บทที่ 218 เงินหมุนเวียน

บทที่ 218 เงินหมุนเวียน

“ทำอะไรกันล่ะ?” อู๋ฝานถามกลับด้วยความสงสัย

“ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำยังไงให้สามารถทำอาหารหลายเมนูพร้อมกันได้และรสชาติยังออกมาดีเยี่ยมอยู่ยังไงล่ะคะ” เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ เฉินปิงเหยาก็ตื่นเต้นไม่ใช่น้อย “เถ้าแก่รู้อะไรไหม? ลูกค้าทุกคนที่กลับไปเมื่อครู่ต่างชมกันถ้วนหน้าว่าอาหารของเรายอดเยี่ยมมาก พวกเขาไม่เคยทานอาหารที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน แม้กระทั่งบรรดาลูกค้าในห้องส่วนตัวก็ชมกันอย่างไม่ขาดปากเลยค่ะ”

สำหรับกลุ่มลูกค้าในห้องส่วนตัว เฉินปิงเหยาทราบดีว่าปากของคนเหล่านั้นช่างเลือกเพียงใด เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะพึงพอใจกับอาหารธรรมดา ๆ แต่วันนี้กลับชมรสชาติอาหารที่ร้านไม่หยุด เฉินปิงเหยาที่เห็นเช่นนั้นก็กล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า บรรดาลูกค้านั้นพูดความจริงไม่ได้ยกยอปอปั้น

นับได้ว่าเป็นปรากฏการณ์หาได้ยาก

“พอใจกันทุกคนเลยงั้นเหรอ? ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว” อู๋ฝานตอบกลับ เพราะวันแรกของการเปิดร้านนั้นมีความสำคัญอย่างใหญ่หลวง “ส่วนเรื่องที่ว่าผมทำได้ยังไงนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ผมก็แค่ทำไปทีละจานก็เท่านั้น”

เรื่องเล็กน้อย?

เฉินปิงเหยารู้สึกราวกับมีเครื่องหมายคำถามมากมายปรากฏขึ้นในหัว

คนเพียงหนึ่งคนรับผิดชอบเมนูอาหารที่ลูกค้าทั้งร้านสั่ง ทั้งยังทำออกมาได้รสชาติดี เอาตรงไหนมาเรียกว่าง่าย?

เฉินปิงเหยาพร่ำบ่นอยู่ในใจ ขณะเดียวกันความนับถือที่เธอมีต่ออู๋ฝานก็เพิ่มมากขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเขาเป็นเพียงทายาทจากตระกูลร่ำรวยที่อยากจะเปิดกิจการ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนมีความสามารถขนาดนี้

ขณะที่อู๋ฝานออกมาอยู่ตรงนี้ ทางด้านถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังไม่ได้ออกจากห้องส่วนตัว

“อาจารย์อู๋ ทำไมถึงมีแค่เธอคนเดียวที่เคยทานอาหารที่คุณทำกันล่ะคะ? ฉันเองก็อยากทานเหมือนกันนะ” ทันทีที่อู๋ฝานเดินเข้าไปทักทายด้านในห้องส่วนตัว ถังอวี่เฟยก็วาดแขนของเธอไปคล้องแขนชายหนุ่มเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับบุ้ยปากแง่งอน เธอไม่เขินอายที่ต้องแสดงสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอู๋ฝานต่อหน้าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์แม้แต่น้อย

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่เห็นดังนั้น ก็ทำเพียงขมวดคิ้ว สีหน้าท่าทีของเธอยังคงสงบนิ่ง

“ครับ ทราบแล้วครับ แต่ตอนนี้ปล่อยก่อนเถอะนะครับ” แม้ว่าแขนของถังอวี่เฟยจะเรียบเนียนและนุ่มลื่นชวนสัมผัส แต่อู๋ฝานไม่กล้าตักตวงโอกาสนี้เอาไว้

โดยเฉพาะตอนที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังอยู่ในห้อง

“ไม่เป็นไรค่ะ ที่นี่ไม่มีคนนอกสักหน่อย” ถังอวี่เฟยไม่ยินดีที่จะปล่อยเขาไปโดยง่าย ขณะเดียวกันก็ปรายตามองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์พร้อมเอ่ย “เอาแบบนี้เป็นยังไงคะ ทำไมคุณไม่คว้าตัวเธอมากอดไว้อีกข้างล่ะ ยังไงแขนอีกข้างของอาจารย์อู๋ก็ยังว่างอยู่นี่นา”

อู๋ฝานเครียดจนเส้นเลือดแทบจะปรากฏบนขมับ

“น่าเบื่อ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยออกมาเสียงเบา

“เธอถอนตัวเองนะ เพราะงั้นอย่ามาโทษฉันล่ะ” ถังอวี่เฟยเอ่ยอย่างมาดมั่น

“ปล่อยก่อนเถอะครับ ตอนนี้นั่งลงดีกว่า มีอะไรจะได้พูดคุยกัน” อู๋ฝานกล่าว

“หลายวันมานี้ฉันชวนคุณออกไปข้างนอกด้วยกัน ทำไมไม่ตอบรับเลยล่ะคะ?” ถังอวี่เฟยยังคงกอดแขนเขาเอาไว้แน่น มิหนำซ้ำเธอยังบดเบียดร่างกายแนบชิดเขามากขึ้นไปอีก “ฉันไม่ปล่อยแน่ค่ะ เว้นเสียแต่ว่าคุณจะตกลงไปเที่ยวกับฉัน”

ทางตระกูลขอให้ถังอวี่เฟยพยายามตามจีบอู๋ฝาน ตัวเธอเองก็มีความประทับใจอันดีให้กับเขา จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเธอที่มีต่อหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ทำให้เธอไม่รังเกียจที่จะได้ไปเที่ยวกับชายหนุ่ม ออกจะตื่นเต้นยินดีเสียด้วยซ้ำ

เพียงแต่ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ไม่ว่าเธอจะพยายามนัดอย่างไร เขาก็เอาแต่ปฏิเสธที่จะออกไปเที่ยว เป็นเหตุให้เธอทั้งรู้สึกผิดหวังและหมองหม่น วันนี้ถือว่าสบโอกาสแล้ว เธอไม่มีทางปล่อยให้มันหลุดลอยไปอย่างแน่นอน

“ครับ ผมตกลงครับ” อู๋ฝานตอบรับ

“ต้องอย่างนั้นสิคะ” ถังอวี่เฟยยิ้มกว้างมากขึ้น ครั้งนี้เธอยอมปล่อยมือจากอู๋ฝานแล้ว

“วันพรุ่งนี้ไปช็อปปิงกับฉันนะคะ” ขณะที่อู๋ฝานกำลังจะผ่อนลมหายใจโล่งอก เสียงเย็นยะเยือกของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ดังขึ้นมา

“ครับ?” ชายหนุ่มถึงกับชะงัก

ส่วนถังอวี่เฟยกลับระบายยิ้มออกมาเบิกบาน สายตามองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์พร้อมเอ่ย “มีคนใจร้อนนะคะเนี่ย นึกว่าไม่สนใจแล้วเสียอีก”

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ตอบคำถาม เธอเพียงแต่มองอู๋ฝาน ทว่าสายตาที่ส่งมากลับทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

“ครับ ตกลงครับ” อู๋ฝานตอบรับ

พอได้รับคำตอบ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ถึงยอมละสายตาไปทางอื่น

หลังจากสะสางเรื่องราวกับทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว อู๋ฝานก็ผ่อนลมหายใจโล่งอกออกมาได้

“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างพวกเธอแปลก ๆ ตลอดเลย” เขาบ่นกับตัวเอง

พอเรื่องราวดำเนินมาจนถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็แทบคิดไม่ออกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร

หลังจากแขกทั้งหมดเดินทางกลับ เฉินปิงเหยาก็คิดคำนวณเงินหมุนเวียน จำนวนที่เธอนำมารายงานนั้นถึงกับทำให้อู๋ฝานประหลาดใจ

สามแสนแปดหมื่น!

อย่างที่ทราบดี นี่เป็นเงินหมุนเวียนของอาหารเพียงหนึ่งมื้อเท่านั้น ร้านอาหารของพวกเขาเพิ่งเปิดทำการวันนี้ และหลายคนก็ยังไม่ทราบข่าว ทำให้ทั้งห้องส่วนตัวและห้องโถงยังไม่เต็ม อู๋ฝานเชื่อว่าอำนาจของการบอกปากต่อปากจะทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้นในอนาคต

เมื่อเวลานั้นมาถึง จำนวนเงินหมุนเวียนจะเป็นเท่าใด?

อู๋ฝานเพียงคิดก็ยินดีจนเนื้อเต้น

โดยหลักแล้วเงินหมุนเวียนนี้ย่อมมาจากบรรดาแขกที่มาใช้บริการห้องส่วนตัว พวกเขาเหล่านั้นต่างเป็นนายน้อยและนายหญิงน้อย ทายาทจากตระกูลร่ำรวยในเจียงโจว พวกเขาย่อมมีเงินทองให้ใช้ไม่ขาดมือ เรียกได้ว่ามีเงินมีทองพร้อมใช้ตลอดเวลาจะดีกว่า

“ไม่แปลกใจเลยที่ผู้จัดการหวงจะมีสีหน้าเหยเกตอนเห็นกลุ่มคนยกขบวนรถมาที่ร้านอาหารเรา คนเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นตู้กดเงินเคลื่อนที่” อู๋ฝานพึมพำอยู่ในใจ

แม้ว่าจำนวนเงินหมุนเวียนคือสามแสนแปดหมื่น แต่มันก็ยังไม่ใช่กำไร อู๋ฝานคาดการณ์ผลกำไรคร่าว ๆ ว่าร้านอาหารจะทำกำไรได้ไม่น้อยกว่าสี่ในสิบ จากมุมมองดังกล่าว หนึ่งมื้อที่ผ่านมาจึงน่าจะได้กำไรไม่น้อยกว่าหนึ่งแสนหยวน

“วงการอาหารมีผลกำไรค่อนข้างมาก ช่างดีเสียจริง” ชายหนุ่มเอ่ยกับตัวเองอีกครั้ง

เพียงนึกถึงตอนที่ตนเองต้องไปตั้งร้านแผงลอยข้างถนนทำบาร์บีคิวขายและพยายามลงแรงหกถึงเจ็ดชั่วโมงต่อวัน แต่ยังไม่ได้แม้เศษเสี้ยวของเงินที่ได้รับตอนนี้ อู๋ฝานก็รู้สึกว่าการเปิดร้านอาหารนั้นเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดแล้ว

ขณะที่อู๋ฝานยินดี หวงถิงเฟิงกลับกุมขมับ เงินหมุนเวียนภายในร้านคัลเลอร์แมนวันนี้ตกต่ำลงมหาศาล และนี่แค่วันแรกที่อีกร้านเปิดกิจการ หากเขาไม่คิดหาแผนการรับมือให้ดี เงินหมุนเวียนของคัลเลอร์แมนจะยิ่งตกต่ำลงอย่างไม่ต้องสงสัย

หากว่าเงินหมุนเวียนยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงตอนนั้นเขาที่เป็นผู้จัดการ ย่อมเป็นผู้รับผิดชอบหลัก และเมื่อถึงเวลานั้น เขาคงไม่อาจรักษาตำแหน่งผู้จัดการไว้ได้ อย่างไรเสียเขาก็เป็นเพียงผู้จัดการของคัลเลอร์แมน ไม่ใช่เถ้าแก่

หวงถิงเฟิงรับรู้ได้ในใจว่ากำลังจะเกิดวิกฤตอันหนักหน่วง

หลังจากอู๋ฝานออกจากร้านอาหาร เขาก็ขับรถไปบริเวณชานเมืองจนกระทั่งถึงโกดังอีกแห่งที่เช่าเอาไว้ จากนั้นจึงเริ่มเอาไม้ในกระเป๋าด้านหลังออกมา พร้อมกับติดต่อรถขนส่งให้นำไม้เหล่านี้ไปที่ตลาดค้าไม้

เมื่ออู๋ฝานมาถึง ก็พบว่าเจ้าหย้าหนานคอยอยู่ก่อนแล้ว อีกฝ่ายประหลาดใจที่เห็นว่าเขาเป็นคนนำขบวนรถบรรทุกมาส่งไม้ด้วยตัวเอง

เมื่อวานชายหนุ่มบอกเธอเอาไว้ ว่าไม้ทั้งหมดที่เธอต้องการจะมาถึงในวันนี้ ตอนนั้นเจ้าหย้าหนานค่อนข้างสงสัย เธอต้องการใช้ไม้จำนวนมาก ทั้งยังเป็นไม้ล้ำค่าที่ต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถหามาได้ในเวลาอันสั้น

เจ้าหย้าหนานจึงคิดว่าอู๋ฝานแค่พูดปลอบเธอเท่านั้น เธอคิดว่าหากอีกฝ่ายหาไม้เหล่านั้นมาให้เธอได้ ต่อให้ต้องใช้เวลาหลายวัน เธอก็ยินดีมากแล้ว

ไม่ได้คาดคิดเลยว่าเพียงแค่หนึ่งวัน เขาจะนำไม้ทั้งหมดมาจัดส่งถึงที่

เส้นสายและช่องทางที่อู๋ฝานมี ทำได้ขนาดนี้ไม่น่ากลัวเกินไปหรือ?!