บทที่ 175 วางแผนได้สำเร็จ
ได้ฟังคำถามมากมายจากลี่จุนถิง สมิทธ์ก็น้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว
คำพูดของลี่จุนถิงทำให้เขาเริ่มพิจารณาตัวเอง
สิ่งที่ลี่จุนถิงพูดก็มีเหตุผล ไม่ว่าตัวเองหรือลี่จุนถิง ในโลกธุรกิจนั้นล้วนแต่เคยผ่านการต่อสู้แข่งขันมานับครั้งไม่ถ้วน
อย่างที่พูดกันว่าโลกธุรกิจก็เหมือนสนามรบ ดูเหมือนคลื่นลมสงบ แต่ที่จริงเบื้องหลังนั้นราวกับกระแสคลื่นโหมซัดสาด คนจำนวนมากเป็นเพราะไม่สามารถฝ่าฟันการต้มตุ๋นหลอกลวงซึ่งกันและกันในโลกธุรกิจได้ จึงทำให้ไม่สามารถยืนหยัดได้จนถึงตอนสุดท้าย
แต่ตัวเองและลี่จุนถิงเป็นข้อยกเว้น วิธีการของพวกเขานั้นร้ายกาจมาก และมีวิสัยทัศน์ที่ฉลาดเฉียบแหลม สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มาจากความพ่ายแพ้นับครั้งไม่ถ้วนสั่งสมประสบการณ์ขึ้นมา
ดังนั้นหนทางพวกนั้นในโลกธุรกิจ เขาจึงรู้ดีกว่าใคร มักจะมีคนบางประเภทถูกซื้อ และมีคนบางประเภทที่ยอมขายบริษัทเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
อาจเป็นเพราะหลายปีมานี้ ไม่ว่าพบเจอปัญหาอะไรก็สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก ชัยชนะจึงได้บังตาเขาไว้ ดังนั้นเลยรู้สึกว่าเจียงหยุนเอ๋อไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้
แต่ในความเป็นจริง เจียงหยุนเอ๋อก็คือต้นกล้าที่กำลังพยายามเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรง อยากเติบโตไปเป็นต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่าน
แต่กว่าจะถึงตอนนั้น เธอก็ต้องผ่านพายุฝนไปก่อนถึงจะแข็งแกร่ง
เมื่อคิดได้อย่างนี้ สมิทธ์รู้สึกว่าวิสัยทัศน์ของตัวเองนั้นแคบเหลือเกิน เขาควรจะให้โอกาสและประสบการณ์แก่คนหนุ่มสาวพวกนี้ให้มากขึ้น บางครั้งควรวางมือเพื่อให้พวกเขาได้ทำสิ่งที่ควรทำ
สมิทธ์กระแอมเบา ๆ : “ขอโทษ เป็นความผิดของผมเอง ที่เข้าใจผิดเจียงหยุนเอ๋อ ผมคิดว่าผมสามารถเชื่อมั่นในตัวเธอได้ เพราะปกติเธอก็ทำได้ดีทีเดียว ครั้งนี้ถูกคนลอบทำร้าย ก็เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด”
ลี่จุนถิงได้ยินคำพูดอย่างนี้ก็โล่งใจ มองหุ้นส่วนทางธุรกิจไม่ผิดไปจริง ๆ : “ผมขอบคุณคุณแทนภรรยาผมนะครับ คุณวางใจเถอะ มีผมอยู่ บริษัทนั้นไม่มีทางล้มได้หรอก”
ลี่จุนถิงยังคงมีความมั่นใจในตัวเองอยู่
สมิทธ์หัวเราะออกมา : “เรื่องนี้ผมวางใจอยู่แล้ว”
ยังไงทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่ทำธุรกิจร่วมกันมานาน
“อีกอย่าง ตอนนี้ขาดทุน แต่ในอนาคต ผมจะทำให้คุณได้กลับคืนเป็นสองเท่า” ขณะที่ลี่จุนถิงพูดประโยคนี้ ได้มีท่าทีที่ค่อนข้างทรงพลังราวกับราชา
“ครับครับครับ” สมิทธ์ตอบรับ
หลังจากที่ทั้งคู่วางสายไป ลี่จุนถิงก็เอนพิงกับเก้าอี้หนังครุ่นคิดอยู่สักครู่
จากนั้นลี่จุนถิงได้กดโทรหาซู่จี้งยี้
“คุณชายลี่ มีเรื่องอะไรครับ?” ซู่จี้งยี้เดินเข้ามาจากด้านนอก สองมือกุมไว้ด้านหน้าลำตัว
“นายไปสืบหาบัญชีธนาคารต่างประเทศดูหน่อย ว่ามีการโอนเงินจากบริษัทเซียวซื่อไปบ้างไหม?” ในเมื่อธนาคารในประเทศหาไม่พบ งั้นก็คงเป็นธนาคารต่างประเทศแล้วล่ะ
ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เซียวอี้เฟิงก็ถือว่าฉลาดมาก แต่ว่า ลี่จุนถิงได้ยิ้มออกมา คนที่แกเจอคือฉัน ลี่จุนถิง
“คุณชายลี่ คุณสงสัยว่าบริษัทเซียวซื่ออยู่เบื้องหลังการเล่นสกปรกนี้เหรอ?” ซู่จี้งยี้เงยหน้ามองลี่จุนถิง
ลี่จุนถิงผายมือออกเชิงถาม : “แล้วนายคิดว่าเป็นใครล่ะ? ตอนนี้ต่างกล่าวหาว่าพวกเราลอกเลียนแบบบริษัทเซียวซื่อ แล้วนายคิดว่าคนที่น่าสงสัยมากที่สุดเป็นใคร?”
ซู่จี้งยี้พยักหน้า เมื่อสักครู่เขาหุนหันพลันแล่นเกินไปเลยถามคำถามปัญญาอ่อนแบบนั้นออกมา : “ครับผม รับทราบแล้วครับ”
“ไปเถอะ” ลี่จุนถิงโบกมือ เรื่องนี้รอฟังผลก็พอแล้ว ตอนนี้เขาต้องไปจัดการเรื่องที่บริษัทสักหน่อย
ทางด้านลี่จีถอง ได้ลากส้งหวั่นหวั่นกับเจียงหนิงเอ๋อมาฉลองกันแล้ว
“มา ชนแก้ว” ลี่จีถองลุกขึ้นยืน แล้วชูแก้วขึ้น
เจียงหนิงเอ๋อและส้งหวั่นหวั่นก็ยืนขึ้นเช่นกัน
เสียงแก้วกระทบกันดังขึ้น สำหรับพวกเธอทั้งสามคนนั้นมันเหมือนเป็นบทเพลงที่ไพเราะเสนาะหู
“ครั้งนี้ เจียงหยุนเอ๋อถือว่าดวงซวยจริง ๆ” ลี่จีถองพิงเข้ากับเก้าอี้ ยกขาขึ้นไขว่ห้าง แล้วค่อย ๆ เขย่าไวน์ที่อยู่ในแก้วไปมา
ใต้แสงไฟที่สาดส่อง ไวน์แดงที่สั่นไหวไปมาอยู่ในแก้วไวน์โปร่งแสง ช่างเหมือนทับทิมที่ส่องประกายแวววาว
เอาเป็นว่า ตอนนี้ลี่จีถองอารมณ์ดี มองเห็นอะไรก็รู้สึกสบายใจไปหมด
เจียงหนิงเอ๋อดื่มไวน์เข้าไปอีกอึกหนึ่ง เธอรู้สึกสะใจมาก หลายครั้งที่หาทางจัดการกับเจียงหยุนเอ๋อ แต่ทุกครั้งเจียงหยุนเอ๋อก็โชคดีหลบหนีไปได้
ช่วงนี้เธอมักจะติดตามความเคลื่อนไหวทุกอย่างของบริษัทเจียงหยุนเอ๋อ ได้ยินที่ผู้ช่วยรายงาน ว่าเค้าเตอร์จำหน่ายสินค้าทุกชนิดของบริษัทเจียงหยุนเอ๋อกำลังประสบปัญหาการคืนสินค้าและการชดเชยค่าเสียหาย ดูแนวโน้มว่าจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เจียงหนิงเอ๋อรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทุ่มเทไปนั้นช่างคุ้มค่าเหลือเกิน
“ถ้าจะโทษก็โทษที่ดวงเธอไม่ดีเอง ทำไมไม่รู้จักตรวจสอบให้ดีว่าผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองวิจัยออกมานั้นซ้ำกับของคนอื่นหรือเปล่า?” ส้งหวั่นหวั่นทำท่ายักไหล่ แสดงท่าทีไร้เดียงสาออกมา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” หญิงสาวทั้งสามคนหัวเราะด้วยกันอย่างมีความสุข
ส้งหวั่นหวั่นได้คิดถึงแผนการขั้นต่อไปแล้ว
“ในเมื่อแผนการของพวกเราสำเร็จแล้ว ต่อไปก็ต้องคิดถึงตัวพวกเราเองแล้ว” ส้งหวั่นหวั่นหยิบขนมที่สวยงามน่าทานขึ้นมาจากบนโต๊ะหนึ่งชิ้น
ลี่จีถองเหมือนพอเข้าใจอะไรขึ้นมา : “เธอหมายถึงพัฒนาบริษัทของตัวเองเหรอ?”
ส้งหวั่นหวั่นดีดนิ้ว
“บริษัทตอนนี้เพิ่งเริ่มต้น พวกเรามีอะไรที่สามารถทำได้บ้าง?” ก่อนหน้านี้เจียงหนิงเอ๋อไม่เคยบริหารงานบริษัทมาก่อน มากสุดก็แค่เรียนรู้อะไรจากเจียงเย่เฉิงมาบ้างนิดหน่อย
ที่สำคัญคือเธอไม่ชอบการบริหารจัดการบริษัท เธอแค่ชอบเสวยสุขเท่านั้น
แต่ครั้งนี้ก็เพื่อเจียงหยุนเอ๋อ เธอต้องพยายามเรียนรู้ ตั้งใจศึกษาด้านการบริหารจัดการบริษัท เพื่อหวังว่าสักวันจะสามารถเหยียบเจียงหยุนเอ๋อให้จมอยู่ใต้เท้าเธอให้ได้
“ก็เป็นเพราะเพิ่งเริ่มต้น จึงจำเป็นต้องออกหน้า ถ้าหากอยู่เฉย ๆ อย่างนี้ต่อไป บริษัทก็คงไม่มีวันประสบความสำเร็จ” น้ำเสียงของส้งหวั่นหวั่นเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมากะทันหัน
ส้งหวั่นหวั่นมีประสบการณ์ด้านนี้พอตัว ถือได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถคนหนึ่ง มีคนพูดไว้ว่าผู้หญิงสวยก็เหมือนกับแจกันดอกไม้ แต่สำหรับส้งหวั่นหวั่นนั้นไม่ใช่
“งั้นแสดงว่าเธอมีความคิดอะไรดี ๆ แล้วล่ะสิ?” ลี่จีถองที่จริงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องบริหารจัดการอะไร แต่ก็เอ่ยปากถามไปอย่างนั้น
ส้งหวั่นหวั่นฉีกยิ้ม : “พวกเราก็ยืมใช้อำนาจของบริษัทเซียวซื่อ ผลักดันเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของบริษัทพวกเราออกไป”
คนที่ส้งหวั่นหวั่นเรียกมาล้วนเป็นนักเทคโนโลยีทั้งนั้น ก่อนที่บริษัทจะก่อตั้ง พวกเขาก็ได้เริ่มวิจัยผลิตภัณฑ์กันแล้ว ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ได้วิจัยเสร็จเรียบร้อย ก็สามารถออกสู่ตลาดได้แล้ว
“แบบนี้จะไม่ถูกบริษัทเซียวซื่อกดขี่เหรอ?” เจียงหนิงเอ๋อขมวดคิ้ว
ช่วงนี้ผลิตภัณฑ์ตัวนั้นของบริษัทเซียวซื่อขายดีมาก ตอนนี้วางจำหน่ายออกไป ไม่เท่ากับว่าไปทำแทนคนอื่นให้ลำบากหรอกเหรอ?
“ไม่หรอก เธอเชื่อฉันเถอะ ขอเพียงแค่ได้ทำ รับรองว่าเธอไม่ขาดทุนแน่” ส้งหวั่นหวั่นยื่นมือไปลูบหลังมือของเจียงหนิงเอ๋อ เพื่อให้เธอวางใจ
เจียงหนิงเอ๋อรู้ว่าส้งหวั่นหวั่นนั้นมีประสบการณ์มากกว่าเธอ จึงได้แต่ทำตามที่เธอว่าละกัน
หลังจากที่กลับไป พวกเธอก็ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “ซีรี่ย์บิวตี้” ออกไป
เพื่อให้ “ซีรี่ย์บิวตี้” ได้ฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้
เป็นเพราะระยะนี้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของบริษัทเซียวซื่อและบริษัทเจียงหยุนเอ๋อกำลังเป็นกระแสนิยมในเมืองจิ่งเฉิง ดังนั้นทุกคนจึงต่างให้ความสนใจกับเครื่องสำอางกันมาก
และเป็นเพราะผลิตภัณฑ์ของ “ซีรี่ย์บิวตี้” มีส่วนผสมของสมุนไพรจีน แพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงหลายคนในประเทศก็เป็นผู้พัฒนาสูตรนี้
ดังนั้นเมื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ออกไป “ซีรี่ย์บิวตี้” ก็จะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว