ตอนที่ 172 ร่วมมือ 3

สมแล้วที่รูดอล์ฟเป็นนักการเมืองมาหลายปี สีหน้าของเขาจึงไม่เปลี่ยนไปเลย ทั้งยังดูไม่รู้สึกตื่นตระหนกสักนิด

“จะว่าไปแล้ว เราได้มีโอกาสเจอกันครั้งแรกแท้ ๆ แต่กลับหยาบคายใส่ซะอย่างนั้น” สวี่หลิงอวิ๋นยิ้ม “ดูเหมือนมันจะหยาบคายเกินไปที่ฉันบุกเข้ามาในคฤหาสน์ของท่านกลางดึกดื่นแบบนี้”

รูดอล์ฟคิดในใจ เธอก็รู้ตัวสินะ แต่ทำไมถึงบุกเข้ามาตอนกลางคืนล่ะ?

“ไม่เป็นไร พวกผมเองก็หยาบคายเหมือนกัน มนุษย์ต่างดาวอย่างพวกท่านมาถึงที่นี่ พวกผมในฐานะเจ้าบ้านก็ควรจะมีสัมพันธไมตรีที่ดี”

สวี่หลิงอวิ๋นกล่าว “อันที่จริง เดิมทีพวกเราแอบจับตามองสถาบันทั้งหลายของท่านอยู่นะคะ เพื่อดูว่าอันไหนตรงกับความต้องการของพวกเรา จะได้ร่วมมือกันระหว่างดวงดาว แต่ดูเหมือนว่าสถาบันฮั่วเลี่ยของท่านจะคิดเยอะเกินไป อยากจะออกหมายจับพวกเราจริง ๆ น่ะเหรอคะ?”

“ถึงกับลักพาตัวทีมงานคนหนึ่งของพวกเราไป ฉันเลยต้องออกมาที่นี่เพื่อพูดคุยท่าน” สวี่หลิงอวิ๋นนั่งลงบนเก้าอี้ และเอื้อมมือออกไปสัมผัสถ้วย

รู้สึกไม่เลวเหมือนกันแฮะ แต่มันราคาเท่าไหร่กันนะ?

“ถ้วยใบนี้ราคาเท่าไหร่เหรอคะ? สักหนึ่งร้อยเหรียญได้ไหม?” สวี่หลิงอวิ๋นคว้าเงินร้อยเหรียญออกมาจากกระเป๋าของเธอและวางเงินลงบนโต๊ะ

“ถ้าท่านดื่มเสร็จแล้ว ช่วยบอกฝ่ายการเงินทีนะคะว่าฉันซื้อถ้วยใบนี้แล้ว”

ดวงตาของรูดอล์ฟกระตุก

ถ้วยใบนี้ถูกออกแบบขึ้นมาเมื่อสามร้อยปีที่แล้วโดยศิลปินงานฝีมือชื่อดัง ซึ่งมีราคาถึงหนึ่งหมื่นเหรียญ และมีเพียงแปดใบทั่วทั้งทวีป!

แต่มาขอซื้อในราคาหนึ่งร้อยเหรียญอย่างนั้นหรือ?!

“เอามันให้กับเธอ” รูดอล์ฟกำลังทนทุกข์กับความเจ็บปวดและเสแสร้งทำเป็นไม่แยแส หวาดกลัวว่าถ้าเขามองดูถ้วยใบนั้นอีกครั้ง หัวใจของตัวเองก็คงจะแตกสลาย

สวี่หลิงอวิ๋นหัวเราะเยาะ นายก็เป็นแค่ตาแก่ ในเมื่อกล้าแตะต้องคนของฉัน ฉันก็จะแตะต้องของรักของหวงของนาย!

มีใครไม่รู้บ้างว่าคณบดีแห่งสถาบันฮั่วเลี่ยชอบสะสมของเก่า และชอบโอ้อวดไปทั่วทุกหนทุกแห่ง งานอดิเรกเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดอ่อนเพียงจุดเดียวของท่านผู้ปกครอง

“อย่าพูดว่าให้ฉันเลยค่ะ เพราะฉันเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มีจริยธรรมและแฟร์พอ ราคาเท่าไหร่ก็ควรจ่ายไปเท่านั้น” สวี่หลิงอวิ๋นหยิบถ้วยชาใส่เข้าไปในปุ่มมิติกักเก็บ

ดวงตาของรูดอล์ฟแข็งทื่อ เทคโนโลยีขั้นเทพชนิดนั้นคืออะไร? ช่างเหมือนกับเวทมนตร์

“แน่นอนว่ามันไม่ใช่การแบ่งปันฝ่ายเดียว ฉันก็จะให้ของขวัญกับท่านเหมือนกัน!” สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน ก่อนจะหยิบหนังของอสูรกายหุ้มเกราะขึ้นมาจากปุ่มมิติกักเก็บ และโยนมันลงไปกองกับพื้นจนเกิดเสียงดัง ‘ตึ้ง’

เสียงดังสั่นสะท้านไปทั่วทั้งพื้น

“นี่คือสิ่งมีชีวิตที่มีความเป็นเอกลักษณ์บนห้วงดวงดาวของเรา มันอาศัยอยู่ใต้ชั้นลาวา และถึงมันจะตายไปแล้ว แต่ว่าหนังของมันจะยังปล่อยความร้อนออกมา เอามันใส่ไว้ในห้องนอนของท่านสิคะ ฉันรับรองได้ว่าท่านจะไม่ต้องการเครื่องทำความร้อนอีกเป็นเวลาหลายร้อยปีเลยล่ะค่ะ”

เป็นเช่นนี้นี่เอง หนังชนิดนี้จะให้ความร้อนทันทีที่เข้าไปใกล้ หลังจากนั้นไม่นาน รูดอล์ฟก็รู้สึกร้อนจนแทบจะทนไม่ไหว ขณะที่เหงื่อเริ่มไหลลงมาจากหน้าผากของเขา

ของสิ่งนี้ช่างยอดเยี่ยมนัก!

เพียงพอสำหรับการวิจัยแล้ว

“ของขวัญชิ้นนี้วิเศษมากเลยครับ” รูดอล์ฟสามารถกล่าวได้ว่าอะไรสำคัญกว่ากัน หากถ้วยชาขนาดเล็กสามารถแลกเปลี่ยนเป็นหนังสัตว์อันแสนล้ำค่าได้ เขาก็เต็มใจที่จะแลกเปลี่ยนของสะสมส่วนตัวทั้งหมดกับมัน

คงจะดีกว่านี้หากถูกเปลี่ยนเป็นเทคโนโลยี

“ไม่หรอก จักรวรรดิของเรามีความเจริญอยู่มาก ไม่ปล้นสดมทำตัวเป็นเผด็จการแบบนั้นหรอกค่ะ” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม “และที่ฉันมาที่นี่ เพราะฉันมีอะไรบางอย่างอยากจะบอกท่านค่ะ”

หัวใจของรูดอล์ฟแทบจะหยุดเต้น หญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าเขากำลังพูดถึงจักรวรรดิของพวกเธออย่างนั้นหรือ?

จักรวรรดิหมายความว่าอย่างไร? หมายถึงสถาบันหรือเปล่า?

“ท่านพูดถึงจักรวรรดิเหรอครับ?” รูดอล์ฟยังคงคาดเดาอยู่ในใจ ทว่าเขากลับยังไม่มั่นใจมากนัก

“ก็คงเหมือนกับสถาบันมั้งคะ? แต่ว่าในจักรวรรดิของเรา สถาบันทางการศึกษาก็เป็นแค่สถาบันทางการศึกษา จักรวรรดิของเราปกครองดาวเคราะห์จำนวนมากมาย ดาวเคราะห์แต่ละดวงจะมีขนาดเท่ากับดาวเคราะห์กาตาร์ แต่ว่าดาวเคราะห์พวกนั้นจะถือว่าเป็นแค่เมืองเมืองหนึ่งหรือเป็นแค่จังหวัดของพวกเราเท่านั้น”

มือของรูดอล์ฟกระชับแน่นขึ้น

อารยธรรมของมนุษย์ต่างดาวกว้างใหญ่และมีอิทธิพลขนาดนั้นเชียวหรือ?!

“ไม่ต้องกังวลไปค่ะ จักรวรรดิของพวกเรายิ่งใหญ่แข็งแกร่ง แต่ก็รักสงบ เดิมทีพวกเรามาที่นี่เพื่อต้องการขยายธุรกิจการท่องเที่ยวร่วมกันกับพวกท่าน”

“ธุรกิจท่องเที่ยว” รูดอล์ฟตกตะลึง “ผู้คนจากดาวเคราะห์ของท่านจะมาเยี่ยมชมพวกเราเหรอครับ?”

“ใช่แล้ว! สมกับที่ท่านเป็นคณบดีจังนะคะ เข้าใจอะไรได้รวดเร็วขนาดนี้” สวี่หลิงอวิ๋นยกนิ้วโป้ง “อีกหนึ่งเดือน ยานอวกาศจากจักรวรรดิของพวกเราจะเดินทางมาถึงแผ่นดินของท่าน หวังว่าท่านจะตัดสินใจได้ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึงนะคะ”

“ถ้าท่านยินดีจะทำธุรกิจท่องเที่ยวร่วมกับพวกเรา ได้โปรดแจ้งข่าวนี้กับผู้นำท่านอื่นด้วยนะคะ แล้วหลังจากนั้น ฉันจะได้ส่งคนจากแผนกการเงินมาติดต่อกับพวกท่าน”

“แต่ถ้าท่านไม่ต้องการ พวกเราทั้งหมดก็จะกลับออกไป และสัญญาว่าจะไม่รบกวนความสงบสุขในชีวิตของพวกท่านอีก ท่านคิดว่ายังไงคะ?!”

รูดอล์ฟรู้ว่านี่คือโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิต ทว่าวิกฤตก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม

อารยธรรมของมนุษย์ต่างดาวแข็งแกร่งมากเกินไป ในขณะที่พวกเราเป็นเพียงอารยธรรมอุตสาหกรรมที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ทุกอย่างล้วนแต่เป็นอะไรที่พื้นเมืองและล้าหลังในสายตาของอีกฝ่าย และอาจกล่าวได้ว่าเป็นอารยธรรมดึกดำบรรพ์

หากอีกฝ่ายแข็งแกร่ง พวกเขาคงจะมีสถานะเป็นบริวารหากพวกเขาทำได้ดี และถ้าหากทำไม่ดี พวกเขาคงจะกลายเป็นเพียงทาส

แต่ถ้าพวกเขาสามารถคว้าโอกาสนี้เอาไว้ได้ บางทีความเจริญทางเทคโนโลยีของพวกเขาอาจจะก้าวกระโดดไปหลายหมื่นไมล์ และก้าวเข้าสู่โลกเทคโนโลยีชั้นสูงในช่วงสหัสวรรษ

“ตอนนี้ผมยังตัดสินใจไม่ได้ คงต้องไปปรึกษากับคณบดีคนอื่น ๆ ก่อนครับ” รูดอล์ฟกล่าวออกมาด้วยความยากลำบาก

สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้าเพื่อแสดงความเข้าใจ

“ในเมื่อพวกเราได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันแล้ว ฉันคิดว่าพวกเราควรจะทบทวนความคิดกันอีกครั้งหรือเปล่าคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าว

“ทบทวนอะไรหรือครับ?” รูดอล์ฟตกตะลึง

“ท่านลืมไปแล้วเหรอคะ ตอนนี้พวกเรายังอยู่ในใบออกหมายจับของท่าน!” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าว “ควรจะลบมันออกไม่ใช่เหรอคะ?”

รูดอล์ฟหัวเราะ “ใบออกหมายจับนั้นน่ะเหรอครับ?! เจ้าลูกน้องบ้าของผมคงเข้าไปแทรกแซงทำเรื่องนี้ ท่านไม่ต้องกังวลไปครับ! รับประกันได้ว่าพวกท่านจะไม่ไปอยู่ในใบออกหมายจับแน่นอน”

“งั้นก็เยี่ยมไปเลยค่ะ” สวี่หลิงอวิ๋นปรบมือ และเสแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินการบ่ายเบี่ยงของอีกฝ่าย “บอกตามตรง ฉันไม่อยากจะบุกมาหาท่านดึกดื่นตลอดนักหรอกค่ะ แต่ถ้ายังต้องทำแบบนี้ต่อไป ฉันคิดว่าพวกเราควรจะวางระเบิดครั้งใหญ่เพื่อระเบิดดาวเคราะห์ของท่านให้เหลือแต่ทะเลอย่างเดียวดีไหมคะ?”

รูดอล์ฟจ้องมองสวี่หลิงอวิ๋นด้วยสายตาอาฆาต ผู้หญิงคนนี้กำลังข่มขู่เขาอยู่ใช่ไหม!?

สวี่หลิงอวิ๋นเพิกเฉยต่อสายตาของเขาราวกับอากาศธาตุ กล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม “โอ้ ลืมไปเลยค่ะ พวกเราชอบวิกเตอร์ ลูกชายของท่านมากเลยนะคะ ในอนาคตเราอยากจะติดต่อกับเขาแค่คนเดียว ท่านคิดยังไงคะ?”

“วิกเตอร์เป็นเด็กที่เก่งมาก เป็นเกียรติเหลือเกินที่พวกท่านเอ็นดูเขา” รูดอล์ฟต้องระงับความขุ่นเคืองเพื่อร่วมมือกับเธอ อีกทั้งเขายังต้องคอยยกย่องวิกเตอร์

วิกเตอร์จะต้องเป็นคนทรยศอย่างแน่นอน!

เหมือนที่บ๊อบพูดไว้ไม่ผิด!

สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้สนใจว่าพ่อผู้แก่ชราคนนี้จะเคียดแค้นขนาดไหน เพียงแค่งานของเธอเสร็จสมบูรณ์

“เอาล่ะ ท่านอย่าได้คิดออกกลอุบายอะไรลับหลัง เพราะพวกเราจะจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของท่าน!”

เพียงแค่เธอเหล่ตาลงเล็กน้อย รูดอล์ฟก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดเล็กน้อยบนคอของเขา เมื่อสัมผัสจึงพบเข้ากับรอยเลือดที่ติดอยู่