ตอนที่ 175 น้ำตา
อาหมานตาเป็นประกาย “นั่น นั่นมันเอ้อร์หนิวไม่ใช่หรือเจ้าคะ!”

เอ้อร์นิวเหมือนสัมผัสได้ว่าตอนนี้อารมณ์ของเจียงซื่อผิดปกติไปเล็กน้อย จึงเงยหน้าขึ้นแล้วดมมือนาง พลางส่งเสียงครางที่แสดงถึงความเป็นห่วงอยู่ในลำคอ

ทันทีที่เห็นเอ้อร์หนิว ท่าทางตึงเครียดของเจียงซื่อก็ผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนที่แฝงไปด้วยความเศร้าโศก “เอ้อร์หนิว เจ้ามาได้อย่างไร”

พูดได้เลยว่าการได้เห็นเอ้อร์หนิวในเวลานี้เป็นการปลอบประโลมความทรมานในใจของเจียงซื่อได้อย่างดีเยี่ยม

ท่านพ่อของนางเป็นคนดีมาก พี่ชายก็เช่นกัน ทว่าชาติที่แล้วพวกเขาต่างก็ล้มหายตายจากไป นอกจากอวี้ชีที่อยู่ข้างกายนางก็มีเอ้อร์หนิวนี่แหละ

ขนาดชาติที่แล้วก่อนที่จะตาย นางยังได้ยินเสียงเอ้อร์หนิวเรียกลางๆ

บางที่อาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่สำหรับเจียงซื่อ เอ้อร์หนิวไม่ใช่แค่สุนัขธรรมดาทั่วไป แต่เป็นคนสนิทที่ติดตามนางมาอย่างยาวนานต่างหาก

“โฮ่ง…” เอ้อร์หนิวเห่า แล้วหันหน้าไป

เจียงซื่อมองตาม ไม่ไกลนักเห็นชายหนุ่มดวงตาเป็นประกายที่ไม่รู้ว่ายืนรออยู่ใต้ต้นไม้มานานเท่าไหร่แล้ว

มีผู้คนภายนอกเข้ามามุงดูเรื่องวุ่นวายที่จวนหย่งชังปั๋วเป็นจำนวนมาก อวี้จิ่นที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้จึงไม่ได้เป็นที่น่าสนใจนัก ทว่าเมื่อเจียงซื่อเห็นเขา นัยน์ตานางก็ไม่เห็นผู้ใดอีกเลย

หลังจากตะลึงไปครู่หนึ่ง เจียงซื่อก็หันกลับแล้วเตรียมจะเดินต่อ

อวี้จิ่นรีบสาวเท้าเดินตาม เข้าไปขวางตรงหน้า

เดิมเขาเตรียมการมาสองแผน แผนแรกคือกรีธาทัพถามโทษ[1] แผนสองคือเรียกร้องหาความเมตตา ทว่าแวบแรกที่เห็นสตรีตรงหน้ามีใบหน้าซีดเผือด แผนที่เตรียมมาก็ปลิวหายไปในดินแดนอันไกลโพ้นทันที เขาโพล่งออกไป “ใครทำให้เจ้าเสียใจกัน”

ไม่รู้ว่าเหตุใด พอได้ยินคำถามนี้ เจียงซื่อที่เมื่อครู่ยังมีท่าทางแข็งกระด้างถูกโจมตีเข้าที่หัวใจอย่างจัง น้ำตาไหลพรากออกมาเป็นสายราวกับสร้อยไข่มุกขาด

หยดน้ำตาใสแจ๋วล่วงโรยลงมาตามแก้มที่ขาวเนียน ส่งผลให้ใบหน้าของนางยิ่งดูซีดเซียวและอ่อนแอลงไปอีก

อวี้จิ่นกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้นางเช็ดน้ำตา “อย่าร้องไห้ไปเลย ข้าจะไปจัดการให้เจ้าเอง!”

เจียงซื่อได้สติขึ้นมาราวกับฝัน นางถอยหลังไปสองก้าวคล้ายโดนของร้อนลวก จากนั้นก็หันหลังวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

เห็นแผ่นหลังของหญิงสาวหายวับไปกับตาที่หน้าประตู ใบหน้าอันหล่อเหลาของอวี้จิ่นก็นิ่งขรึม

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ตอนเผชิญหน้ากับอันธพาลหรือแม้แต่ฆาตกรนางล้วนพูดคุยได้อย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้าน และไม่มีความเกรงกลัวใดๆ แล้วทำไมเมื่อครู่ถึงได้ร้องไห้เช่นนั้น

เพียงแค่นึกถึงน้ำตาของนาง อวี้จิ่นรู้สึกเจ็บปวดนัก

เขาแทบไม่กล้าทำนางโกรธจนร้องไห้ แล้วไอ้งั่งหน้าไหนกันที่มันหาเรื่อง คงอยากตายสินะ

สายตาของอวี้จิ่นหยุดลงที่ปากประตูจวนหย่งชังปั๋ว

เขามาแต่เช้าและคอยสังเกตการณ์ดูอย่างเงียบๆ จึงได้รู้ว่าพบภรรยาของหย่งชังปั๋วถูกฆ่าตายในห้องแต่เช้าตรู่ จวนหย่งชังปั๋วได้เชิญผู้ตรวจการจากศาลาว่าการพระนครมาตรวจสอบคดี อาซื่อเป็นสหายคนสนิทของคุณหนูเซี่ย ระหว่างนั้นจึงอยู่ที่จวนหย่งชังปั๋วตลอด ความผิดปกติของนางต้องเกี่ยวข้องกับจวนหย่งชังปั๋วเป็นแน่

เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“หลงต้าน…” อวี้จิ่นตะโกนเรียก

ชายหนุ่มใบหน้าอ่อนเยาว์กระโดดลงมาจากต้นไม้ ยิ้มพลางเอ่ยถาม “เจ้านายจะรับสั่งอะไรขอรับ”

อวี้จิ่นเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายแล้วรู้สึกขัดตา จึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ยิ้มอะไร!”

หลงต้านทำหน้าน้อยใจ “เจ้านาย ข้าน้อยก็ดีใจแทนท่านไงขอรับ”

อวี้จิ่นขมวดคิ้วขึ้น

ดีใจ? เขากำลังสับสน มีอะไรให้น่าดีใจกัน

หลงต้านกะพริบตาปริบๆ “เจ้านาย ไม่เข้าใจหรือขอรับ สตรีนางหนึ่งร้องไห้ต่อหน้าชายหนุ่ม มันแสดงให้เห็นถึงอะไร”

“แสดงให้เห็นว่านางเสียใจมาก”

“เจ้านายคิดตื้นเกินไปแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าในใจหญิงสาวนั้นชายคนนี้ไม่ธรรมดา มิเช่นนั้นท่านลองคิดดูว่าทำไมแม่นางเจียงถึงไม่ร้องไห้ต่อหน้าข้าน้อยล่ะ”

“เจ้าอยากให้นางร้องไห้ต่อหน้าเจ้างั้นหรือ” อวี้จิ่นหรี่ตามอง

หลงต้านขนหัวลุกขึ้นมาทันที แล้วเช็ดเหงื่อพูดขึ้น “ข้าน้อยเพียงยกตัวอย่าง เจ้านายอย่าได้เข้าใจผิดเด็ดขาดนะขอรับ!”

“ยกตัวอย่างก็ไม่ได้” อวี้จิ่นขมวดคิ้วขึ้นด้วยความไม่พอใจ แล้วจู่ๆ ก็เปลี่ยนน้ำเสียงพูด “ไหนเจ้าลองพูดมาว่าในใจนางข้าไม่เหมือนผู้อื่นอย่างไร”

หลงต้านอ้าปากหวอ

เขาจะรู้ได้อย่างไร เขาก็แค่พูดเอาใจให้เจ้านายรู้สึกดีใจเท่านั้นเอง!

“อะแฮ่ม อะแฮ่ม แม่นางเจียงร้องไห้ต่อหน้าท่าน พิสูจน์ได้ว่าในใจของนางรู้สึกว่าท่านเป็นคนที่พึ่งพาได้ คนเราจะเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมาก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่เชื่อใจ ท่านว่าไหมขอรับ”

อวี้จิ่นคิดๆ ดู ก็รู้สึกว่าที่หลงต้านพูดมาก็มีเหตุผล หัวใจจึงกระชุ่มกระชวยขึ้นมาในชั่วพริบตา

ที่แท้นางก็ปากไม่ตรงกับใจมาโดยตลอด ที่จริงก็ไว้ใจเขาไม่น้อย

ไม่ได้ เขาจะมาดีใจขณะที่อาซื่อเสียใจได้อย่างไร!

อวี้จิ่นสำรวจตัวเองเงียบๆ แล้วออกคำสั่งกับหลงต้าน “ไปสืบเรื่องที่จวนหย่งชังปั๋วมา และสืบดูเป็นพิเศษด้วยว่าแม่นางเจียงไปเจอเรื่องอะไรมา”

หลงต้านออกไปพร้อมกับคำสั่ง ตอนนี้จึงเหลืองเพียงแค่หนึ่งคนกับหนึ่งสุนัขที่กำลังมองหน้ากัน

เอ้อร์หนิวมองเจ้านายด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม

ไร้ประโยชน์จริงๆ ทำนายหญิงวิ่งหนีไปอีกแล้ว

อวี้จิ่นยื่นมือออกไปตีเอ้อร์หนิว แล้วพูดด้วยความโมโห “นี่มันสายตาอะไรของเจ้า!”

“โฮ่ง โฮ่ง” เอ้อร์หนิวเห่าใส่สองสามที แล้วสะบัดหางวิ่งออกไป

อวี้จิ่นยืนกอดอก มองจ้องไปที่ประตูใหญ่ของจวนตงผิงปั๋วไม่วางตา

ไม่รู้ว่าวันนี้นางจะออกมาหรือไม่ออกมาอีก หาก ไม่ออกมา เขาจะเข้าไปดีหรือไม่

องค์ชายอวี้ชีลูบคางไปมา พลางคิดพิจารณาปัญหาที่หนักหน่วงนี้อย่างจริงจัง

ขณะที่อวี้จิ่นกำลังครุ่นคิดว่าถ้าย่องเข้าไปในห้องเจียงซื่อจะโดนตบกี่ครั้งกันแน่ หลงต้านก็กลับมารายงานตามคำสั่ง “เจ้านาย ข้าสืบได้ความแล้ว!”

อวี้จิ่นรู้สึกตัวขึ้น “ว่ามา”

“ที่แท้คนที่ฆ่าภรรยาของหย่งชังปั๋วก็คือแม่ครัวในจวนปั๋ว และนางลงมือฆ่าภรรยาของหย่งชังปั๋วเพราะความเข้าใจผิด หย่งชังปั๋วโกรธจนหัวใจวายตายไปแล้ว…”

“แม่นางเจียงล่ะ” แม้การตายที่ติดต่อกันของคู่สามีภรรยาหย่งชังปั๋วจะทำให้ผู้คนตกใจเป็นอย่างมาก ทว่าอวี้จิ่นชินชากับเรื่องความเป็นความตายมาตั้งแต่แรกแล้ว สิ่งที่เขาสนใจจึงมีเพียงเจียงซื่อ”

“แม่นางเจียงซื่อ… เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับแม่นางเจียงซื่อเลยขอรับ” หลงต้านอึ้งไปก่อนครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้รู้สึกตัว “ข้าน้อยสืบได้ความมาว่าระหว่างที่สืบคดีแม่นางเจียงลงแรงช่วยไปมากเลยทีเดียว ผู้ตรวจการเขตถึงขนาดเอ่ยปากชมไม่หยุด ได้ยินมาว่าจะกลับไปขอบคุณนางถึงที่จวนด้วยขอรับ”

ขอบคุณถึงจวนเลยงั้นหรือ

ภาพชายชราปรากฎขึ้นมาในหัวอวี้จิ่น เขาถึงได้สบายใจ

ตัดภาพมายังเจินซื่อเฉิงผู้ที่เพิ่งกลับถึงศาลาว่าการ “…” มีอะไรให้ผู้คนเข้าใจผิดนักหนา เหตุใดจึงเห็นชายรูปงามวัยกลางคนเป็นชายชราไปได้เล่า

“เช่นนั้นทำไมนางถึงได้ร้องไห้” อวี้จิ่นพูดพึมพำ

“นายท่าน ตระกูลแม่นางเจียงกับจวนหย่งชังปั๋วเป็นเพื่อนบ้านกัน บางทีคู่สามีภรรยาหย่งชังปั๋วอาจจะดีกับนางมาก นางก็เลยรู้สึกเศร้าโศกไปด้วย”

อวี้จิ่นเบนสายตามองไปทางจวนตงผิงปั๋วอีกครั้ง

เขารู้สึกว่าเหตุผลไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เห็นทีจำเป็นต้องเข้าไปถามนางเอง

เมื่อเจียงซื่อเดินเข้ามาในจวนตงผิงปั๋วก็รีบบอกอาหมานให้ออกไป “ไปบอกนายท่านด้วยว่าหย่งชังปั๋วเสียแล้ว”

อาหมานอดถามขึ้นไม่ได้ “คุณหนูจะไปไหนเจ้าคะ”

“ข้าจะกลับไปเก็บของที่เรือนไห่ถังก่อน” เจียงซื่อรีบเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

เพียงอึดใจเดียวก็มาถึงเรือนไห่ถัง สีหน้าที่ย่ำแย่ของเจียงซื่อทำอาเฉี่ยวตกใจ

“คุณหนู…”

เจียงซื่อโบกมือปัด แล้วเดินตรงเข้าห้องพลางปิดประตูลง ทิ้งให้อาเฉี่ยวอยู่ข้างนอก

แม้อาเฉี่ยวจะดูนิ่งๆ ทว่าท่าทางของเจียงซื่อทำให้นางวางใจลงไม่ได้จริงๆ จึงรีบเอาหูไปแนบกับประตูฟังเสียงจากด้านใน

เสียงร้องไห้ที่อัดอั้นไว้พรั่งพรูดังออกมาถึงนอกห้อง

คุณหนูร้องไห้งั้นหรือ

อาเฉี่ยวสับสนอยู่ในใจ พอชะโงกหน้าออกไปดูด้านนอกก็ไม่เห็นวี่แววของอาหมาน จึงยิ่งกังวลใจไปใหญ่

———————————

[1] กรีธาทัพถามโทษ สำนวนจีน หมายถึงยกพลประณามความผิดของฝ่ายตรงข้าม ยังหมายถึงชวนทะเลาะวิวาทด้วยเช่นกัน