บทที่ 178 หน้าของผู้ชายเปลี่ยนไวยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือเสียอีก

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 178 หน้าของผู้ชายเปลี่ยนไวยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือเสียอีก

ว้าว!

นี่มันยาพิษ?หรืออะไรกันนี่?

หลานเยาเยาเพิ่งเคยเห็นคนที่เปลี่ยนเป็นมนุษย์เลือดอย่างกระทันหันเป็นครั้งแรก เขาเป็นม้าเหงื่อโลหิตงั้นรึ?

เมื่อกี้ก็นึกว่ากองเลือดบนพื้นนั้น เป็นเพราะมีคนทรมานเขาเสียแล้ว

ตอนนี้ดูแล้ว เลือดพวกนั้นล้วนมาจากพิษที่ทำให้ไหลออกมาทั้งนั้น

ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องตรวจร่างกายของเขา ดูว่าบนตัวของเขาตรงไหนมีปัญหากันแน่

เพียงแต่ว่า……

สถานการณ์มันเร่งด่วน นางไม่มีเวลามากนัก เพราะประการแรก หมุ่นชายชุดเขียวคนนั้นคงจะไปเรียกคนมาแล้ว ประการที่สองท่าทางของหานแสในตอนนี้นั้นยากที่จะเข้าใกล้ จะให้เขาขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างว่าง่ายยังยากกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก

ดังนั้น!

ตอนนี้นางทำได้ตรวจชีพจรให้เขาเท่านั้น

พอคิดได้เช่นนี้ หลานเยาเยาก็รีบปีนออกมาจากใต้เตียงทันที แล้วพุ่งตรงไปยังด้านหลังของโดยใช้โอกาสในตอนนี้ที่หานแสกำลังขดตัวด้วยความเจ็บปวด แล้วหยิบเข็มยานอนหลับจากระบบแพทย์ออกมา ตรงไปยังคอของเขา

แต่สิ่งที่นางคาดไม่ถึงก็คือ……

จู่ๆหานแสก็หันตัวกลับมา แล้วใช้มือใหญ่จับข้อมือของนางอย่างแน่น ส่วนมืออีกข้างก็จับไปยังคอของนาง

ยังโชคดีที่ตาและมือของนางนั้นรวดเร็วเลยวะกัดเอาไว้ได้

“เจ้า เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?”

สายตาอันแดงก่ำของหานแส จ้องมองยังหลานเยาเยาอย่างดุร้าย ราวกับว่าจะกลืนกินนางก็ไม่ปาน

“อยากฆ่าข้าแล้วงั้นรึ?เหอะ!ข้าไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ”

เอ่อ……

บ้าหรือเปล่า!

หลานเยาเยาไม่สนใจอีกต่อไปแล้วว่าเหตุใดหานแสถึงได้โมโหร้ายขนาดนี้ เพราะนางมีเรื่องที่สนใจมากกว่านั้นต้องทำ !

“เจ้าจะคิดเช่นไรก็เรื่องของเจ้า ส่วนตัวข้านั้นมีงานที่สนใจอยู่สามอย่าง คือโลภสมบัติของกินแสนอร่อยและวิชาการรักษา ตอนนี้กำลังทำการเสี่ยงโชคแล้วช่างบังเอิญที่เจ้าดันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ข้าสนใจพอดี นอนหลับให้สบายเถอะ หากมีเวลาข้าจะกลับมาดูเจ้าอีก”

สายตาของหลานเยาเยาที่มองหานแสในตอนนี้ราวกับมองหนูทดลองยักษ์ตัวหนึ่ง

พูดจบ หลานเยาเยาก็พบว่ามือของหานแสที่จับไหล่นางเอาไว้ค่อยๆคลายออก

จากนั้น“แคร้ง” เสียงโซ่ที่กระทบกับพื้นพร้อมกับร่างของหานแสที่ล้มลงไป

มุมปากของหลานเยาเยาก็กระตุก พร้อมกับบิดไหล่ที่ถูกจับแน่นจนเจ็บ จากนั้นก็รีบก้มลงไปเพื่อตรวจชีพจรของเขา

“เอ๊ะๆ!ร่างกายนี้ทำไมถึงประหลาดขนาดนี้นะ?”

ยอกจากอัตราการเต้นของหัวใจที่ไม่คงที่แล้ว นอกนั้นก็ไม่มีส่วนไหนผิดปกติ

จึงทำให้นางขมวดคิ้วหนักอย่างอดไม่ได้

แต่ในตอนนี้นางไม่สามารถที่จะนำเครื่องตรวจออกมาแสกนตรวจได้ จึงทำได้เพียงฉีดยาให้หัวใจของเขาคงที่ แล้วยังแอบเอายาเสริมเลือดให้เขาอีกสองเม็ด

คนจะตายไม่ได้ ถ้าตายจะทำให้นางเสียใจมาก

เป็นโรคที่ประหลาดยิ่งนัก!

นางจะต้องคิดหาวิธีที่ช่วยพาเจ้าหนูทดลองยักษ์นี่ออกไป นางจะได้ทำการศึกษาในภายหลัง

แต่ตอนนี้นางจะอยู่ที่นี่นานไม่ได้ หลังจากที่แอบซ่อนยาไว้บนตัวของหานแสแล้ว หลานเยาเยาก็รีบออกจากห้องอย่างทันที

เพียงแต่……

ขณะที่กำลังจะกระโดดออกนอกหน้าต่าง นางก็ชนเข้ากับแผงเนื้อเข้า ตอนนี้ความหนาวเย็นจากก้นบึ้งของหัวใจก็แพร่ไปยังแขนขาทุกส่วนในร่างกายจนทำให้นางถึงกับขนลุกซู่

แย่แล้วแย่แล้ว

คราวนี้ตายแน่ๆ ไม่ว่าจะชนเข้ากับใคร แต่ถ้าเป็นคนของผู้ชายผมขาว นางก็ตกอยู่ในปัญหาอันใหญ่หลวงแล้ว

แล้ว!

ดวงตาที่แหลมคมและท่าทางที่จริงจังของทันทีที่เงยหน้าขึ้นไปก็ถึงกับเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเห่ยๆ เป็นรอยยิ้มที่ช่างน่าสมเพชจริงๆ

“แหะๆๆ……”

แต่แล้วท่าทางนี้ก็แสดงออกมาเพียงไม่นาน ก็ถึงกับเกรงขึ้นมาทันที

อะไรกัน?

ชายหนุ่มรูปงาม หน้าครบเครื่องราวฟ้าประทานตรงหน้านี้ ไม่ใช่เย่แจ๋หยิ่งหรอกหรอ?

เขามาทำอะไรที่นี่?

ไม่ใช่สิ!

มองดูท่าทางเบื่อหน่ายของเขาแล้วราวกับว่ามายืนตรงนี้นานแล้ว

เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่?

“ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

“ช่วยเอามีดในมือเจ้าเก็บก่อน”

เสียงทุ้มดังขึ้นมาอย่างนุ่มนวล แล้วสายตาของเย่แจ๋หยิ่งก็จ้องไปยังมือของนาง

“เอ่อ!แหะๆ นี่เป็นเพื่อป้องกันตัวโดยสัญชาตญาณ”สายตาช่างแหลมคมขนาดนี้เชียว?

สักครู่นี้นางพร้อมที่จะโจมตีได้ทุกเมื่อ เพียงแค่รอดูใบหน้าที่แท้จริงของคนที่นางชนเข้าเท่านั้น

ยังดีที่เป็นเย่แจ๋หยิ่ง

ช่างเป็นการเหยียบขี้หมาได้โชคจริงๆ!

“ฮื้ง!”

เย่แจ๋หยิ่งถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาสะบัดเสื้อที่ไร้ฝุ่นบนตัว จากนั้นก็หลีกทางให้นางพลันเดินนำไปยังบันไดอย่างเกียจคร้าน

จุดนี้……

หลานเยาเยาก็ถึงกับยืนกลอกตาอยู่กับที่ จากนั้นถึงค่อยวิ่งตามเขาไป

แต่ว่าพวกเขาเพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงเท้าดังขึ้นมาจากตรงสุดบันได

หลานเยาเยายังไม่ทันได้ทันตอบสนองใดๆ ก็เห็นร่างของเย่แจ๋หยิ่งที่แวบอยู่ตรงหน้า แล้วก็หายไปจากสายตาของนางทันที

ซวยแล้ว!

มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?

เย่แจ๋หยิ่งไปแบบนี้เลยงั้นรึ? ปล่อยให้นางเอาตัวรอดที่นี่คนเดียว?

ไม่เอาน่า!

“ตา……”บ้ายังไม่ทันได้พูดออกจากปาก หลานเยาเยาก็รับรู้ถึงเอวที่ถูกรัดแน่น จากนั้นร่างก็ทะยานขึ้นสู่อากาศ เพียงพริบตาทั้งสองก็ออกมานอกเรือ ก่อนจะบินไปหยุดยังเสากระโดงเรืออันสูง

เมื่อรู้สึกถึงแรงของมือใหญ่ที่กอดรัดเอว หลานเยาเยาก็หันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างกาย

ช่างเป็นไหล่ที่กว้างกำยำ…..

เสียงลมหายใจที่แข็งแกร่ง……

ใบหน้าที่หล่อเหลา สมบูรณ์แบบน่าดึงดูด…..

ราวกับมีความอบอุ่นหลั่งไหลเข้ามาสู่ก้นบึ้งหัวใจ พร้อมหยั่งฝังลึก

“เย่แจ๋หยิ่ง มีท่านนี่ดีจริงๆ!” ประโยคนี่โพร่งออกมา

“เจ้าเรียกข้าว่าอะไร ?”

เย่แจ๋หยิ่งหันหน้าไปมอง พร้อมหรี่ตาลงเล็กน้อย พลางมือใหญ่ที่โอบเองนางเอาไว้ก็คลายลงไม่น้อย

ราวกับว่าเพียงแค่นางพูดผิดไปคำเดียว เขาก็จะปล่อยมือออกจากนาง

“ท่านอ๋อง……”

หลานเยาเยาที่ช่างเดาสายตาได้ก็รีบเปลี่ยนคำพูดทันที ใครจะรู้ว่ามือใหญ่ที่โอบเอวนางไว้จู่ๆก็คลายออกมา

ตอนนี้หลานเยาเยาก็ร้อนรน แล้วรีบตะโกนเรียกออกมา

“ไม่เอา ท่านพี่ ”

เพื่อที่จะไม่ตกลงไปจากเสากระโดงเรืออันสูงใหญ่ นางจึงกอดคอเย่แจ๋หยิ่งเอาไว้ พลันเอาเท้าทั้งสองควบร่างของเขาเอาไว้เช่นกัน

“ห้ามเรียกท่านพี่ ระหว่างเราเป็นเพียงข้อตกลงเท่านั้น”เย่แจ๋หยิ่งกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“อ๋อ งั้นก็ไม่เรียกแล้ว ถึงยังไงข้าก็รู้สึกไม่ค่อยคุ้นชิน”

ต้องระวังจริงๆ นางเพิ่งหนีออกจากบ้าน ก็ไม่ใช่ไม่ได้บอกกล่าวสิ่งใด นางยังทิ้งจดหมายไว้ตั้งฉบับหนึ่ง!

คิดไม่ถึงว่าพอได้เจอกันอีกครั้ง คำพูดของเขาดูผิดปกติไปหมด ราวกับยังโกรธอยู่

“เจ้า……”

ทันใดนั้นใบหน้าของเย่แจ๋หยิ่งก็หมองลง แล้วจ้องมองนางอย่างเย็นชา

เมื่อได้รับสัญญาณอันตราย นางก็รีบกอดเขาไว้ทันที

” ไม่ชินก็ไม่ชินเพียงนิดเดียว ก็เรียกครั้งแรก! คราวหลังหากเรียกจนชินก็ดีขึ้นแล้ว ใช่หรือไม่? ท่านพี่ ท่านพี่ๆๆๆ……”

พอเห็นแววตาอันอบอุ่นของเย่แจ๋หยิ่ง นางก็รีบเรียกมากขึ้น

“ห้ามเรียก!”

“ท่านพี่ๆๆๆ……”

“หลานเยาเยา เจ้าลองเรียกอีกครั้งดู?”

“ท่าน……พี่ อ๊าฮ่าฮ่า……ท่านหน้าแดงแล้ว”

“……”

เมื่อเผชิญหน้ากับหลานเยาเยาที่กำลังหัวเราะอย่างไม่หยุดหย่อน เย่แจ๋หยิ่งก็ปั้นหน้านิ่ง พูดด้วยถ้อยคำที่เย็นชา แต่กลับไม่รู้ว่าหน้าเริ่มแดงตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วมือที่เพิ่งคลายไปก็กลับมาโอบเอวนางเอาไว้

ต่อมา!

ทั้งสองก็กลับมายังห้องพัก ต่างพากันกลับมายังห้องของเย่แจ๋หยิ่ง โดยที่นั่งเผชิญหน้ากัน

เย่แจ๋หยิ่งทำหน้านิ่ง และสีหน้าที่เย็นชามองไปยังนางราวกับกำลังสอบสวนคดีอย่างนั้น

หลานเยาเยายักไหล่แล้วนอนลงไปบนโต๊ะ

“อู๊~~~ท่านพี่,ยกโทษให้ข้าเถิด!ข้าแค่จะไปหาป่ายเม่ยเซิงจริงๆ ที่ไปเจอหานแสนั้นแค่บังเอิญเท่านั้น”

ประโยคนี้นางพูดไปหลายรอบแล้ว เหตุใดเขาถึงไม่เชื่อเสียที?