ตอนที่ 201 มันหยิ่งมาก
พอดูม้าเสร็จทุกคนก็กลับไปที่เรือนด้านข้าง
มู่เถาเยาให้ทวดกับเหลนตระกูลตี้อยู่ที่บ้านตัวเอง ส่วนพวกไป๋เฮ่าอวี๋ เหลียงจี พ่อบ้าน อาคุน ก็แยกย้ายไปอยู่ตามบ้านคนละแวกนั้น
หลังจากจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อย มู่เถาเยากับเป่ยซีก็ไปบ้านผู้ใหญ่บ้านมู่เพื่อดูอาหยวนกับอาฉี
แม่ตามติดมู่เถาเยาไม่ต่างจากเจ้าถุงลมน้อย
ตี้อู๋เปียนไปดูดอกฉยงฮวาที่สวนด้านหลัง
เจ้าถุงลมน้อยเล่นกับเสี่ยวเฮยเฮยและมู่ซือจิ่น
พอรู้ว่ามู่เถาเยาจะกลับมา มู่ซือจิ่นก็เป็นเด็กคนแรกที่มาถึง
ปู่ตี้ย่าตี้ อาจารย์เล็กกับภรรยา นั่งฟังอาจารย์ใหญ่หยวนเหยี่ยพูดอยู่ในห้องรับแขก
ประมาณสองทุ่มครึ่งมู่เถาเยากับเป่ยซีก็กลับเข้าบ้าน
“อาจารย์ใหญ่คะ พวกผู้อาวุโสถังยังไม่กลับมากันเหรอคะ”
คนตระกูลถังรวมตัวกันไปส่งถังถังลงจากเขา
ละครของถังถังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้ต้องเปลี่ยนสถานที่ถ่ายทำ จึงไม่ทันรอมู่เถาเยากลับมาก่อน
ผู้อาวุโสถังไม่ยอม อยากจะลงเขาไปส่งเธอให้ได้ ถังหงกับถังเซิ่งเลยต้องไปด้วย
“พวกเขาจะกินข้าวเย็นข้างนอกแล้วค่อยกลับมา นี่ก็คงใกล้ถึงแล้ว”
“ค่ะ”
มู่เถาเยาเพิ่งขานตอบเสร็จก็ได้ยินเสียงรถยนต์ที่ด้านนอก
คนในบ้านพากันออกไป รวมถึงปู่ตี้ย่าตี้ที่สถานะสูงที่สุด เพราะผู้อาวุโสถังลำดับรุ่นสูงที่สุดในหมู่บ้านเถาหยวน
เดิมทีปู่ตี้ย่าตี้ก็เป็นคนกันเอง ยินดีที่จะทำตามธรรมเนียมท้องถิ่น ย่อมตามออกไปต้อนรับผู้อาวุโสด้วย
มาหมู่บ้านเถาหยวนแล้วก็คือคนในหมู่บ้าน เป็นผู้อาวุโสของทุกคน
“ปู่ทวดถัง” มู่เถาเยาเข้าไปประคองชายชราลงจากรถ
“เสี่ยวเยาเยากลับมาแล้ว!”
“ค่ะ น่าเสียดายไม่ได้เจอพี่ถัง”
“ไม่เป็นไร ครั้งหน้าเวลาเหมาะๆ ค่อยเจอกัน รายนั้นก็เอาแต่บ่นคิดถึงหนูเหมือนกัน”
“ค่ะ หนูก็คิดถึงพี่ถัง ปู่ทวดคะ นี่ปู่ตี้กับย่าตี้ค่ะ”
“อดีตราชาตี้!” คนตระกูลถังทั้งสามต่างตะลึง
ปู่ตี้ย่าตี้พูดเป็นเสียงเดียวกัน “ลุงใหญ่ถัง”
“มิกล้า มิกล้า” ปู่ทวดถังส่ายมือต่อเนื่อง
ปู่ตี้ยิ้มพูด “ลุงใหญ่ถังเป็นผู้อาวุโส เหมาะสมแล้วครับ”
มู่เถาเยาก็แนะนำคนอื่นให้รู้จักกันตามลำดับอาวุโส
“ปู่ทวดคะ ปู่ตี้กับย่าตี้จะมาพักที่หมู่บ้านเถาหยวนในฐานะเพื่อนเก่าของอาจารย์ใหญ่ของหนูค่ะ ปู่ทวดทำตัวเป็นกันเองได้เลยค่ะ”
“ได้เลย งั้นปู่ทวดจะไม่พิธีรีตองกับอดีตราชาตี้กับคุณนายผู้เฒ่าแล้ว” ปู่ทวดถังยิ้มกว้างเหมือนดอกเบญจมาศที่บานเต็มที่
เขาเป็นคนตรงไปตรงมา เดิมทีก็ไม่ใช่คนที่ชอบพิธีรีตองอยู่แล้ว
พอรู้จักกันแล้วทุกคนก็เข้าบ้าน
ดื่มน้ำชาในห้องรับแขก ประมาณสามทุ่มครึ่งมู่เถาเยาก็บอกให้คนแก่กลับห้องพักผ่อน
ถึงแม้พรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่ต้องสอนกลุ่มคนที่มาฝึกพิเศษ แต่เวลาตื่นนอนยังคงเดิม แล้วนับประสาอะไรกับที่คนแก่มีนิสัยนอนเร็วตื่นไว
บรรดาคนสูงวัยต่างเชื่อฟังมู่เถาเยา ขึ้นชั้นบนกลับห้อง
“ตี้อู๋เปียน คุณก็ไปพักผ่อนด้วย”
“งั้นเธอล่ะ เสี่ยวอันเหยี่ยนอนกับเธอ”
มู่เถาเยาลูบศีรษะเด็กน้อยที่อยู่ข้างๆ ยิ้มพลางพูด “ฉันจับชีพจรให้แม่เสร็จก็จะกลับห้อง”
“งั้นเดี๋ยวฉันรอขึ้นห้องพร้อมกัน”
“ก็ได้” แม้จะไม่รู้ว่ามีอะไรน่ารอก็ตาม
มู่เถาเยาหยิบกล่องยาใบน้อยของตัวเอง เปิดเอาหมอนรองออกมาแล้วตรวจชีพจรเป่ยซี
“คุณแม่ฟื้นฟูได้ดีเลยทีเดียว” พูดอย่างอารมณ์ดี
“เสี่ยวเยาเยา งั้นแม่ยังต้องกินยาอยู่ไหม”
“ถ้ายังกินไม่หมดก็กินต่อได้ ถ้ากินหมดแล้วก็หยุดค่ะ เดี๋ยวถึงเวลาอาจารย์จะใช้วิธีทำอาหารบำรุงให้คุณแม่ พอถึงปิดเทอมหน้าหนาว หน้าตาผิวพรรณของคุณแม่ก็จะกลับไปสวยสะพรั่งเหมือนเดิมค่ะ”
“แม่ไม่ขอให้สวยอะไรมากหรอก ขอแค่ลูกอยู่อย่างเป็นสุข อย่างอื่นไม่สำคัญ”
“แต่หนูอยากให้คุณแม่อ่อนเยาว์สวยตลอดไปนี่คะ”
“…งั้นแม่จะพยายามจ้ะ”
สิ่งที่ลูกสาวคิดหรือต้องการก็คือทิศทางที่เธอต้องพยายาม
“ค่ะ พวกเราพักผ่อนกันเถอะค่ะ”
“จ้ะ”
มู่เถาเยาเก็บกล่องยาใบน้อย มือข้างหนึ่งคล้องแขนเป่ยซี มืออีกข้างจูงเจ้าถุงลมน้อยเดินขึ้นชั้นบน
ตี้อู๋เปียนอุ้มดอกฉยงฮวาเดินตามหลังทั้งสามคนเหมือนลูกน้องติดตาม
พอเขาไม่ส่งเสียง ซาลาเปาน้อยก็ชอบลืมเขา ราวกับเขาเป็นมนุษย์หุ่นยนต์
บอกราตรีสวัสดิ์กันหน้าบันไดแล้วแยกย้ายกลับห้องตัวเอง
ตี้อู๋เปียนอาบน้ำเสร็จก็ไปนั่งคุยกับดอกฉยงฮวาริมหน้าต่าง
“เสี่ยวฉยง เล่าเรื่องของหมู่บ้านเถาหยวนในช่วงหนึ่งสัปดาห์นี้ให้ฟังหน่อยสิ”
ตอนอยู่เมืองหลวงเขาสนใจแต่เรื่องหมอลู่
“เจ้านาย หมู่บ้านเถาหยวนไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไร”
“มีคนแปลกหน้าเข้ามาไหม”
“ไม่มี มีแค่คนที่ทำการค้าด้วยมาเอาของ”
“อ่อ ช่วงหลายวันนี้สืบเรื่องดอกเถียนซินว่าคืออะไรได้หรือยัง”
“…ไม่รู้เลย มันไม่สนใจผมเลย…ดอกเถียนซิน…หยิ่งมากเลย! เสียแรงที่ชื่อออกจะหวานแหวว แต่ไม่อ่อนหวานเลยสักนิด!”
ดอกฉยงฮวาน้อยอกน้อยใจ
ตี้อู๋เปียน “…นายรู้จักคำว่า ‘หยิ่ง’ ด้วยเหรอ เหนือความคาดหมายจริงๆ!”
ดอกฉยงฮวาส่ายกิ่งก้านด้วยความภูมิใจ “เจ้านาย ดูถูกกันเกินไปแล้ว! ผมฉลาดเรียนรู้นะจะบอกให้! ผม…” บลาๆ
สารพัดจะใช้คำเยินยอตัวเอง!
ตี้อู๋เปียนหมดคำจะพูด
ไม่รู้ว่าเจ้าดอกไม้บ้านี่เหมือนใคร เป็นโรคหลงตัวเองอาการหนักขนาดนี้!
“พอๆ! เลิกโม้ได้แล้ว!”
“โม้ที่ไหนกัน! มันเป็นความจริงต่างหาก!”
ตี้อู๋เปียนอดมองค้อนแบบเสียมารยาทใส่มันไม่ได้
“ในป่ามีสมุนไพรหายากอะไรไหม”
“มี! เยอะมากๆ! อย่างหญ้าร้อยรส ดอกพันวัน ผลหมื่นปี…มีเยอะแยะเลย”
“ใช้ได้ ก้าวหน้านี่!”
“แน่นอนอยู่แล้ว! ถึงแม้พวกมันจะไม่รู้จักผม แต่ผมเป็นพวกเสน่ห์แรงแต่กำเนิด…” บลาๆ
เอาอีกแล้ว!
ตี้อู๋เปียนดีดใบของมัน “พอแล้ว นายนิสัยแบบไหนฉันยังจะไม่รู้อีกเหรอ”
ดอกฉยงฮวา “…”
“หญ้าร้อยรสมีประโยชน์อะไรเหรอ”
“แก้พิษฮ่วนเซี่ยงได้”
“ดอกพันวันล่ะ พันวันถึงจะมีดอกเหรอ มันสวยไหม”
ถ้าสวย ไว้เขาหายดีจะไปเก็บมาให้ซาลาเปาน้อย
“เป็นดอกไม้ที่พันวันจะมีดอก ตอนบานสะพรั่งสวยมาก มีกลีบดอกเจ็ดชั้น ชั้นละสี จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าดอกเจ็ดสี”
“ท่าทางใช้ได้เลยนะ!”
“เจ้านาย ดอกพันวันไม่ใช่แค่สวยนะ มันเก่งด้วย!”
“เก่งยังไง แก้ได้สารพัดพิษเหรอ”
“ไม่ใช่ กินกลีบของมันจะช่วยให้ฉลาดได้ แต่ดูเหมือนจะไม่มีคนเคยเก็บ แต่ผมรู้ว่ามันอยู่ตรงไหน! ไว้เจ้านายเข้าเขตป่าชั้นในได้ผมค่อยบอก”
ตี้อู๋เปียน “…”
นี่เขาอาศัยอยู่ในโลกแฟนตาซีหรือเปล่า
ไม่กล้าถามถึงผลหมื่นปีแล้ว เกิดกินเข้าไปแล้วทะลุมิติได้ล่ะ!
“ช่างเถอะ ไว้ค่อยว่ากัน นายหุบปากเถอะ ฉันจะนอนแล้ว”
ดอกฉยงฮวาอึ้ง พูดเตือน “เจ้านาย ผมยังไม่ได้พูดถึงผลหมื่นปีเลยนะ!”
“ตอนนี้ไม่อยากรู้ ยังไงซะฉันก็ไปเก็บไม่ได้”
“…งั้น เจ้านายไปบอกพี่ซาลาเปาน้อยได้ เธอต้องดีใจมากแน่นอน!”
“ฉันจะไปบอกเธอได้ยังไง ให้บอกว่าฟังมาจากนายเหรอ พูดได้เหรอ ซาลาเปาน้อยได้สงสัยกันพอดีว่าฉันรู้จักผลหมื่นปีได้ยังไง!”
“แต่ว่า…แต่ว่า…ผลหมื่นปีมีประโยชน์มากเลยนะ! แถมอร่อยด้วย!”
“นายไม่เคยกิน รู้ได้ไง”
เสี่ยวฉยงฮวาชะงัก
เจ้านายพูดมีเหตุผลแฮะ!
พืชชนิดอื่นก็ไม่เคยกิน แล้วเจ้าเถาวัลย์นั่นทำไมถึงบอกมันว่าผลหมื่นปีอร่อย