากอยู่ในแนวซ้ายไปขวา ไม่มีการแบ่งช่องว่างระหว่างคำมากนัก โดยอาจมีการใช้จุดหนึ่งจุดหรือมากว่า(►มากกว่า) จารึกที่พบมีทั้งจารึกบนผาสูง หินขนาดใหญ่ สิ่งก่อสร้าง จารึกทางศาสนาและเวทมนตร์ จารึกเกี่ยวกับการค้าและการเมือง จดหมายส่วนบุคคล ข้อความสั้นๆและจารึกในงานศิลปะ