ตอนที่ 202 ราชาม้าป่าดุมาก

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 202 ราชาม้าป่าดุมาก

วันต่อมา มู่เถาเยา พ่อบ้านจง ไป๋เฮ่าอวี๋ เหลียงจี และคนอื่นๆ ต่างตื่นตีห้ามารวมตัวกันที่ห้องปรุงยาที่อยู่ข้างๆ

สองเรือนที่ติดกันนี้แม้จะใหญ่กว่าห้องปกติทั่วไป แต่ถ้าเทียบกับเซิ่งซื่อฉางอันที่กว้างขวางมาก ขนาดของมันก็เปรียบได้กับถั่วเขียวกับงาดำ

เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการพักผ่อนของคนอื่น มู่เถาเยาพาคนกลุ่มนี้ไปฝึกที่สนามโรงเรียนประถมในหมู่บ้านเถาหยวน

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป พักยี่สิบนาที จากวิชาพลังฝ่ามือ ‘ลักฟ้าสับเปลี่ยนสุริยัน’ ก็เปลี่ยนมาฝึกกำลังภายใน

แปดโมงตรงเลิกฝึกแยกย้าย

มู่เถาเยาเดินกลับอย่างไม่รีบร้อน ชาวบ้านที่พบเจอระหว่างทางต่างยิ้มแย้มสดใสให้เธอยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้า

“เสี่ยวเยาเยา เดี๋ยวจะไปทำอะไรเหรอ อารองไปด้วย”

เขารู้ว่าทางนั้นมีแขก จึงไม่ชวนเสี่ยวเยาเยาไปกินข้าวที่บ้าน

“เดี๋ยวหนูจะไปเขตป่าชั้นในค่ะอารอง”

“ไปเก็บสมุนไพรอีกแล้วเหรอ”

ถ้าเข้าเขตป่าชั้นใน งั้นเขาไม่ตามไปเป็นตัวถ่วงเสี่ยวเยาเยาดีกว่า

“เก็บสมุนไพรแค่ผลพลอยได้ค่ะ หลักๆ คือจะไปพาราชาม้าป่าออกมาจากเขตป่าชั้นใน”

“อ๋อ ลูกเมียของมันมาแล้วก็ควรพาออกมาอยู่ด้วยกัน”

“ค่ะ ระยะนี้พวกมันสามตัวพ่อแม่ลูกจะอยู่ด้วยกันที่เขตป่าชั้นนอก อารองเห็นก็อย่าเข้าไปแหย่พวกมันเล่นนะคะ ไม่อย่างนั้นจะโดนถีบได้”

เสี่ยวเหยี่ยเกเรมาก ราชาม้าป่าก็ดุมาก แม้ม้าอัคคัลทีคจะนิสัยดีกว่าสองพ่อลูก แต่กลับไม่ชอบคนแปลกหน้า

“ได้ เข้าใจแล้ว จะเตือนคนอื่นๆ ด้วย”

“ขอบคุณค่ะอารอง”

“อืม ! รีบกลับบ้านเถอะ แขกที่บ้านน่าจะตื่นกันแล้ว”

“อารองคะ ปู่ตี้ย่าตี้เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของอาจารย์ใหญ่หนู ไม่ถือเป็นแขก ทั้งสองคนกับเหลนชื่อตี้อันเหยี่ยจะพักอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนระยะหนึ่ง ถ้าเจอพวกเขาก็ทำตัวตามสบายนะคะ”

“ได้ อารองรู้แล้วว่าต้องทำตัวยังไง เสี่ยวเยาเยารีบกลับบ้านเถอะ”

“ค่ะ ไว้เจอกันนะคะอารอง”

“ไว้เจอกัน”

ทั้งสองคนแยกกัน เดินไปตามทางกลับบ้านของตัวเอง

มู่เถาเยาไปดูเสี่ยวเหยี่ยกับเสี่ยวเซวี่ยที่ด้านข้างก่อนค่อยกลับบ้านพัก

คนที่มาฝึกกับอาจารย์ใหญ่แยกย้ายกันไปแล้ว

เป่ยซีถือกระดาษทิชชู่ช่วยซับเหงื่อบนใบหน้าลูกสาว “เสี่ยวเยาเยา รีบขึ้นไปอาบน้ำนะ ลงมาจะได้กินข้าวเช้าพอดี”

“ค่ะ”

มู่เถาเยาขึ้นไปชั้นบนแล้วลงมาพร้อมกล่องของขวัญหลายใบ

อาจารย์แม่เล็กถาม “เสี่ยวเยาเยา หอบของลงมาเยอะแยะทำไมเหรอ”

“อาจารย์แม่เล็กคะ นี่เป็นของฝากที่หนูซื้อให้อาจารย์ใหญ่ อาจารย์แม่เล็ก คุณแม่ ตอนไปเที่ยวเมืองโบราณที่เมืองหลวงกับอาจารย์อาเล็กค่ะ แต่ยังไม่เจอของที่เหมาะกับอาจารย์เล็ก”

ย่าตี้ยิ้มพูด “ไม่เจอที่ไหนกัน! หนูซื้อดาบโบราณมาเล่มหนึ่ง แต่กลับเป็นสมบัติตกทอดของตระกูลตี้พอดี…ก็เลยขาดของฝากอาจารย์เล็ก”

ซย่าโหวโซ่ว “ดาบโบราณเหรอ”

“เป็นดาบโบราณ นายหญิงคนหนึ่งของบรรพบุรุษตระกูลตี้พกมาด้วยตอนแต่งเข้าตระกูลตี้ แต่เพราะไม่มีลูกสาวต่อเนื่องกันหลายรุ่น ก็เลยตกทอดกันในตระกูลตี้ แต่ดาบนี้ก็หายไปตอนที่ตระกูลตี้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่”

อาจารย์ใหญ่เลิกคิ้ว “จากนั้นก็บังเอิญมากที่เสี่ยวเยาเยาของเราไปเจอมาเหรอ”

“ใช่แล้ว! ลูกหลานของตระกูลตี้ตามหามาพันห้าร้อยกว่าปีแต่ก็ไม่เจอ ตอนนี้กลับถูกเสี่ยวเยาเยาซื้อมาจากเมืองโบราณในราคาห้าพันหยวน…พวกเราก็หน้าหนาขอดาบชิงจู๋กลับคืนมา”

ปู่ตี้อธิบายสาเหตุที่ไม่มีของให้อาจารย์เล็ก

มู่เถาเยาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ขนาดนั้นค่ะ ลุงตี้เอาหนังสือหายากมาแลกตั้งเยอะ ไม่ได้ขอคืนเฉยๆ หนูยังเหมือนเอาเปรียบด้วยซ้ำค่ะ”

อันที่จริงดาบโบราณสำคัญกว่าหนังสือหายากมากสำหรับตระกูลตี้ แต่สำหรับมู่เถาเยาหนังสือหายากสำคัญกว่าดาบโบราณ ทั้งสองฝ่ายเลยรู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบ

อาจารย์เล็กถามด้วยความตกใจ “ชิงจู๋เหรอ ใช่ภรรยาของชื่อสวินหรือเปล่า”

ในฐานะที่เป็นตระกูลจอมยุทธ์ ซย่าโหวโซ่วย่อมรู้จักนักตีดาบมือหนึ่งที่ชื่อเสียงโด่งดังเมื่อหลายพันปีก่อน

ในยุคสมัยที่มีเพียงอาวุธแบบประชิดตัว ย่อมไม่ต้องพูดถึงความสำคัญของนักตีดาบ

ปู่ตี้ยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง ชื่อเลี่ยนลูกสาวของปรมาจารย์ชื่อสวินกับชิงจู๋ฮูหยินแต่งเข้าตระกูลตี้”

“ที่แท้ก็แบบนี้ ของสะสมบ้านผมมีหนังสือภาพดาบโบราณ มีดาบโบราณหลายเล่ม แต่ไม่รู้ว่าหน้าตาของดาบชิงจู๋เป็นยังไง”

อาจารย์เล็กสนใจมาก

ปู่ตี้บรรยายลักษณะของดาบโบราณให้ทุกคนฟัง รวมถึงความหมายของมัน

“มิน่าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องดาบชิงจู๋ ที่แท้ก็ไม่เปิดเผยภายนอก”

มู่เถาเยาเอาโถสัมฤทธิ์ที่ได้จากเมืองโบราณเย่ว์ตูให้อาจารย์ใหญ่ เอาหยกรูปพัดที่ได้จากเมืองโบราณที่เมืองหลวงให้อาจารย์แม่เล็ก เอาหยกมรกตที่แฝงความหมายสมความปรารถนาให้เป่ยซี

สตรีทั้งสองแทบอยากเอามาแขวนที่คอในทันที

ของที่เสี่ยวเยาเยาให้สวยมาก!

“อาจารย์เล็กคะ ไว้คราวหน้าหนูจะหาดาบมาให้ค่ะ”

อาจารย์เล็กส่ายหน้า “เสี่ยวเยาเยา ของล้ำค่าต้องอาศัยโชคชะตาด้วย อาจารย์เล็กไม่ได้ขาดแคลนดาบ ไม่ต้องตั้งใจตามหาขนาดนั้น เวลาเป็นสิ่งมีค่า หนูไม่ควรเอามาใช้กับเรื่องแบบนี้”

“ค่ะ”

มู่เถาเยาเอาของฝากชิ้นสุดท้ายให้ปู่ทวดถัง

“ของปู่ทวดก็มีเหรอ” ปู่ทวดถังประหลาดใจ

“หนังสือเล่มนี้ได้มาพร้อมโถสัมฤทธิ์ ปู่ทวดลองดูนะคะว่ามีประโยชน์ไหม”

“พิษกับยาเหรอ ดูท่าหนังสือเล่มนี้จะอธิบายเรื่องยาถอนพิษกับวิธีถอนพิษ เสี่ยวเยาเยาหนูอ่านหรือยัง”

พรสวรรค์ด้านพิษของเสี่ยวเยาเยาสูงมาก อ่านเข้าใจแน่นอน

“อ่านแล้วค่ะ ถ้าปู่ทวดว่างก็ลองอ่านดูนะคะ”

หนังสือโบราณก็โบราณจริงๆ เนื้อหาออกจะเกินธรรมดาไปหน่อย แต่เธออ่านครั้งเดียวเข้าใจ

คิดว่าคงเป็นหนังสือที่อาจารย์คนไหนเขียนไว้ให้ลูกศิษย์ที่เพิ่งเข้าสำนักใช้อ่านทบทวน

“ได้ กินข้าวเช้าเสร็จปู่ทวดจะอ่านดู”

อาจารย์ใหญ่ยิ้มพูด “งั้นก็กินอาหารเช้าก่อนเถอะ กินเสร็จเสี่ยวเยาเยายังต้องเข้าเขตป่าชั้นในตามหาราชาม้าป่าอีก”

บรรดาผู้อาวุโสเดินนำไปที่ห้องอาหาร

อาหารการกินในหมู่บ้านเถาหยวนเรียบง่ายมาก ทุกอย่างเป็นของที่ในหมู่บ้านผลิตเอง

แม้แต่ข้าวสารก็ยังหอมกว่าที่อื่นเพราะสาเหตุจากสภาพอากาศ

แค่โจ๊กร้อนๆ ที่ทำจากข้าวขาวก็อร่อยจนกินได้สองชามโดยที่ไม่ต้องมีกับข้าว

ปู่ตี้ย่าตี้กับเจ้าถุงลมน้อยกินด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พอใจเป็นอย่างมาก

“พี่สาว อร่อย เอาอีก”

เด็กน้อยวัยสามขวบกินโจ๊กข้นชามใหญ่ จากนั้นก็ยื่นชามให้มู่เถาเยาอยากเติมอีก

“อันเหยี่ย ท้องหนูใส่ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ไว้ตอนเที่ยงค่อยกินอีกนะ” มู่เถาเยาคีบไข่ในมะเขือเทศผัดไข่ให้เขา

เจ้าถุงลมน้อยลูบท้องตัวเอง นูนออกมาหน่อยๆ แล้ว

“งั้นอันเหยี่ยค่อยกินตอนเที่ยง”

“อันเหยี่ยเด็กดี”

เด็กน้อยยิ้มอย่างมีความสุข

มู่เถาเยาลูบศีรษะของเขา ช่วยเช็ดปากให้สะอาด จากนั้นก็อุ้มไปล้างมือในห้องครัว ปล่อยไปเล่นกับเสี่ยวเฮยเฮยก่อน

อันที่จริงพวกผู้ใหญ่ก็กินกันพอประมาณแล้ว แค่ไม่ได้ลุกออกจากโต๊ะเพราะมารยาทบนโต๊ะอาหาร

อาจารย์แม่เล็ก “เสี่ยวเยาเยา หนูไปเตรียมตัวเถอะ เดี๋ยวอาจารย์แม่เล็กจะเตรียมของให้หนูไว้กินในนั้นตอนเที่ยงนะ”

“ข้าวโพดหนึ่งฝักกับมันเทศสักอันก็พอแล้วค่ะอาจารย์แม่เล็ก ในนั้นมีผลไม้ป่าเยอะ น้ำก็ไม่ต้องเอาไป ผลไม้ป่าให้น้ำมากพอ”

ตามหาราชาม้าป่ากับเก็บสมุนไพรไปด้วย ตอนเที่ยงเธอจะไม่ออกมา

เดิมทีไม่ต้องพกอาหารเที่ยงไปก็ได้ แต่เธอไม่อยากขัดน้ำใจของอาจารย์แม่เล็ก

อาจารย์เล็กวางตะเกียบลง พูดกับลูกศิษย์คนเล็ก “เสี่ยวเยาเยา เดี๋ยวอาจารย์เล็กไปด้วย”

“ไม่ต้องเป็นห่วงหนูค่ะอาจารย์เล็ก”

“งั้นเดี๋ยวให้ศิษย์หลานรองของหนูไปด้วย วิชาตัวเบาของเขาด้อยกว่าหนูไม่เท่าไร”

“อาจารย์เล็กคะ รบกวนช่วยหาศิษย์พี่สักคนสอนอันเหยี่ยโดยเฉพาะหน่อยค่ะ พออันเหยี่ยกลับไปก็ตามไปด้วย ลองดูว่าศิษย์พี่หรือศิษย์หลานคนไหนเหมาะสม”

“งั้นเดี๋ยวไปถามพวกศิษย์พี่ศิษย์หลานของหนูดู”

“ค่ะ หนูไปเตรียมตัวก่อนนะคะ”

“อืม”

เปลี่ยนเรื่องคุยสำเร็จ มู่เถาเยาเดินออกจากห้องอาหารไปหยิบกล่องยาใบน้อยที่ห้องหนังสือพร้อมรอยยิ้ม