เมื่อได้ยินแม่ของตัวเองพูดแบบนี้ ฉู่ฮวนเจา หันไปหา ซูอัน พร้อมกับยักไหล่ให้เขาอย่างช่วยไม่ได้
แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกอบอุ่นในหัวใจของเขา น้องภรรยาของเขาช่างปฏิบัติต่อเขาดีจริง ๆ แม้ว่าแม่ยายของเขาจะไม่ปิดบังเลยว่ารังเกียจเขาขนาดไหน มันเป็นโชคดีของเขาอยู่เหมือนกันที่ ลูกสาวทั้งสองคนของแม่ยายเขาไม่ได้ทำตัวเหมือนกับแม่ของพวกนางเอง
“ชูเหยียน เนื่องจาก มิติลับหยกจรัส กำลังจะเปิดก่อนกำหนด ดังนั้นงานประลองระหว่างตระกูลฉู่กับตระกูลหยวน จึงถูกเลื่อนให้เร็วขึ้นและจะจัดภายในอีก 2 วันนับจากนี้ การเตรียมตัว ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ฉินว่านหรู เอ่ยถามขึ้น
“งานประลอง?” หัวใจของ ซูอัน เริ่มสั่นไหว
เรื่องนี้เขาได้ยินมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งงานนี้มันเป็นการชี้ขาดว่าภายในปีหน้าส่วนแบ่งการตลาดค้าอาวุธใครจะเป็นคนได้สัมปทานส่วนใหญ่ไปโดยที่ไม่ต้องแก่งแย่งกันแบบรุนแรงของระหว่างทั้งสองตระกูล แถมมันยังเป็นการกระตุ้นให้คนรุ่นเยาว์ในตระกูลทั้งสองขยันบ่มเพาะมากขึ้นเพื่อทำผลงานให้ตระกูลของพวกเขาเอง
ซูอัน ไม่คิดว่า งานประลองระหว่างตระกูล จะเลื่อนมาเร็วถึงขนาดนี้
“ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” ฉู่ชูเหยียน ตอบกลับ “ท่านแม่ ข้าได้จับตาดูการฝึกของเหล่า คนรุ่นใหม่ของตระกูลเราทุกวัน ซึ่งพวกเขาต่างก็ฝึกกันอย่างขยันขันแข็ง และเมื่อพิจารณาจากผลงานที่ผ่านมาแล้ว พวกเราน่าจะเอาชนะพวกเขาได้ไม่ยาก”
ฉู่จงเทียน ขมวดคิ้ว “เราไม่สามารถใช้ผลงานจากปีก่อน ๆ มาเป็นตัววัดได้ เราต้องไม่ลืมว่าปีนี้ตระกูลหยวนได้รับการสนับสนุนจากตระกูลอู๋ ดังนั้นผู้บ่มเพาะที่พวกเขาจะส่งลงมาประลองใน ปีนี้มันจะต้องแข็งแกร่งมากกว่าปีที่แล้วมากอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉู่ฮวนเจา อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นแทรก “ในเมื่อตระกูลหยวนขอความช่วยเหลือจากภายนอก ทำไมเราไม่ทำแบบเดียวกันด้วยล่ะ? แบบนี้ไม่ใช่ว่าพวกเราเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวงั้นหรือท่านพ่อ?”
“เจ้านี่มันไม่รู้อะไรจริง ๆ” ฉู่จงเทียน ส่ายหัว “ถ้าพ่อขอความช่วยเหลือจากภายนอกเช่น พวกเขา ผู้คนภายนอกจะมองว่าพวกเราตระกูลฉู่ อ่อนแอและเกรงกลัวตระกูลอู๋ไปโดยปริยาย และอีกอย่างตระกูลฉู่ของเราเป็นตระกูลที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีมาโดยตลอด ดังนั้นพ่อจะไม่มีวัน ลดตัวลงไปใช้อุบายต่ำ ๆ แบบนั้นแน่นอน!”
ซูอัน สะอิดสะเอียนกับคำพูดแบบนี้จริง ๆ นี่เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของคนที่สุดท้ายจะต้องมีชะตากรรมที่ทุกข์ระทมจากการพยายามรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้แบบไม่ลืมหูลืมตา
ฉู่ชูเหยียน พูดขึ้นเสริมเช่นกัน “แม้ว่าพวกเขาจะขอความช่วยเหลือจากตระกูลอู๋ แต่มันก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะมีโอกาสชนะพี่สาวของเจ้าได้หรอก”
ซูอัน รู้สึกทึ่งเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดว่าภรรยาของเขาจะด้านที่น่าน่าเกรงขามเช่นนี้ และแน่นอนว่าเขาไม่สงสัยในความแข็งแกร่งของนางเลย
ไม่ว่ายังไงนางก็เป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองจันทร์กระจ่าง ซึ่งลือกันว่าตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของนางได้ก้าวมาอยู่ที่ระดับ 5 แล้ว
“เจ้าอาจจะสามารถชนะรอบการประลองของเจ้าได้ แต่การประลองมีทั้งหมดสิบรอบ และหนึ่งในนั้นคือพวกเรารู้อยู่แล้วว่าแพ้แน่นอน พูดตามตรง แม่ไม่ค่อยมั่นใจใน งานประลองระหว่างตระกูลครั้งนี้เลย” ฉินว่านหรู เหลือบมอง ซูอัน พร้อมส่ายหน้าอย่างหน่ายใจ
มันเป็นกฎเหล็กของการประลองระหว่างตระกูลที่ผู้นำของตระกูลทั้งสองฝ่ายจะต้องส่งลูกหลานที่ใกล้ชิดของตัวเองลงประลองให้ครบทุกคนและจากนั้นหากมีช่องว่างเหลือพวกเขาถึงจะสามารถให้คนจากตระกูลสาขารองหรือพวกบ่าวรับใช้ลงแทนได้และทุกคนจะประลองได้แค่ 1 รอบเท่านั้น
ข้อเสียเปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูลฉู่ ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ซูอัน ซึ่งกฎกำหนดไว้ว่าเขาต้องเข้าร่วมการประลองเพียงอย่างเดียว ซึ่งในสายตาของทุกคนรอบการประลองของ ซูอัน นั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผลลัพธ์ของมันคือการพ่ายแพ้แน่นอน
ชายหนุ่ม รู้สึกไม่พอใจสักเท่าไหร่กับสายตาของ ฉินว่านหรู แต่เขายังคงรักษาสีหน้าสงบและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ข้าจะชนะในรอบของข้าอย่างแน่นอน”
น่าเสียดายที่ไม่มีใครใส่ใจคำพูดของเขาเลย แม้แต่ ฉู่ฮวนเจา ซึ่งมักจะสนับสนุนเขา ก็ไม่คิดว่าเขาจะสามารถกุมชัยชนะได้
“หยุดคิดทำอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ซะ จงทำตามแผนก่อนหน้าที่เราตกลงกันเอาไว้ แค่เจ้าสามารถล่อให้ หยวนเหวินตง เลือกที่จะประลองกับเจ้าได้ ต่อให้เจ้าจะแพ้การประลอง แค่นั้นมัน ก็ถือว่าเจ้ามีส่วนช่วยสนับสนุนต่อตระกูลฉู่เป็นอย่างมากแล้ว อ้อ เพื่อให้แน่ใจว่า หยวนเหวินตง จะเลือกเจ้าเป็นคู่ประลอง พรุ่งนี้ข้าจะไปที่สถาบันกับเจ้าและจะช่วยเจ้าอีกแรงเพื่อให้เขาขุ่นเคืองเจ้ามากขึ้น” ฉู่ชูเหยียน เอ่ยขึ้น
“นี่เจ้าต้องการให้ข้าทำให้ หยวนเหวินตง ขุ่นเคืองข้ามากขึ้นงั้นเหรอ” ซูอัน กะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าจะได้ยินภรรยาของเขาแนะนำเช่นนี้
ฉู่ชูเหยียน คิดว่า ซูอัน อาจรู้สึกหวาดกลัว ดังนั้นนางจึงรีบพูดขึ้น “ไม่ต้องกังวล ข้าจะไปกับเจ้าด้วยในวันพรุ่งนี้ เจ้าสามารถยั่วยุเขาได้ตามสบาย ข้าจะรับรองความปลอดภัยของเจ้าเอง”
ซูอัน พยักหน้าตอบทันที “มั่นใจได้เลยที่รัก ในเมื่อเจ้าพูดเป็นห่วงข้าขนาดนี้งั้นข้าจะยั่วยุ ไอ้หยวนเหวินตงให้กระอักเลือดเลยคอยดู!”คำที่ ซูอัน ใช้เอ่ยถึง ฉู่ชูเหยียน ว่า ‘ที่รัก’ มันทำให้คิ้วของ ฉู่ชูเหยียน และ ฉินว่านหรู ขมวดเข้าหากันแน่นจนแทบจะผูกกันได้ แต่ในท้ายที่สุดพวกนางก็ปล่อยเลยตามเลยไม่อยากจะ ต่อล้อต่อเถียงกับคนปากพล่อยอย่างซูอัน
“ท่านพี่ พรุ่งนี้ท่านจะไปที่สถาบันงั้นหรือ?” ฉู่ฮวนเจา เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ถูกต้อง หืม? ทำไมเจ้าถึงแสดงสีหน้าแบบนี้?” ฉู่ชูเหยียน ตอบกลับด้วยสีหน้าสงสัย “ทำไม เจ้ากลัวว่าข้าจะไปเจอวีรกรรมที่เจ้าทำเอาไว้ที่สถาบันตอนข้าไม่อยู่ด้วยงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย! ข้าแค่เห็นว่าท่านไม่ได้ไปสถาบันมาระยะหนึ่งแล้ว ข้าแค่ดีใจ” ฉู่ฮวนเจา แสร้งตอบกลับแบบไม่พอใจพร้อมกับแอบขยิบตาให้ ซูอัน “ว่าแต่ ข้าจำได้ว่าพรุ่งนี้ ที่ชั้นเรียนนภาของท่านมีคาบเรียนคณิตศาสตร์ใช่ไหม?”
“ถูกต้อง” ฉู่ชูเหยียน พยักหน้า “อันที่จริง ระยะหลังมานี้คาบเรียนบ่มเพาะในสถาบัน ส่วนใหญ่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับข้ามากนักอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นคาบเรียนคณิตศาสตร์ที่กลับ มีประโยชน์มากกว่า เพราะท้ายที่สุด ตระกูลฉู่ ของเรามีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเงินมากมายซึ่งวิชาคณิตศาสตร์นั้นช่วยได้มากจริง ๆ”
ฉู่ฮวนเจา พยายามอย่างดีที่สุดที่จะระงับความตื่นเต้นของนาง นางยังคงแสดงสีหน้าปกติและพูดว่า “ท่านพี่ไม่ได้ไปสถาบันหลายวัน ท่านพี่คงจะไม่รู้ว่านับจากนี้ หยางเว่ย ไม่ได้สอนวิชาคณิตศาสตร์ให้กับสถาบันเราอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้สถาบันของเรามีอาจารย์สอนคณิตศาสตร์คนใหม่เข้ามา ซึ่งท่านน่าจะชอบเขามากกว่า”
“อาจารย์คณิตเปลี่ยนไปแล้วหรือ? เกิดอะไรขึ้นกับหยางเว่ย?” ฉู่ชูเหยียน รู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินข่าวนี้ นางยุ่งมากกับการจัดการเรื่องในตระกูลฉู่ ดังนั้นนางจึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในสถาบันเลย
“ดูเหมือนว่า หยางเว่ย จะถูกไล่ออกเนื่องจากใช้อำนาจกดขี่นักศึกษาคนหนึ่งอย่าง ไม่ชอบธรรม” ฉู่ฮวนเจา ตอบอย่างคลุมเครือ
“ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หยางเว่ย ชอบใช้อำนาจในทางที่ผิดจริง ๆ” ฉู่ชูเหยียน ครุ่นคิดอยู่ ครู่หนึ่งก่อนจะพูด “อย่างไรก็ตาม ทักษะทางคณิตศาสตร์ของเขาเป็นของจริง ข้าไม่แน่ใจว่าอาจารย์คนใหม่จะเก่งเท่าเขาได้หรือเปล่านี่สิ”
“ฮ่าฮ่า เรื่องนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วงเลยท่านพี่ อาจารย์คนใหม่ดีกว่า หยางเว่ย แน่นอน!” ฉู่ฮวนเจา เหลือบมอง ซูอัน ขณะที่นางตอบ “เมื่อเช้านี้ หยางเว่ย เพิ่งแข่งขันทักษะด้านคณิตศาสตร์กับอาจารย์คนใหม่ไป ซึ่งหยางเว่ยแพ้ไปอย่างขาดลอยจนวิ่งหนีออกจากสถาบันไปแทบไม่ทันแน่ะ!”
“ฮวนเจา ทำไมเจ้าต้องเหลือบมองพี่เขยของเจ้าตลอดเวลาในขณะที่เจ้าพูด?” ฉินว่านหรู ถามด้วยความไม่พอใจ นางรู้สึกว่าลูกสาวคนนี้ของนางใกล้ชิดกับ ซูอัน มากเกินไปแล้ว
ฉู่ฮวนเจา ทำเป็นกลอกตาไม่ใส่ใจกับคำถามแม่ของนาง อันที่จริงนางอยากคุยโวเกี่ยวกับความสำเร็จของ ซูอัน ในวันนี้ต่อหน้าพ่อแม่ของนาง แต่เมื่อนางได้ยินว่าพี่สาวของนางกำลังจะไปเรียนคณิตศาสตร์ในสถาบันในวันรุ่งขึ้น นางจึงเปลี่ยนใจ
สาวน้อยอยากรู้เป็นอย่างมากว่าสีหน้าของพี่สาวนางจะเป็นอย่างไรเมื่อพบว่าแท้จริงแล้ว ซูอัน คืออาจารย์คณิตศาสตร์ของตัวเอง!
แค่คิดถึงเรื่องนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้นางตื่นเต้นจนตัวสั่น
“พ่ายแพ้อย่างขาดลอย? เจ้าแน่ใจ? ข้านึกไม่ออกจริง ๆ ว่าคนที่มีความสามารถอย่าง หยางเว่ย จะพ่ายแพ้จนสิ้นท่าขนาดนั้นได้ยังไง?” ฉู่ชูเหยียน ประหลาดใจ “พวกเขาแข่งขันกัน แบบไหน?”
ฉู่ฮวนเจา ที่กำลังตื่นเต้นเริ่มบรรยายเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทันที “มันเริ่มต้นด้วย หยางเว่ย ตั้งโจทย์คณิตศาสตร์มา 20 ข้อให้กับอาจารย์คนใหม่ จากนั้นภายใต้พยานนับสิบที่มุงดูอยู่ อาจารย์คนใหม่แก้โจทย์ของหยางเว่ยถูกต้องทั้งหมดอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นอาจารย์คนใหม่ก็ได้ตั้งโจทย์คำถามให้หยางเว่ย 20 ข้อเช่นกัน แต่ท้ายที่สุด หยางเว่ยกลับไม่สามารถตอบคำถามได้ถูกต้องแม้แต่ข้อเดียว”“หยางเว่ยตอบไม่ถูกสักข้อเลยงั้นหรือ?” ฉู่ชูเหยียน เบิกตากว้าง “มันจะเป็นไปได้ยังไง? เจ้าจำโจทย์ที่อาจารย์คนใหม่ตั้งได้รึเปล่า? ลองเขียนให้ข้าดูที!”
ฉู่ฮวนเจา เหลือบมอง ซูอัน แวบหนึ่งเพื่อดูว่าพี่เขยของนางกำลังรู้สึกสนุกสนานกับสถานการณ์ตอนนี้หรือไม่ จากนั้นนางก็เริ่มเอ่ยถึงโจทย์ 20 ข้อแบบคร่าว ๆ และถ้าข้อไหนนาง ไม่แน่ใจ นางจะหันไปถาม ซูอัน ในทันที
แน่นอนว่าไม่มีใครสงสัยอะไรเกี่ยวกับการที่ ฉู่ฮวนเจา หันไปถามโจทย์คณิตจาก ซูอัน เพราะ ฉู่ฮวนเจา อธิบายเอาไว้แล้วว่าการแข่งขันนี้มันเกิดขึ้นที่ห้องเรียนของ ซูอัน เองดังนั้นมันจึง ไม่แปลกอะไรหาก ซูอัน จะจำโจทย์เหล่านั้นได้บ้าง
หลังจากได้ยินโจทย์ครบ 20 ข้อ ฉู่ชูเหยียน ก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “อาจารย์ใหม่คนนั้นน่าเกรงขามจริง ๆ พรุ่งนี้ข้าคงต้องไปทำความรู้จักสักหน่อย”