ตอนที่ 200 เป็นเด็กดีให้ใครดู
ครั้งนี้เดินทางเร็วมาก กลับถึงหมู่บ้านเถาหยวนซานก่อนเวลาอาหารเย็น
อาจารย์ใหญ่หยวนเหยี่ยได้เจอเพื่อนเก่าก็ดีใจมาก เปิดโหมดพูดไม่หยุดทันที เล่นเอาย่าตี้หนวกหูจนปวดหัว
“อาหยวน ดื่มน้ำชาก่อน” พูดมากขนาดนั้นคอไม่แห้งบ้างเหรอ!
“ฉันคอไม่แห้ง อาหลาน อาอี ฉันจะบอกให้นะ หมู่บ้านเถาหยวนของพวกเราดีมาก…” บลาๆๆ
พวกมู่เถาเยารู้จักนิสัยของหยวนเหยี่ยดี ต่างก็ชินกันแล้ว แต่พวกไป๋เฮ่าอวี๋ที่ไม่เคยได้คลุกคลีกับหยวนเหยี่ยต่างตะลึงตาค้าง
ที่แท้หมอเทวดาที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็เป็นคนแบบนี้!
มีแค่คนที่ใกล้ชิดหยวนเหยี่ยเท่านั้นที่รู้ว่าเขาเป็นคนสุดจะพูดมาก คนไม่สนิทไม่เคยได้เห็นเขาในมุมนี้
“อาจารย์ใหญ่คะ พวกเราเตรียมกินข้าวกันแล้วค่ะ”
มู่เถาเยาถือโอกาสพูดแทรกจังหวะที่อาจารย์ใหญ่ของตัวเองกำลังจะเปลี่ยนเรื่องคุย
“ถึงเวลากินข้าวไวขนาดนี้เลยเหรอ งั้นพวกเรากินข้าวกันก่อน อาหลาน อาอี เสี่ยวอันเหยี่ย เสี่ยวเยาเยา คงหิวกันแล้วใช่ไหม”
ตี้อู๋เปียน “…”
ชื่อของเขาไม่คู่ควรให้พูดถึงเหรอ
“งั้นก็กินข้าวก่อนเถอะ”
ย่าตี้รีบลุกขึ้น กลัวว่าถ้าช้าสักวินาทีสหายเก่าของเธอคนนี้จะพูดไม่หยุดอีกรอบ
ใช่ว่าเธอจะทนไม่ไหว แต่หยวนเหยี่ยเสียงดัง พูดเร็ว เธอฟังแล้วเหนื่อย อย่างไรเสียก็ไม่เคยได้ยินคนพูดแบบนี้มานานมากแล้ว
อืม พอเขาหยุด หัวเธอก็ไม่ปวดจี๊ดแล้ว
บนโต๊ะอาหาร เป่ยซีมองลูกสาวพลางพูดอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวเยาเยา เสี่ยวเหยี่ยของลูกกับแม่ของมันมาถึงแล้ว อาหยวนกับอาฉีที่ดูแลพวกมันถูกจัดให้อยู่ที่บ้านผู้ใหญ่บ้านมู่”
“ค่ะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จหนูจะไปดูพวกมัน”
“เสี่ยวเยาเยา เสี่ยวเหยี่ยดุมาก…”
ถ้าไม่ติดว่าชาวบ้านที่อยากลูบมันมีวรยุทธ์ติดตัว คงถูกมันถีบไปแล้ว
“ใช่ค่ะ เสี่ยวเหยี่ยค่อนข้างดุ เหมือนพ่อของมัน”
“…เสี่ยวเยาเยา มันจะถีบลูกหรือเปล่า” แม่เป็นห่วงเหลือเกิน
“ไม่ค่ะ เสี่ยวเหยี่ยชอบหนู” พ่อแม่ของมันก็ชอบเธอ
ตี้อู๋เปียน “ซาลาเปาน้อย เดี๋ยวฉันขอไปดูม้าของเธอด้วยได้ไหม” ตอนอยู่เมืองหลวงไม่ได้ตามไปที่สนามฝึกม้าด้วย
“ได้สิ”
เจ้าถุงลมน้อย “อันเหยี่ยก็จะดูม้า ขี่ม้าม้าสวยๆ” เขายังจำตอนที่ขี่มันได้อยู่เลย
“จ้ะ”
คนอื่นๆ ก็ขอไปดูด้วย
มู่เถาเยาย่อมไม่มีทางปฏิเสธ
ขอแค่คนอื่นอย่าขี่มันลูบมัน เสี่ยวเหยี่ยก็ไม่มีทางอาละวาด
อาจารย์เล็กซย่าโหวโซ่วยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา เสี่ยวเหยี่ยโตสูงใหญ่จนใกล้เท่าพ่อของมันแล้วนะ”
“ใช่ค่ะ มันถูกเรียกว่าราชาหรืออันธพาลขาใหญ่ประจำ ‘เกาซานฟาร์ม’ มาสองปีแล้ว มันแกล้งสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในฟาร์มยกเว้นแม่ของมัน คนดูแลก็เอาไม่อยู่ เหมือนพ่อของมันมาก”
ราชาม้าป่ามีชีวิตอยู่ในเขตป่าชั้นในมายี่สิบปีได้ก็ถือว่ามีความสามารถเฉพาะตัวพอสมควร
ลำพังแค่เรื่องวิ่งก็ไม่มีสัตว์ชนิดไหนไวไปกว่ามัน
มู่เถาเยาเคยลองจับเวลาวิ่งหนีของมัน อย่างน้อยๆ ก็สองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง อีกทั้งมันสามารถรักษาความเร็วนี้ได้นานมาก ทนถึกจนน่าตกใจ
หยวนเหยี่ยถามลูกศิษย์คนเล็ก “เสี่ยวเยาเยา จะปล่อยพวกมันเข้าไปในเขตป่าชั้นในเหรอ”
“ให้พวกมันปรับตัวที่เขตป่าชั้นนอกระยะหนึ่งก่อนค่ะ พรุ่งนี้หนูจะไปพาราชาม้าป่าออกมาอยู่กับพวกมัน”
“ดี ยังไงซะเสี่ยวเหยี่ยก็เป็นลูกของราชาม้าป่า จะเอาแต่เลี้ยงไว้ในโรงม้าตลอดไม่ได้”
“ค่ะ รอแม่ของมันตั้งท้องหนูจะพาพวกมันสองแม่ลูกกลับเย่ว์ตูไปฝากเลี้ยงไว้ที่ฟาร์มของตี้อู๋เปียน พอหนูเรียนจบค่อยพาพวกมันกลับมาอยู่ยาวที่หมู่บ้านเถาหยวน”
อาจารย์แม่เล็กยิ้มถาม “เสี่ยวเยาเยาอยากได้ลูกม้าอีกสักตัวเหรอจ๊ะ”
ดวงตาของเจ้าถุงลมน้อยเปล่งประกายขึ้นมาทันที “อันเหยี่ยอยากได้ลูกม้า”
ตี้อู๋เปียนแกล้งตีมือหลานชายที่วางอยู่บนโต๊ะ “ตี้อันเหยี่ย ห้ามขอของของคนอื่นตามอำเภอใจ”
เจ้าถุงลมน้อยเบ้ปาก
เขาไม่ได้ขอของจากคนอื่นเสียหน่อย พี่สาวไม่ใช่คนอื่น
ถ้าเป็นคนอื่น ต่อให้เอาของมาให้เขาเอง เขาก็ไม่มีทางเอา!
มู่เถาเยา “อันเหยี่ยจ๊ะ ถ้าต่อไปยังมีลูกม้าอีก งั้นก็จะให้หนูหนึ่งตัว แต่พี่สาวต้องขอตกลงกับหนูก่อน หนูต้องดูแลลูกม้าเหมือนคนในครอบครัวตัวเอง ทำได้ไหมจ๊ะ”
เจ้าถุงลมน้อยตอบเสียงดัง “พี่สาว อันเหยี่ยจะดูแลลูกม้าให้ดีๆ เลยฮะ! เหมือนกับที่ดีต่ออาเล็ก!”
ตี้อู๋เปียน “…”
นี่เอาเขาไปเทียบกับสัตว์เหรอ
“จ้ะ พี่สาวเชื่ออันเหยี่ย”
ตี้อู๋เปียนคัดค้าน “ซาลาเปาน้อย อย่าตามใจเด็กแบบนี้สิ”
หลักๆ คือเขาหึง!
ซาลาเปาน้อยไม่เคยให้อะไรเขาเลยนะ!
มู่เถาเยายิ้ม “อันเหยี่ยเป็นเด็กดี อยากได้อะไรแล้วให้ไม่มีทางเคยตัวแน่นอน”
เพราะคนตระกูลตี้ไม่อนุญาตให้ว่าที่ราชามีนิสัยแย่
เธอเองก็เชื่อว่าเสี่ยวอันเหยี่ยไม่มีทางนิสัยเสีย
ปู่ตี้ลูบศีรษะเหลนชาย ยิ้มพลางพูด “อันเหยี่ย พี่สาวเอ็นดูเราขนาดนี้ ต่อไปเรามีอะไรก็ต้องให้พี่สาวด้วยนะ”
เจ้าถุงลมน้อยพยักหน้ารัวๆ จนหัวเกือบหลุด
เป่ยซีมองเด็กที่อยู่ตรงข้ามแล้วถามย่าตี้ “อันเหยี่ยชอบเสี่ยวเยาเยาขนาดนี้เลยเหรอคะ”
ย่าตี้ยิ้มดวงตาโค้งมน “ถูกต้อง อันเหยี่ยติดเสี่ยวเยาเยาแทบอยากอยู่ด้วยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
อาจารย์แม่เล็กยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยานิสัยดี มีความอดทน ใครจะชอบก็ไม่แปลก มีเด็กๆ ในหมู่บ้านเถาหยวนคนไหนบ้างไม่ชอบเสี่ยวเยาเยา”
ทุกคนในโต๊ะพากันพยักหน้า ยกเว้นตัวมู่เถาเยาเอง
มื้อเย็นที่แสนครึกครื้นใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงกว่า
หลังจากที่ทุกคนพร้อมใจช่วยกันเก็บโต๊ะอาหารและห้องครัวเสร็จ หยวนเหยี่ยก็พาทุกคนไปดูม้าในโรงเรือนที่อยู่ข้างห้องปรุงยา
เสี่ยวเหยี่ยแทะอาหารต่างๆ เช่น แครอท มะเขือเทศ หญ้าสด ข้าวโอ๊ต และอื่นๆ ด้วยความไม่พอใจสุดๆ
แต่ม้าอัคคัลทีคแม่ของมันกลับนิ่งมาก ไม่มีความหงุดหงิดที่ต้องมาอยู่ในที่ไม่คุ้นสักนิด
ห่างจากพวกมันไม่ไกลมีสุนัขมาสทิฟฟ์หัวสิงโตสีดำขลับตัวหนึ่งกำลังจ้องสองผู้ที่มาทีหลังด้วยความหวาดระแวง
“เสี่ยวเฮยเฮย”
เจ้าถุงลมน้อยปล่อยมือมู่เถาเยา วิ่งเข้าไปหาสุนัขตัวนั้นด้วยความดีใจ
“โฮ่ง…โฮ่ง…โฮ่ง…”
เจ้าสุนัขเห็นเพื่อนตัวเองมาหาก็ดีใจมาก
คนกับสุนัขกอดกันกลมส่งผ่านความรู้สึกต่อกัน
เป่ยซียิ้มถาม “เสี่ยวอันเหยี่ยสนิทกับเสี่ยวเฮยเฮยเหรอ”
นี่มันสุนัขของลูกสาวเธอไม่ใช่เหรอ
ถ้าเป็นของตระกูลตี้ ลูกสาวเธอคงไม่พากลับหมู่บ้านเถาหยวนด้วย
ย่าตี้อธิบายให้ฟัง “เสี่ยวเยาเยาพาเสี่ยวเฮยเฮยกลับมาจากภูเขาเซิ่งเย่ว์ก็เลี้ยงไว้ที่บ้านตระกูลตี้ เสี่ยวอันเหยี่ยเป็นคนตั้งชื่อว่าเสี่ยวเฮยเฮย”
เป่ยซีถึงกระจ่าง
เวลานี้เสี่ยวเหยี่ยร้องงี้ดๆ ด้วยความน้อยใจ
เจ้านายมาแล้ว ทำไมไม่เข้ามาลูบมันล่ะ
ไม่ชอบมันแล้วเหรอ
เดินย่ำอยู่กับที่ด้วยความหงุดหงิด
มู่เถาเยายิ้มบางเดินเข้าไปหาเสี่ยวเหยี่ย เอามือลูบศีรษะของมัน “เสี่ยวเหยี่ย ฉันกลับมาแล้ว เป็นเด็กดีหรือเปล่า”
“ฮี้…” เป็นเด็กดี!
ก็แปลกแล้ว!
เจ้านายไม่อยู่ มันจะเป็นเด็กดีให้ใครดูเล่า!
มู่เถาเยาคุยกับมันอยู่สักพักเสี่ยวเหยี่ยถึงสงบลง กินอาหารเย็นของตัวเองอย่างว่าง่าย
พอเห็นลูกชายยอมกินดีๆ แล้ว ม้าอัคคัลทีคก็เข้าหามู่เถาเยา
“เสี่ยวเซวี่ย” มู่เถาเยากอดหัวม้าอย่างสนิทสนม
เสี่ยวเหยี่ยเลิกกิน ยื่นหัวเข้ามาดันแม่ออกแล้วเบียดเข้าหามู่เถาเยาแทน
กับแม่ก็ไม่เว้น!
ม้าอัคคัลทีค “…”
ลูกคนนี้มันน่าทิ้งนัก!