บทที่ 192 ซุนซิงเหอตาย!

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 192 ซุนซิงเหอตาย!

บทที่ 192 ซุนซิงเหอตาย!

หอกพุ่งตรงเข้าหาหัวใจซุนอวิ๋นถิง เผยอำนาจทำลายล้างของลู่หยวน ขณะที่สัมผัสเทวะของซุนอวิ๋นถิงมุ่งเป้าสวนกลับมาหาเขาเช่นกัน พร้อมกับดาบเพลิงสีม่วงในมือที่ฟาดฟัน

ลู่หยวนไม่ได้ตื่นตระหนก แม้แรงกดดันรอบข้างจะกักขังเอาไว้อย่างหนาแน่น แต่เขากลับรุกคืบแทนที่จะถอย ดึงหอกในมือออก ก่อนจะเสือกแทงออกไปอีกครั้ง!

เปรี้ยง!

เสียงคมปลาบแสลงหูดังขึ้น หอกไม่สามารถทะลวงร่างของซุนอวิ๋นถิงได้

“ลู่หยวน ไม่ว่าเจ้าจะทำสิ่งใดก็ล้วนเปล่าประโยชน์!”

“เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า เจ้าก็ไม่ต่างจากแมลงตัวจ้อยดิ้นรนเอาชีวิตรอด!”

จิตสังหารปรากฏขึ้นในใจของซุนอวิ๋นถิง ราวกับว่าเขาสามารถสังหารบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้ทุกเมื่อขอเพียงแค่ลงมือ!

“จริงหรือ?”

ลู่หยวนคลี่ยิ้มกว้าง สายตาหลุบต่ำขณะชำเลืองมองอวี๋ฉู่ผู้ยืนอยู่ไม่ไกล หอกพลันหันเสออกข้าง ขณะพลังแห่งวิถีที่กดทับบนร่างของชายหนุ่มเกิดสั่นคลอนสะท้านไหว จนอดีตเจ้าสำนักผู้เดิมมีท่าทีเกียจคร้าน มายามนี้หน้าถอดสี สัมผัสได้ว่าพลังวิถีเร้นลับที่มอบให้กับลู่หยวนหายไปจนสิ้นแล้ว

เหนือท้องนภา ดาบเพลิงสีม่วงในมือของซุนอวิ๋นถิงรุกคืบ และกำลังจะฟาดฟันเข้าใส่ลู่หยวนในพริบตา ในเวลาเช่นนี้ แม้แต่อวี๋ฉู่ก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถช่วยบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้หรือไม่!

“บัดซบ เจ้าเด็กสารเลวนี่คิดจะทำอันใดกันแน่!”

อวี๋ฉู่อดที่จะสบถไม่ได้ พลังกฎเกณฑ์ที่เคลื่อนลงบนร่างลู่หยวนทำได้แค่ปกป้องอีกฝ่ายเท่านั้น!

แล้วนี่… นี่ลู่หยวนมันบ้าไปแล้วหรือไร?!

เขาถึงกับสลัดพลังแห่งวิถีเร้นลับที่ปกป้องร่างในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนั้นหรือ?!

นี่ใช่เสียสติไปแล้วหรือไม่?!

หลังจากต่อว่าเสร็จสรรพ อวี๋ฉู่รีบรวบรวมพลังวิญญาณในร่าง ก่อนจะถ่ายเทแรงกดดันในท้องนภาให้เคลื่อนลงมาในทันที

ค่ายกลที่ห้อมล้อมพวกเขาทั้งสองในตอนนี้สั่นไหวขึ้นมา กระบี่ใหญ่สิบเล่มที่อยู่รอบข้างพลันส่องแสง

แสงสว่างสีทองสาดส่องทั่วทิศ ทั้งทรงอำนาจและเลิศล้ำ ในขณะที่เปลวเพลิงบนดาบเพลิงสีม่วงในมือของซุนอวิ๋นถิงหมองหม่นลง ทั่วพื้นที่เริ่มสว่างไสว

ซุนอวิ๋นถิงสัมผัสได้ว่าดาบเพลิงสีม่วงในมือพลันหนักอึ้งขึ้นมา ความเร็วในการกวัดแกว่งจึงพลอยลดลง

“ซุนอวิ๋นถิง”

ลู่หยวนเอ่ยคำขึ้น เรียกให้ซุนอวิ๋นถิงก้มมองโดยไม่รู้ตัว พบว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ต่ำระดับกว่าราวครึ่งช่วงตัวเผยยิ้มออกมา ในดวงตาคู่นั้นเผยแววหยอกล้อ

“ข้าได้ยินมาว่าแผ่นดินหยวนหงมีรายชื่อเพลิงวิญญาณ เพียงแต่ไม่ทราบว่าเพลิงม่วงครามที่เจ้าครอบครองอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ มีดีสักแค่ไหน?”

บรรพชนดาบยิ้มหยันออกมา “คนตายไม่จำเป็นต้องรู้!”

“หึ” ลู่หยวนพลันลดเสียงลง “ซุนอวิ๋นถิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าการกลายเป็นมารมันให้ความรู้สึกอย่างไร?”

ซุนอวิ๋นถิงที่ได้ยินคำชะงักกึก ก่อนจะทันเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร ชายหนุ่มก็เคลื่อนไหวก่อนแล้ว

ในมุมที่ไม่มีใครพบเห็น ปลายหอกพันมังกรเก้าสวรรค์ในมือลู่หยวนเกิดกลุ่มพลังมารสีดำพุ่งทะยานไปด้านหน้า ก่อนจะหายวับเข้าไปด้านในอกใต้ชุดของซุนอวิ๋นถิง แม้บรรพชนดาบจะรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งทะลวงเข้าสู่หัวใจ ยามเขากำลังจะค้นหา ความรู้สึกแปลกประหลาดนั่นก็หายไปแล้ว

อวี๋ฉู่ผู้อยู่ด้านล่างยังคงควบคุมแรงกดดันรอบข้างเอาไว้ พลังแห่งวิถีเร้นลับที่ถูกลู่หยวนสลัดทิ้งไปกำลังฟื้นคืนกลับมาอย่างต่อเนื่อง

ซุนอวิ๋นถิงสะกดความสงสัยเอาไว้ในใจ ทันทีที่เขาเค้นพละกำลังทั้งหมดในมือ เปลวเพลิงสีม่วงถูกจุดขึ้นมาก่อนปกคลุมทั่วทั้งฝ่ามือของเขา

เจตจำนงดาบทะยานโหม บังคับขับไล่พลังและแรงกดดันของอวี๋ฉู่

“ลู่หยวน ตายเสียเถอะ!”

ซุนอวิ๋นถิงแผดเสียงคำรามยาว ก่อนจะฟาดฟันลงไปอย่างรุนแรง

อวี๋ฉู่พบเห็นดังนั้น ในใจเกิดตื่นตระหนก ทว่ามันสายเกินกว่าจะช่วยคนเอาไว้ได้ทันแล้ว!

เหนือความว่างเปล่า ดาบเพลิงสีม่วงฟันลงไป และเหลือเพียงหนึ่งร้อยฉื่อเท่านั้นก่อนจะถึงตัวลู่หยวน!

สายตาของผู้คนนับไม่ถ้วนจับจ้องมาที่พวกเขาสองคน ทุกคนต่างกลั้นหายใจไม่กล้ากะพริบตา

วันนี้ พวกเขาได้เป็นสักขีพยานกับตาตัวเองว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ตระกูลลู่จะต้องตายอย่างน่าเวทนาที่นี่!

ฟู่!

เปลวเพลิงสีม่วงวูบไหวก่อนจะกลืนกินทุกสิ่งตรงหน้าซุนอวิ๋นถิงในฉับพลันนั้น

“อ๊ากกกก!!!”

เสียงกรีดร้องโหยหวนกระจายไปทั่วสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ และแค่ได้ยินเสียง พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดแสนสาหัสแล้ว!

เหนือความว่างเปล่า ชายผู้ถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงสีม่วงยังคงเกลือกกลิ้งไปมาเพื่อพยายามดับเปลวไฟบนร่าง

ทว่าเพลิงสีม่วงนี้คือเพลิงวิญญาณ ดังนั้นมีหรือจะมอดดับได้โดยง่าย?!

“ข้าคิดมาตลอดว่าลู่หยวนเป็นผู้มีพรสวรรค์หาตัวจับได้ยาก แต่น่าเสียดายนักที่ต้องมาตกตายในวันนี้ …หากว่าเขายังมีชีวิตอีกสักสองหรือสามปี เกรงว่าคงได้ติดหนึ่งในทำเนียบสวรรค์ของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่!”

“ได้แค่นี้หรือ? พฤติกรรมอหังการของมัน พบเจอจุดจบเช่นนี้ก็ถือว่าสมควรแล้ว!”

ผู้คนบนยอดเขาทั้งหลายต่างพากันถอนหายใจ บางคนถึงขั้นหัวเราะออกมา

เซียวเทียนผู้ถูกสะกดไว้บนยอดเขากระบี่เพียงนั่งนิ่งไม่ขยับเคลื่อนไหว ขณะที่พลังของบรรพชนกระบี่กำลังซ่อมแซมเกล็ดมังกรบนอกของบุตรแห่งโชคชะตาเซียว

“พี่ลู่…”

เซียวเทียนเผยเสียงสิ้นหวัง รอบดวงตาถูกย้อมกลายเป็นสีแดงก่ำขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

เพียงชั่วขณะ เขาเงยหน้าขึ้น จิตสังหารแผ่ซัดออกมา

“ซุน อวิ๋น ถิง! ข้าอยากให้เจ้า …ตาย!”

มังกรขนาดมหึมาเคลื่อนตัวประหนึ่งคลื่นยักษ์ ฝืนทำลายพันธนาการทั้งหมดที่บรรพชนกระบี่ใช้กักขังจนสิ้น!

เซียวเทียนฝืนฝ่าทะลวงก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน และเพียงหนึ่งสะบัดมือ กระบี่ขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้น พร้อมกับร่องรอยพลังวิถีอันยิ่งใหญ่ที่แผ่ออกมา พลังอันพิสดารปรากฏขึ้นต่อสายตาของบรรพชนกระบี่

เด็กนี่ถึงกับเข้าถึงวิถีกระบี่ในตอนนี้อย่างนั้นหรือ?!

เมื่อเซียวเทียนเคลื่อนไหวอย่างดุดัน บรรพชนกระบี่พลันกลับมามีสติ ส่งเจตจำนงกระบี่มหาศาลเคลื่อนลงมาทันทีก่อนฟาดเข้าใส่เซียวเทียนจนอีกฝ่ายหมดสติ

พลังมังกรเจิดจ้าหายไปอีกครั้ง บรรพชนกระบี่โยนบุตรแห่งโชคชะตาสายเลือดมังกรกลับเข้าไปให้หมู่ศิษย์ที่เหลือและออกคำสั่งให้ดูแลอีกฝ่าย จากนั้นจึงหันสายตามองไปที่ท้องนภา

เหนือยอดเขา ฉินอี่หานเกาะกุมหน้าอก ความเจ็บปวดแผ่ซ่านในร่าง เพียงแต่นางไม่สนใจ ปัจจุบันหญิงสาวกำลังมองร่างเหนือฟากฟ้าที่ถูกเปลวเพลิงปกคลุม ขณะที่สายตานั้นสงบจนน่าประหลาด

นางไม่เชื่อว่าผู้อยู่ภายใต้เปลวเพลิงสีม่วงจะเป็นลู่หยวน!

ลู่หยวนไม่มีทางตายแน่นอน!

นับตั้งแต่เขายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับซุนอวิ๋นถิง ซุนอวิ๋นถิงก็เท่ากับตายไปแล้ว!

เหนือความว่างเปล่า บรรพชนดาบยืนตัวตรงขณะถูกห้อมล้อมด้วยเปลวเพลิงสีม่วงหนึ่งร้อยฉื่อ

“ฮ่า ๆๆๆ ลู่หยวน ขยะย่อมเป็นขยะอยู่วันยังค่ำ! มังกรเจินหลงของเจ้า ข้าขอเป็นตัวแทนรับไว้แล้วกัน!”

ซุนอวิ๋นถิงหัวเราะประหนึ่งคนคลั่ง ก่อนจะหันหลังกลับไปกล่าวคำ “หลานชายที่รัก จงรับชมว่ามังกรเจินหลงจะมีความสุขเพียงใดที่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณของเจ้า”

ก่อนจะทันกล่าวจบ ซุนอวิ๋นถิงที่หันมากลับพบว่าซุนซิงเหอที่เดิมยืนด้านในค่ายกลป้องกัน มายามนี้กลับหายตัวไปแล้ว!

“หลานชาย?!”

หัวใจของซุนอวิ๋นถิงบีบรัด เขากระจายสัมผัสเทวะออกไปทั่ว

“ไม่ต้องตามหาหรอก เขาก็อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้วไง!”

ความว่างเปล่าในจุดที่ซุนซิงเหอเคยอยู่พลันสั่นไหว ร่างในชุดสีขาวก้าวออกมา อักขระค่ายกลแปลกประหลาดรอบข้างค่อย ๆ จางหายไป

อีกฝ่ายสวมใส่ชุดสีขาวประหนึ่งเซียนผู้สูงส่ง เขาคือ… ลู่หยวน!

“ลู่หยวน?!”

นัยน์ตาของซุนอวิ๋นถิงสั่นไหว หากลู่หยวนอยู่ตรงนี้ แล้วหลานชายของเขาอยู่ที่ใด?!

สังหรณ์ร้ายปรากฏขึ้นในใจ เขารีบหันมองกลับมาพร้อมกับยกฝ่ามือขึ้น เปลวเพลิงสีม่วงจึงเลือนหาย

กลางอากาศ ร่างที่ถูกเผาจนเหลือเพียงเศษซากโครงกระดูกปรากฏต่อหน้าสายตาทุกคู่ ผู้ที่ได้พบเห็นโศกนาฏกรรมนี้แทบสำรอกออกมา

ซุนอวิ๋นถิงสั่นเทายามจ้องมองโครงกระดูก พร้อมกับได้พบว่าที่เอวของโครงกระดูกนี้ …มีเข็มขัดซึ่งยังไม่มอดไหม้โดยสมบูรณ์อยู่ และใต้เข็มขัดมีจี้หยกขนาดเล็กอันหนึ่งห้อยอยู่

จี้หยกนี้คือสิ่งที่ซุนอวิ๋นถิงคุ้นเคยเป็นอย่างดี!

มันเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบสามสิบปีของซุนซิงเหอ… ซุนอวิ๋นถิงเป็นผู้มอบของขวัญแสดงความยินดีชิ้นนี้ให้กับหลานชายด้วยตัวเอง!