ตอนที่ 6 เรื่องราวของอดีตปาร์ตี้
“น-นี่ นายอยากจะมาเข้าปาร์ตี้กับพวกเราไหม?”
หนึ่งเดือนหลังจากที่ผมได้กลายมาเป็นนักผจญภัยของเมืองอิชกะ ผมก็ถูกชวนให้เข้าปาร์ตี้
โดยคำเชิญนั้นมาจากชายหนุ่มที่มีชื่อว่าราสซึ่งอายุเท่ากันกับผม ตัวเขาที่อยากจะหลีกหนีความยากจนในชนบทจึงได้เลือกเส้นทางของนักผจญภัยที่มีความมั่งคั่งและชื่อเสียงรอคอยเขาอยู่แทน
“ก็เป็นเหตุผลทั่วไปอยู่แล้วหรือเปล่าล่ะ?”เขาดูเหมือนจะเปิดใจให้กับผมอย่างง่ายดายก่อนจะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ทำให้ผมรู้สึกประทับใจในตัวเขา
“เดี๋ยวเถอะ! ไม่หยาบคายไปหน่อยเหรอที่ไปเรียกคนอื่นว่า “นาย” น่ะ!”
เด็กสาวที่บ่นเช่นนั้นกับราสมีชื่อว่าอิเรีย เธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของราส ที่มีความสามารถทั้งการใช้เวทเยียวยาและการต่อสู้ระยะประชิดเหมือนกับแม่ของเธอที่เป็นนักบวชสายบู้
เรื่องความมั่งคั่งหรือชื่อเสียงนั้นสำหรับเธอแล้วถือว่าเป็นเรื่องรอง เพราะสาเหตุที่แท้จริงก็มาจากราสที่ตัดสินใจออกจากหมู่บ้านกะทันหันเธอก็เลยรีบตามเขามาด้วย
แววตาที่ดูมุ่งมั่นกับผมสีดำยาวซึ่งถูกมัดไว้เป็นทรงหางม้าชวนให้นึกถึงอดีตคู่หมั้นของผมเล็กน้อย
“ถ้าเธอมาบ่นเรื่องความหยาบคายละก็ การที่จู่ๆ เรามาทะเลาะกันต่อหน้าคนที่จะชวนเข้าปาร์ตี้แบบนี้มันไม่แย่กว่าหรือไง?”
เสียงนั้นมาจากจอมเวทสาวผู้สวมหมวกทรงแหลมและถือไม้เท้าเอาไว้อยู่ เธอถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย
ชื่อของหญิงสาวที่มีผมสีแดงเพลิงและมีกระที่ใบหน้าก็คือมิโรสลาฟ
เหมือนว่าเธอจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ซึ่งดูได้จากเสื้อคลุมที่เธอสวมนั้นทำจากผ้าไหม และไม้เท้าของเธอก็มีหินเวทขนาดใหญ่ แถมเธอยังสวมต่างหูและสร้อยข้อมือที่ดูแพงมากอีกด้วย
“ทุกคนใจเย็นๆ ลงก่อนเถอะ พวกเธอกำลังทำเขาลำบากใจนะรู้ไหม?”
คนที่พูดแบบนั้นออกมาท่ามกลางคนทั้งสาวที่ทะเลาะกันอยู่ก็คือหญิงสาวที่มีใบหูยาวอันมีนามว่าลูนามาเรีย
เธอคนนี้เป็นเอลฟ์
นอกจากเธอจะเป็นฮันเตอร์ที่สามารถใช้สปิริท เธอยังมีคุณสมบัติของนักปราชญ์อีกด้วย
เมื่อห้าปีก่อน ราสและอิเรียอายุได้ 13 ปี มิโรสลาฟ 14 ปี ช่างเป็นปาร์ตี้ที่ประกอบไปด้วยคนหนุ่มสาวมากมายจริงๆ ส่วนเอลฟ์สาวที่เป็นตัวไกล่เกลี่ยของปาร์ตี้นั้นพอถามเรื่องอายุเธอก็ตอบว่า “ฮิฮิ ความลับจ๊ะ” อยู่ทุกครั้ง
โดยปาร์ตี้ของพวกเขานั้นมีชื่อว่า ดาบฮายาบูสะ
เป็นปาร์ตี้แรงค์ G หรือจะให้พูดอีกความหมายหนึ่งก็คือเป็นปาร์ตี้ที่กำลังตั้งขึ้นมาใหม่และเหมือนจะมองหาใครสักคนเข้ามาเติมเต็มหน้าที่ในการเป็นแนวหน้าให้กับพวกเขา
ความจริงตอนแรกผมก็ว่าจะปฏิเสธพวกเขาไป
ถึงผมจะมีความสุขที่พวกเขาเข้ามาชวนก็เถอะ แต่ตัวผมนั้นยังถูกความทรงจำที่อดีตคู่หมั้นและคนอื่นๆ ที่ทอดทิ้งผมไปตามมาหลอกหลอนอยู่เรื่อย เพราะแบบนั้นผมก็เลยมีความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับคำว่าความกลัวในการปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับผู้คน
แต่ราสก็ยังคงยืนหยัดตามชวนผมอย่างแข็งขัน
“ไม่เป็นไรหรอกน่า! ฉันเคยเห็นนายตอนฝึกที่ลานของกิลด์แล้ว นายกำลังแกว่งดาบอยู่ใช่ไหมล่ะ! แถมยังหลายชั่วโมงโดยไม่หยุดพักอีก เห็นแล้วก็รู้สึกอดทึ่งไม่ไหวการเหวี่ยงดาบของนายมันสวยงามมากจริงๆ!”
พอผมถูกราสกดดันมาหนักขนาดนี้ ในที่สุดผมก็ต้องยอมแพ้
ถึงจะบอกว่ายอมแพ้ แต่จริงๆ ผมก็มีความสุขนะที่พวกเขาชวนผมเข้าปาร์ตี้
การผจญภัยร่วมกันกับพวกเขามันทำให้ผมมีความสุขจริงๆ
แต่ความสุขนั้นมันก็อยู่ได้เพียงครึ่งปี
เหมือนที่ผมเคยบอกไปก่อนหน้านี้ ว่าสุดท้ายผมถูกไล่ออกจากปาร์ตี้
มิโรสลาฟเรียกผมว่าคนลวงโลกต่อหน้าผม ส่วนอิเรียก็ประณามผมด้วยคำพูดอย่างรุนแรง
ถึงราสจะเอาแต่ยืนเงียบๆ แต่ก็ไม่อาจซ่อนความผิดหวังบนใบหน้าของเขาได้
จะมีก็เพียงลูมานาเรียที่ไม่ได้กล่าวโทษอะไรผม แต่ความเห็นอกเห็นใจและความสงสารของเธอมันยิ่งทำให้ผมเจ็บปวดกว่าการกระทำของสามคนก่อนเสียอีก
หลังจากนั้นแม้งานของดาบฮายาบูสะจะชะงักลงไปบ้าง แต่มันก็เหมือนกับพวกเขาได้เอาของไม่จำเป็นออกไป ไม่นานนักพวกเขาก็เริ่มไต่แรงค์ของปาร์ตี้ขึ้นไปเรื่อยๆ จนผ่านมา5ปี พวกเขาก็มาถึงแรงค์ C
อดีตสหายของผม…พวกเขาได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะนักผจญภัยชั้นหนึ่งไปกันหมดแล้ว
และเนื่องจากเรายังอยู่ในเมืองเดียวกัน บางครั้งผมก็บังเอิญเจอกับพวกเขา…
◆◆◆
「นาย…มาทำอะไรในที่แบบนี้กัน?? 」
สามวันหลังผมถูกไล่ออกจากกิลด์
ในขณะที่ผมกำลังเดินเก็บสมุนไพรในป่าทีทิสเหมือนปกติ เสียงเรียกที่คาดไม่ถึงก็ดังมาจากด้านหลังของผม
น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจและการดูถูกเช่นเดิม
พอผมหันกลับไปก็พบว่าเป็นคนที่ผมคิดจริงๆ
ผมขมวดคิ้วโดยสัญชาตญาณเมื่อคนคนนั้นพูดกับผมขณะวางมือไว้บนสะโพกของเธอ ก่อนจะแอ่นหน้าอกออกมาด้วยความภูมิใจ
「….หือ ใบหน้าแบบนั้นมันอะไรกัน? ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดออกมาสิ ทำไมถึงเงียบไปล่ะ ฉันละอยากจะได้ยินจริงๆ ว่าปรสิตเลเวลตันที่หลอกเรามากว่าครึ่งปีจะพูดอะไร」
เสียงนั้นมาจากจอมเวทสาวที่สวมหมวกทรงแหลมและถือไม้เท้าอยู่
โดยมีเส้นผมสีแดงเพลิงแทรกออกมาจากหมวก เธอใช้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอจ้องมองมายังผม
เธอเป็นสมาชิกของดาบฮายาบูสะจอมเวทมิโรสลาฟ
หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยกังวลเกี่ยวกับกระที่อยู่บนใบหน้าของเธอ พอห้าปีผ่านไปเธอก็ได้เติบโตเป็นสาวงามเรียบร้อยแล้ว
แต่ไม่ว่าคนคนนั้นจะสวยขนาดไหนแต่ถ้ามาพูดดูถูกคนอื่นเอาแบบนี้ก็คงจะไม่มีใครชอบลงหรอก
ขณะที่ผมกำลังคิดแบบนั้น มิโรสลาฟก็ยิ้มเยาะเย้ยผม
「สรุปคือไม่มีอะไรจะพูดสินะ หืม? ก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละนะ เพราะทุกอย่างที่ฉันพูดมันเป็นเรื่องจริงนี่น-」
ระหว่างที่มิโรสลาฟกำลังเยาะเย้ยผมอยู่ก็ได้มีเสียงหนึ่งเข้ามาขัดจังหวะเธอ
「มิโร พอเถอะ」
ราสเป็นคนที่ขัดเธอระหว่างพูด
เขาเป็นหัวหน้าของปาร์ตี้แรงค์ C ดาบฮายาบูสะ อัจฉริยะที่กลายเป็นนักผจญภัยระดับ 6 ด้วยอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น
จะบอกว่าเขาตอนนี้เป็นนักผจญภัยที่มีชื่อเสียงก็ว่าได้ เพราะเขาสามารถทำในสิ่งที่นักผจญภัยทั่วไปต้องใช้เวลาถึงหลายสิบปีกว่าจะสำเร็จได้ด้วยเวลาเพียงแค่ 5 ปี นั่นหมายความว่ามันก่อนที่เขาจะอายุ 20 ปีด้วยซ้ำ
…ทั้งที่เราเป็นนักผจญภัยที่อายุเท่ากันแท้ๆ แต่ช่องว่างของเราช่างกว้างเหลือเกิน
ราสเหลือบมามองที่ผม ใบหน้าของเขาไม่ได้มีรอยยิ้มเหมือนเมื่อก่อน จากนั้นริมฝีปากของเขาก็เริ่มขยับ
「โซระ นายถูกไล่ออกจากกิลด์แล้วสินะ?? 」
「…อืม…」
「เลเวลของนายไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยใช่ไหม ที่นายมาอยู่ในที่แบบนั้นฉันเดาว่านายคงอยากจะเป็นนักผจญภัยต่อสินะ….ฉันว่าพอเถอะ หากเกิดอะไรขึ้นมามันจากสายเกินไปนะ」
「…ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำ」
ผมตอบเขาไปด้วยน้ำเสียงประชด โดยไม่บ่นอะไรต่อเกี่ยวกับเรื่องที่เขาพูด
จากนั้นหญิงสาวผมสีดำที่ยืนอยู่ข้างๆ ราสก็เดินออกมาก่อนจะเปิดปากพูด
「เดี๋ยวเถอะ! ราสกำลังพยายามให้คำแนะนำนายแท้ๆ ท่าทางแบบนั้นมันอะไรกัน?!」
หญิงสาวที่สวมชุดคลุมสีขาวอิเรีย เดิมทีเธอก็เป็นคนหน้าตาดีมากอยู่แล้วเช่นเดียวกับมิโรสลาฟ แต่ช่วงห้าปีที่ผ่านมาเธอก็ยิ่งเติบโตขึ้นไปดีกว่าเดิมอีก
และเธอก็ยังคงหลงราสเหมือนห้าปีที่แล้วไม่มีผิด
「……ขอโทษที」
「…*ชิ*… นายนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ คิดว่าจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้วเสียอีก」
「ไม่เป็นไรหรอก อิเรีย คนคนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเราอีกแล้ว ถ้าเขาเกิดตายขึ้นมามันก็เป็นเพราะเขาเลือกจะไม่ฟังคำแนะนำของฉันเอง」
「ราสพูดถูกแล้ว งั้นก็ปล่อยให้มันอยู่คนเดียวต่อไปแล้วรีบเข้าไปในป่ากันเถอะ ไม่รู้เป็นแค่ฉันไหม แต่เหมือนฉันได้กลิ่นเหม็นเหมือนคนไม่ได้อาบน้ำมาสามวันด้วยสิ」
「เดี๋ยวก่อนสิ มิโร ก็เธอเองไม่ใช่หรือไงที่มาหยุดคุยกับหมอนี่น่ะ!」
พวกเขาก็พูดอะไรตามที่ตนอยากก่อนที่จะหายลับเข้าไปในป่า
จะเหลือก็เพียงลูนามาเรีย ที่ยังอยู่ข้างหลังของผม
「ดีใจที่ยังเห็นคุณสุขภาพแข็งแรงดีนะคะ โซระ」
เธอก้มศีรษะเล็กน้อยขณะทักทายผม รอยยิ้มอันอ่อนโยนบนใบหน้าของเธอไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลย
ลูนามาเรียไม่เพียงแต่เป็นคนพิเศษในเผ่าของเธอเท่านั้น แต่เธอยังเป็นคนที่คอยค้ำจุนปาร์ตี้นี้อีกด้วย เมื่ออิเรียและมิโรสลาฟทะเลาะกันเรื่องราส เธอก็จะทำหน้าที่เป็นคนกลางคอยคุยกับพวกเขา บางครั้งก็ด้วยความอ่อนโยน บางครั้งก็ด้วยความรุนแรง
ย้อนกลับไปตอนที่ผมยังอยู่ในปาร์ตี้ พวกเราเข้ากันได้เป็นอย่างดีในเรื่องการเตรียมงานเอกสารหรือการเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ พูดตามตรงผมก็รู้สึกสนใจเธอในฐานะเพศตรงข้ามด้วย
แต่เพราะผมสังเกตได้ว่าเธอก็สนใจในตัวราสเหมือนกับเด็กสาวอีกสองคนที่เหลือ ผมก็เลยตั้งใจจะเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ในใจแทน
ทัศนคติของเธอที่มีต่อผมไม่เปลี่ยนไปเลยแม้ว่าผมจะติดอยู่ที่เดินและกลายเป็นตัวถ่วงของปาร์ตี้ ผมรู้สึกขอบคุณเธอมากจริงๆ
แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมานานมากแล้ว ความรู้สึกอะไรแบบนั้นมันไม่เหลืออยู่อีกต่อไป
นั่นก็เพราะผมบังเอิญไปได้ยินบทสนทนาที่บาร์ หลังจากที่ผมถูกไล่ออกจากปาร์ตี้
คนแรกที่เรียกผมว่าปรสิตไปทั่วก็คือยัยเอลฟ์คนนี้แหละ
หลังจากตอบเธอกลับไปสั้นๆ ว่า “เธอก็เหมือนกัน” ผมก็หันหลังให้กับลูนามาเรียราวกับเป็นการบอกว่าไม่อยากคุยต่อ
ถึงผมจะรู้สึกได้ว่าเธอมีอาการสับสน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ
ผมไม่อยากจะมาสนทนาเรื่องไร้สาระอย่างพวกความเห็นอกเห็นใจ จากคนที่เรียกผมว่าปรสิตหรอก รีบกลับไปหาราสที่เธอหลงได้แล้ว ขอร้องเถอะ
แต่เพราะฝ่ายตรงข้ามเหมือนจะไม่รู้เจตนาจองผม เธอจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือราวกับต้องการเตือนผมจากด้านหลัง
「มีคนจำนวนมากหายไปในป่าทีทิสช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ระวังตัวด้วยนะโซระซัง…」
「…หายตัวไป? 」
ผมหันกลับไปมองเธอโดยสัญชาตญาณเพราะได้ยินเรื่องที่คาดไม่ถึงในคำพูดของเธอ
จากนั้นลูนามาเรียก็พยักหน้าให้ด้วยท่าทีที่โล่งใจเล็กน้อย
ป่าทีทิสนั้นเป็นป่าที่ใหญ่พอจะยัดประเทศขนาดใหญ่เข้าไปได้เลย นอกจากนั้นยังมีข่าวลือว่ามีสัตว์ในตำนานอาศัยอยู่ในส่วนลึกสุดของป่า
เพราะมันเป็นสถานที่แบบนั้นแหละ จึงไม่แปลกที่นักผจญภัยจะหายไปบ้าง
แต่หากพิจารณาเนื้อหาที่เธอพูด จำนวนคนที่หายตัวไปในช่วงสองสามวันมานี้มันผิดปกติ
ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาผู้ที่หายตัวไปนั้นเป็นปาร์ตี้แรงค์ C เช่นเดียวกับ ดาบฮายาบูสะ ทางกิลด์จึงตัดสินใจส่งปาร์ตี้ระดับสูงไปสืบหาสาเหตุ
และดาบฮายาบูสะก็เป็นหนึ่งในปาร์ตี้ที่ว่า
“ป่าตอนนี้ค่อนข้างอันตราย ระวังตัวด้วยนะคะ” – เธอเตือนผม
พูดตามตรงผมก็อยากจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องเตือนหรอก แต่ถ้าทำแบบนั้นก็คงจะดูใจแคบไป
ผมก็เลยตัดสินใจพูดขอบคุณเธอไปเป็นการตอบแทน
「…เข้าใจแล้ว ขอบคุณที่เตือน」
「ไม่เป็นไรหรอก งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ」
พอพูดจบลูนามาเรียก็รีบตามเพื่อนของเธอไปแล้วหายลับเข้าไปในป่า
ผมรู้สึกโล่งใจที่การพบเจอกันของสหายเก่าที่ไม่น่าคบหาจบลง ว่าแล้วผมก็กลับไปเก็บสมุนไพรต่อ
ถึงผมจะรู้สึกกังวลอยู่บ้างเรื่องที่คนหายไป แต่ผมก็คิดว่าคงไม่สำคัญอะไรมากหรอกเพราะผมคงไม่ไปอยู่อะไรในป่าลึกๆ แบบนั้น ผมรู้ตัวเองดีว่าที่ที่ผมอยู่นั้นเป็นเช่นไรและต้องทำอะไร
ยิ่งไปกว่านั้น ราคาของสมุนไพรอาจจะเพิ่มขึ้นก็ได้จากการที่นักผจญภัยไม่ค่อยเข้ามาภายในป่านี้จากเหตุการณ์ดังกล่าว ผมก็ได้แต่หวังว่าจะเป็นแบบนั้น ส่วนเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมก็ไม่เห็นจะต้องไปใส่ใจ
แต่เรื่องที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ราสได้ลากเอาราชาแมลงวันที่ไล่ตามพวกเขาอยู่มาทางผม
คาดไม่ถึงเลยว่ามิโรสลาฟจะลอบโจมตีผมด้วยเวทมนตร์เพื่อเป็นการดึงความสนใจจากมอนสเตอร์ตัวนั้นที่กำลังไล่ตามราสที่บาดเจ็บอยู่
———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code