ตอนที่ 171 แรงจูงใจ

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ตอนที่ 171 แรงจูงใจ
ความบ้าคลั่งและเกลียดชังที่แฝงในน้ำเสียงของโต้วเหนียงทำให้หย่งชังปั๋วตกใจจริงๆ และกล่าวอย่างเคืองแค้นในทันที “หน้าซื่อใจคด ข้ากับฮูหยินทำไม่ดีกับเจ้าตอนไหน ถึงทำให้เจ้ากระทำการอย่างเลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้”

สายตาของทุกคนที่กำลังจดจ้องมาที่นางไม่ได้ทำให้นางตื่นตระหนกตกใจแต่น้อย ตรงกันข้ามกลับทำให้นางหัวเราะเสียงดังลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงเจ้าจะไม่ถาม ข้าก็จะชี้แจงให้เข้าใจชัดแจ้ง จะได้บอกให้คนทั่วไปรู้ว่าหย่งชังปั๋วที่ใจดี มารยาทงามเป็นคนที่ต่ำช้าเพียงใด”

“อย่าหยามเกียรติท่านพ่อของข้า!” เซี่ยชิงเหยาโกรธเสียจนใบหน้าซีดเซียว

หย่งชังปั๋วดึงตัวบุตรสาวกลับมา “ให้นางพูด!”

โต้วเหนียงที่ยิ้มทั้งน้ำตายกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่หางตา กล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น “สิบเจ็ดปีที่แล้ว ปั๋วฮูหยินตั้งครรภ์ มีการคัดเลือกสาวใช้ให้มาเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของหย่งชังปั๋ว ในเวลานั้นสาวใช้จำนวนมากล้วนก็ดิ้นรนอยากเป็นกัน ข้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น”

พูดถึงตรงนี้ โต้วเหนียงก็หัวเราะเยาะตนเอง “ในจวนมีใครไม่รู้บ้างเล่าว่าหย่งชังปั๋วรักและให้เกียรติฮูหยินถึงเพียงใด ใจดีและมีมารยาทกับผู้คนเป็นปกติ ไม่มีจุดด่างพร้อย มีเพียงฮูหยินผู้เดียว ไม่ต้องพูดถึงอนุภรรยา แม้กระทั่งสาวใช้อุ่นเตียงก็ไม่เคยหลับนอนด้วย ได้เป็นสาวใช้อุ่นเตียงของบุรุษผู้ที่มีศีลธรรม สถานะสูงส่งน่าเคารพทั้งยังหนุ่มแน่นเช่นนี้ จะมีสาวใช้สักกี่คนที่ไม่สนใจเล่า แต่ว่า…”

โต้วเหนียงสะอื้นไห้ขึ้นมาพลางมองไปยังหย่งชังปั๋วด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง “แต่ว่าใครจะไปนึกเล่าว่าคนที่ผู้คนล้วนยกย่องอย่างนายท่านปั๋วจะเป็นคนที่ต่ำช้าได้ถึงเพียงนั้น เห็นได้ชัดว่าได้ตัวข้าแล้ว แต่กลับเปลี่ยนใจทำเป็นไม่รู้จักกัน แสร้งทำเป็นว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นทั้งนั้นปล่อยให้ปั๋วฮูหยินจัดเตรียมชุนเหมยไว้ให้ หึหึ เป็นเพราะตอนนั้นข้ายังเด็กโง่เง่าไม่ทันคน สำหรับบุรุษแล้วการหลับนอนกับสตรีมากกว่าหนึ่งคนจะเสียหายอะไรเล่า ข้าไม่ยอม จึงวิ่งไปหยุดอยู่ต่อหน้าฮูหยินปั๋วและถกเถียงกับนาง แต่นางกลับตราหน้าด่าข้าว่าต้องการปีนป่ายขึ้นที่สูง ไร้ยางอายสิ้นดี สั่งคนให้ขับไล่ข้าออกไป…”

“นี่คือตันตอของเหตุที่ทำให้เจ้าสังหารฮูหยินของท่านปั๋วเช่นนั้นรึ” เจินซื่อเฉิงเพิกเฉยต่อหย่งชังปั๋วที่มีสีหน้าที่ไม่น่ามองขึ้นเรื่อยๆ และกล่าวเบาๆ “ความเกลียดชังทำให้คนขาดสติจนทำอะไรหุนหันพลันแล่น แต่ความเกลียดชังมักจะลดลงตามกาลเวลา เจ้าเลือกที่จะแก้แค้นหลังจากเวลาล่วงเลยมาสิบเจ็ดปีแล้ว หรือมีเรื่องอะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น”

โต้วเหนียงเม้มริมฝีปากของตนเอง ตัวทั้งตัวเหมือนดั่งใบไม้ที่ร่วงหล่นสู่ลมในฤดูใบไม้ร่วง สั่นไหวรุนแรงเป็นอย่างมาก

เจินซื่อเฉิงตบมือ “จริงสิ เรื่องไม่คาดฝันน่าจะมาจากเรื่องที่บุตรชายและสามีของเจ้าจากโลกนี้ไปเมื่อสองปีที่แล้วสินะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเจินซื่อเฉิง โต้วเหนียงก็ถอยหลังออกไปสองก้าวอย่างควบคุมตนเองไม่อยู่ มองเขาราวกับเห็นผี

หรือว่าใต้เท้าเจินผู้นี้จะมีทักษะการอ่านใจคน มันจะเป็นไปได้หรือ

เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว โต้วเหนียงก็ไม่อยากจะปกปิดความคิด ตรงกันข้ามกลับอยากระบายความในใจออกมา จากนั้นนางก็ยิ้มเหยียดหยัน “ใช่ แต่ว่าต้นเหตุก็มาจากสิบเจ็ดปีที่แล้ว! ข้าถูกขายเข้ามาอยู่ในจวนปั๋วตั้งแต่เด็กๆ อยู่ในจวนไร้ญาติขาดที่พึ่งพิง ดังนั้นหลังจากที่ถูกขับไล่ออกจากจวนข้าก็อับจนหนทาง หมดอาลัยตายอยากและเลือกที่จะกระโดดน้ำตาย บางทีสวรรค์อาจจะทนไม่ได้ที่ข้าจะตายจากไปอย่างสบายเช่นนี้ ในที่สุดข้าก็ถูกพ่อค้าที่เดินทางผ่านมาช่วยขึ้นมาได้ ในเวลานั้นข้ารู้สึกหมดกำลังใจ ทั้งยังรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณพ่อค้าคนนั้นที่เมตตาช่วยชีวิตเอาไว้จึงได้ตัดสินใจแต่งกับเขา กลับไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขาที่หนานเหอซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา…”

เมื่อคิดถึงเรื่องในอดีต ดวงตาของโต้วเหนียงก็สดใสขึ้นมาในทันที เห็นได้ชัดว่านางอยู่กินกับพ่อค้าคนนั้นอย่างมีความสุขดี

ทว่าไม่นานน้ำเสียงของโต้วเหนียงก็เปลี่ยนไป “ใครจะคิดเล่าว่าหลังจากแต่งงานไปไม่นาน ข้าก็ตั้งครรภ์!”

ฝูงชนได้ยินดังนั้น ก็อดมองไปที่หย่งชังปั๋วไม่ได้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การตอบสนองแรกของคนเกือบทั้งหมดก็คือบุตรที่อยู่ในท้องนางก็คือบุตรของหย่งชังปั๋วนั่นเอง มีเพียงหย่งชังปั๋วเท่านั้นที่นิ่งสงบและมีสีหน้าที่เย็นชา ดูไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

โต้วเหนียงตัวสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง “ถึงแม้ว่าข้าจะได้รับความช่วยเหลือจากพ่อค้าทั้งยังได้แต่งงานกับเขาอย่างรวดเร็ว ทว่าถ้านับตามวันที่ตั้งครรภ์ เด็กคนนี้ไม่ใช่บุตรของเขาอย่างแน่นอน เป็นอย่างที่คาดไว้ หลังจากแต่งงานได้แปดเดือนข้าปวดท้องคลอด หลังจากคลอดไม่ออกมาสามวันสามคืนในที่สุดข้าก็คลอดเขาออกมา หน้าตาของบุตรชายคนนี้เผยให้เห็นชัดขึ้นทุกวัน ไม่มีจุดไหนเลยที่เหมือนกับสามีของข้า ดังนั้นข้าคงหลอกตัวเองและคนอื่นต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว โชคดีที่สามีข้าคิดว่าบุตรชายคลอดออกมาก่อนกำหนด ไม่สงสัยอะไรเลยสักนิด เดิมทีข้าก็คิดที่จะมีลูกกับเขาด้วย จะดูแลเขาไปชั่วชีวิตถือเป็นการชดเชยความผิด ใครจะคิดเล่าว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาข้าก็ไม่เคยตั้งครรภ์อีกเลย หมอที่เชิญมาบอกว่าตอนที่ข้าคลอดมีผลกระทบต่อร่างกายของข้า ส่งผลให้ไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีก ข้าล่ะเกลียดจริงๆ”

โต้วเหนียงจ้องไปที่หย่งชังปั๋วด้วยดวงตากลมโตพลางกล่าวเสียงสั่นเครือ “เขาคือคนที่ทำลายความสุขของข้ามาทั้งชีวิต หรือว่าข้าไม่ควรเกลียดเขาอย่างนั้นหรือ!”

เจินซื่อเฉิงไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ แล้วกล่าวถามต่อไป “เช่นนั้นการตายของบุตรชายและสามีของเจ้านั้นเกี่ยวข้องอันใดกับเรื่องนี้ด้วย”

เพียงแค่ไม่สามารถมีบุตรให้แก่สามีได้ ความเกลียดชังเช่นนี้ไม่เพียงพอที่สตรีนางหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างปกคิสุขดีวางแผนร้ายสังหารคนได้

พอได้ยินคำถามของเจินซื่อเฉิง โต้วเหนียงก็สางผมที่พันกันอยู่ออกอย่างแรง ความเจ็บปวดนั้นนำพาให้นางหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต เป็นไปได้มากว่าความเจ็บปวดนี้ทำให้นางตกอยู่ในความบ้าคลั่ง “ความลับซ่อนอยู่ในใจของข้านานเกินไป มันนานเกินไปจริงๆ มองดูบุตรชายที่เติบใหญ่ขึ้นทุกวันๆ ทั้งหน้าตาและนิสัยใจคอก็แตกต่างจากสามีของข้ามาก ข้าก็รู้สึกอึดอัดใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อมาถึงคืนหนึ่ง…”

เมื่อโต้วเหนียงหยุดพูด ในลานก็เงียบสงัด

ทุกคนต่างอยากรู้ว่าคืนนั้นเกิดเรื่องที่น่ากลัวอันใดขึ้น

“ในคืนนั้นข้าฝันร้าย เผลอพูดความลับออกมาจนหมดสิ้น!”

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังอื้ออึงขึ้นมาจากฝูงชน ไม่อยากจะเชื่อว่าความลับจะถูกเปิดเผยออกมาเช่นนี้

มีความผิดแปลกบางอย่างแวบเข้ามาในความคิดของเจียงซื่อ

บอกว่าพูดความลับออกมาตอนกำลังฝัน ฟังดูแปลกประหลาดแต่แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นสิ่งใหม่เลย

หากความลับอันเลวร้ายถูกปกปิดไว้นานจนเกินไป ภายในใจของคนผู้นั้นจะหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็แบกรับต่อไปอีกไม่ไหวจนต้องหาช่องทางระบายมันออกไป อาจจะเริ่มพูดออกมาเอง หรือถูกกระตุ้นจนทำให้ต้องพูดออกมา

“เมื่อได้ยินความลับนี้ สามีของข้าก็อาละวาดขึ้นมาในทันที ตาแดงก่ำบังคับให้ข้าเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา จากนั้น…” โต้วเหนียงก็อ้าปากน้ำตาไหลย้อยลงมาบริเวณหางตาที่แห้งแล้วของนาง “เขาก็พุ่งเข้าไปในห้องของบุตรชายข้า บีบคอเขาจนตายด้วยความโกรธ!”

“เฮ้อ” ฝูงชนอดจะทอดถอนหายใจมิได้ มองดูนางอย่างเห็นใจ

ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็แล้วแต่ บุตรชายเพียงคนเดียวของนางถูกสามีบีบคอจนตาย มันช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเสียจริง

“ในเวลานั้นเจ้าไม่ได้หยุดเขาไว้อย่างนั้นหรือ” เจินซื่อเฉิงเอ่ยถาม

“ข้าถูกเขาตีจนสลบ พอฟื้นขึ้นมาบุตรชายของข้าก็สิ้นใจแล้ว พอสามีของข้าใจเย็นลง ก็นำร่างของเขาถ่วงไว้ด้วยหินแล้วโยนลงแม่น้ำ จัดฉากว่าบุตรชายไปเล่นน้ำและได้จมน้ำขนาดศพยังลากขึ้นมาไม่ได้…”

เจินซื่อเฉิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามต่อ “เช่นนั้นสามีของเจ้าตายได้อย่างไร”

โต้วเหนียงก็นิ่งเงียบไปเหมือนกัน และในขณะที่ทุกคนกลั้นลมหายใจรอคำตอบของนาง นางก็ได้ยิ้มขึ้นมาแล้วกล่าวตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ข้าฆ่าเขาเอง”

เมื่อเห็นรอยยิ้มของโต้วเหนียงจู่ๆ ฝูงชนก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ไม่มีใครส่งเสียงดังแม้แต่น้อย

“ตั้งแต่นั้นมาเขาจะทุบตีข้าทุกคืน ใช้เท้าเตะข้า ใช้คีมคีบถ่านร้อนจี้ข้า วิธีการทรมานทุกรูปแบบเขาล้วนนำมาใช้กับข้าทั้งสิ้น และข้าก็รู้ดีว่าอีกไม่นานคงจะถูกเขาทุบตีจนตาย แต่ข้าไม่ยอม ไม่ใช่ว่าไม่ยอมให้เขาตี อย่างไรเสียข้าก็เป็นหนี้ชีวิตเขา ข้าไม่ยอมที่ข้าซึ่งถูกหย่งชังปั๋วทำให้เป็นทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ แต่คนที่ทำร้ายข้ายังคงใช้ชีวิตที่มั่งคั่งอย่างมีความสุข มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!”