บทที่ 138 ทําไมต้องเรียกสัตว์ประหลาดทะเลมาเป็นอาหาร?

แม้ว่าเขาจะเป็นคนแคระเทาอายุ 123 ปีที่อ่อนแอ ทําอะไรไม่ถูก และเป็นเด็กตะกละเล็กน้อยในสายตาของพ่อแม่ แต่ไอรอนเฟลก็มีประสบการณ์เท่ากับอายุของเขาในฐานะช่างตีเหล็ก แม้ว่าเขาจะไม่เคยขึ้นสู่ผิวดินมาก่อน แต่เขาก็เคยได้ยินเรื่องนี้จากการคนแคระเทาที่เคยเดินทางขึ้นไป ขณะที่พวกเขาคุยโวกันทุกวันเมื่อออกไปเที่ยวดื่มเหล้าหลังเลิกงานในเมืองแมกมา

หากไม่สนใจการโอ้อวดของผู้บรรยาย มนุษย์ที่ปรากฏในเรื่องราวของคนแคระเหล่านั้น ก็มีความเหมือนกันไม่มากก็น้อย วิถีชีวิตของพวกเขาไม่ได้แตกต่างจากคนแคระมากนัก แต่เนื่องจากมนุษย์มีช่วงชีวิตที่สั้นกว่ามาก พวกเขาเลยไม่ได้แสวงหาความเป็นเลิศหรือมีความหลงใหลในงานฝีมือแบบเดียวกับเหล่าคนแคระ และส่วนใหญ่พวกเขาก็ใช้ชีวิตไปวัน ๆ อย่างน่าเบื่อ ภายใต้การปกครองของศาสนจักรและขุนนาง

ยิ่งไปกว่านั้น มนุษย์ยังมีจํานวนมหาศาลมากจนเทพเจ้าของพวกเขาไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึงทําให้พวกเขามีผู้ถูกเลือกเพียงไม่กี่คน ดังนั้นเผ่าพันธุ์ของพวกเขาจึงอ่อนแอมาก

ตอนแรกไอรอนเฟลไม่ต้องการอยู่ในดินแดนมนุษย์ถาวร แต่เขาก็ไม่คิดว่าการใช้ชีวิตของเขาที่นั่นจะยากเกินไป อย่างมากเขาก็แค่ต้องสร้างอาวุธบางอย่างเพื่อมนุษย์ การต่อสู้กับเหล็กและไฟเป็นสิ่งที่อยู่กับคนแคระมาทั้งชีวิตอยู่แล้ว มันจะยากแค่ไหนกัน? ก็เหมือนกับที่ช่างทําเตาพูด แค่คิดว่ามันเป็นวันหยุด

เป็นผลให้สิ่งต่าง ๆ ผลิกกลับทันทีที่ไอรอนเฟลก้าวออกจากเมือง

เขาไม่เห็นสไลม์แม้แต่ตัวเดียวในอุโมงค์ เมื่อเขาคิดเอาเองว่าพวกมันคงถูกกวาดล้างโดยคนงานเหมืองไปหมดแล้ว เขาก็วิ่งเข้าไปเจอบิ๊กสไลม์ ซึ่งเกิดจากการที่สไลม์จํานวนมากมารวมตัวกัน ห้อยติดอยู่บนอุโมงค์มีดเหนือพอลทัล เพื่อดักซุ่มโจมตีคนแคระที่ต้องการเทเลพอร์ต

ก่อนที่ไอรอนเฟลจะทันได้ตอบโต้ เขาก็ถูกกลืนลงท้องบิ๊กสไลม์ไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพอร์ทัลก็ได้เปิดใช้งานแล้ว มันเลยเคลื่อนย้ายเขาออกมาพร้อมกับสไลม์ที่กลืนเขาเข้าไป

พวกเขามาถึงทางตอนเหนือของจักรวรรดิวัลลาในป่าละเมาะที่ไร้ผู้คน นั่นทําให้ไอรอนเฟลไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากคนแคระที่ผ่านไปมาได้

แต่เมื่อไอรอนเฟลท์คิดว่าเขาคงต้องตายแน่ ๆ แล้ว เด็กหนุ่มสองคนและสุนัขหนึ่งตัวก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้

ความจริงสไลม์เป็นสัตว์ประหลาดระดับต่ําสุดและอ่อนแอมาก แม้ว่าชั้นเจลด้านนอก จะปกป้องมันจากการโจมตีทางกายภาพได้เล็กน้อย แต่หินเวทย์ซึ่งเป็นแกนกลางของพวกมันนั้นแตกต่าง แค่เด็กถือไม้ก็ทําให้พวกมันตกใจกลัวได้แล้ว

แต่เมื่อสไลม์หลายตัวมาหลอมรวมกันเป็นบิ๊กสไลม์ ความสามารถของมันก็เลยเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ชั้นเจลบนร่างกายของพวกมันมีมวลมากขึ้น ในขณะที่แกนกลางของพวกมันอย่างหินเวทย์ไม่ได้ขยายใหญ่ขึ้นตามไปด้วย ทําให้การจะโจมตีโดนหินเวทย์ทําได้ยากขึ้น

ในขณะเดียวกัน ร่างกายที่มีขนาดใหญ่ของมันก็มีความสามารถในการล่าเหยื่อที่น่ากลัว และเหยื่ออย่างไอรอนเฟลที่ถูกชั้นเจลห่อหุ้มไว้อย่างสมบูรณ์ ก็ไม่สามารถหลบหนีได้โดยปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก

สรุปสั้น ๆ เลยก็คือ เด็กหนุ่มมนุษย์ 2 คนนี้ไม่มีวันเอาชนะสไลม์ตัวนี้ได้!

ไอรอนเฟลเปิดปากเตือนพวกเขา แต่เขาไม่สามารถส่งเสียงออกมาจากภายในร่างของสไลม์ได้ แม้เจลของมันจะมีฤทธิ์ย่อยสลายที่อ่อนแอ แต่เมื่อมันหลั่งเข้าไปในปาก เขาก็เกือบจะสูญเสียกล้ามเนื้อหูรูดของเขาไป และหากเขายังฝืนพูดต่อไป เขากลัวว่าเขาจะกลายเป็นชีสเหนียว ๆ ในไม่ช้า

เหตุผลที่ไอรอนเฟลยังมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้ ต้องขอบคุณหนังหนา ๆ ของคนแคระ ที่สามารถอยู่รอดได้ในทุกสภาพแวดล้อม แต่นั้นไม่รวมถึงอวัยวะภายในของพวกเขา

แล้วทําไมไอ้เด็กเชี่ย 2 คนนั้นยังพยายามสู้กับสไลม์อีก! รีบกลับบ้านไปหาพ่อแม่ซะ! ไอรอนเฟลได้แต่ร้องคํารามอยู่ในใจ

แต่เห็นได้ชัดว่าเด็กทั้งสองไม่ได้รับกระแสจิตของเขา ขณะที่ไอรอนเฟลเฝ้าดูพวกเขาโจมตีสไลม์ เขาก็คิดว่า ไม่ช้าเขาก็จะมีเพื่อนร่วมคุกเพิ่มอีก 2 คนและสุนัขอีก 1 ตัว

แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเกินความคาดหมายของไอรอนเฟลมาก

เด็กสองคนนี้สู้มันได้จริง ๆ

หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะเป็นนักรบ เขาไม่เพียงแต่จะก่อกวนสไลม์ได้ เขายังหาจังหวะแทงมันเป็นครั้งคราวได้อีกด้วย แต่การโจมตีแค่นี้ก็แค่ทําได้แค่ให้ชั้นเจลของมันกระเพิ่มเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล เขาก็เลยเรียกวิญญาณที่คล้ายมนุษย์ออกมา ก่อนจะปล่อยมันขว้างหมัดออกไปในขณะที่ร้องตะโกนว่า “โอร่า โอร่า โอร่า” จนไอรอนเฟลต้องห วาดกลัวพลังหมัดเหล่านั้น แม้เขาจะอยู่ลึกเข้าไปในร่างกายของบิ๊กสไลม์ก็ตาม

ส่วนเด็กมนุษย์อีกคนนั้นก็ลึกลับยิ่งกว่า เขาเรียกอาหารทะเลออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อป้อนให้สไลม์ตัวใหญ่กินใช่ ให้อาหาร

ตั้งแต่ปลาหมึกไปจนถึงปลามาร์ลิน ปูแคระ ปูเสฉวนตัวใหญ่ที่มีดอกไม้ทะเลเติบโตอยู่ด้านบนเปลือก ปลาไหลในสวนขนาดใหญ่ ที่โผล่หัวออกมาจากเปลือกเพรียง เขาส่งพวกมันออกมายั่วน้ําลายสไลม์

ในตอนแรกไอรอนเฟลคิดว่านักอัญเชิญไม่มีคาถาที่ทรงพลังและค่อนข้างจะอ่อนแอ เขาเลย เรียกอาหารทะเลออกมาเรื่อย ๆ เพื่อปกปิดการโจมตีของนักรบ

สไลม์เป็นสัตว์ประหลาดที่ไร้สมอง พวกมันกินอาหารโดยไม่มีความยับยั้งชั่งใจ มันเลยไม่ปฏิเสธอาหารทะเลที่ถูกป้อนให้

ในที่สุดอาหารทะเลจํานวนมากก็บีบไอรอนเฟลมาที่ขอบร่างของสไลม์ โดยมีปลาหมึกตัวหนึ่ง พันรอบใบหน้าของเขาอย่างแน่นหนา ในขณะที่เขารู้สึกว่าปรสิตบางตัวกําลังวางไข่ เขาก็เข้าใจทันทีว่านักอัญเชิญตั้งใจจะทําอะไร

และตามที่ไอรอนเฟลคิด สุนัขที่ไม่ได้ร่วมโจมตีมาตั้งแต่แรกก็ได้อ้อมมาทางด้านหลังสไลม์ซึ่งไม่ใช่ด้านหลังจริง ๆ เนื่องจากสไลม์ไม่มีหน้าและหลัง

แต่ในขณะที่สไลม์ถูกทารุณโดยวิญญาณที่นักรบหนุ่มเรียกออกมา สไลม์ก็ไม่เคยสังเกตเห็นสุนัขตัวใหญ่ที่กําลังย่องเข้าหามันเลย

สุนัขฉวยโอกาสกัดหนวดปลาหมึกตัวหนึ่งซึ่งยื่นหนวดออกมาจากร่างของสไลม์ และ เริ่มดึงมันออกมาอย่างมั่นคง

ดังนั้นหัวของไอรอนเฟลก็เลยโผล่ออกมาจากร่างของสไลม์ด้วย เมื่อมันเห็นอย่างนั้น สุนัขก็ออกดึงแรงมากขึ้นเพื่อลากคนแคระเทาออกมา แม้ว่าเขาจะกรีดร้องว่า หนังหัวข้า! ปลาหมึกกําลังจะฉีกหนังหัวของข้าแล้ว!” และเสียงต่อการเสียโฉมก็ตาม

“เอาล่ะ ข้าจะโจมตีมันเป็นครั้งสุดท้ายเอง!” คนแคระตะโกนขึ้นมาทันทีหลังจากที่เขา ลุกขึ้นยืนได้สําเร็จ เขาพร้อมจะฟาดค้อนคู่ใจออกไปเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้

แต่แล้วเขาก็พบว่า ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ถูกผลักไปที่ขอบของสไลม์ แต่ยังมีแกนกลางของมันอีกด้วย

นักรบหนุ่มทําท่าทางแบบว่า “เหอะ พวกเราเคยเห็นคนแบบเจ้ามามากแล้ว พวกที่ชอบขโมยลาส” ก่อนจะแทงดาบมือเดียวของเขาอย่างโหดเหี้ยมไปที่แกนกลางของสไลม์

สิ่งมีชีวิตนั้นส่งเสียงกรีดร้องทันที ขณะที่ร่างกายของมันแยกออกจากกันเหมือนตอน ที่ลูกโป่งน้ําแตก สารหนาที่น่าขยะแขยงของมันกระจายออกมาทุกทิศทาง ขณะที่ร่างกายของมันเหี่ยวแห้งลงอย่างรวดเร็วเป็นรูปร่างอาหารทะเล

คนแคระเทาถูกปล่อยให้ยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาว โดยมีปลาหมึกเกาะอยู่เหนือหัวอย่างสับสน ใครกันที่บอกว่ามนุษย์อ่อนแอ? คนแคระทุกคนที่ขึ้นมาบนผิวดินก่อนหน้านี้มีแต่เหล้ารัมอยู่ในหัวกันหมดใช่ไหม?!