ตอนที่ 176 เก็บไว้ในส่วนลึก
เสียงร้องไห้ในห้องเบามาก มากจนทำให้คนรู้สึกอึดอัด
อาเฉี่ยวอยู่ไม่สุขเพราะไม่สบายใจ ประเดี๋ยวเงี่ยหูฟังเสียงจากข้างใน ประเดี๋ยวลงไปรออาหมานที่แปลงหญ้าด้านล่างระเบียงทางเดิน ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ทว่าพอเห็นอาหมาน ก็รีบเดินเข้าไปทันที
“อาหมาน ทำไมเจ้าไม่กลับมาพร้อมกับคุณหนู!”
“คุณหนูให้ข้าไปส่งข่าวให้นายท่านใหญ่”
อาเฉี่ยวคว้าข้อมืออาหมานเดินไปที่มุมๆ หนึ่ง เอ่ยกระซิบขึ้น “คุณหนูเป็นอะไรหรือ”
“คุณหนูงั้นหรือ” อาหมานทำหน้าภาคภูมิใจ “วันนี้คุณหนูเก่งมาก ช่วยใต้เท้าที่มาสืบคดีได้มากเลยทีเดียว…”
อาเฉี่ยวพูดขัดอาหมาน “ข้าเห็นคุณหนูแปลกไปเล็กน้อย”
นางชี้ออกไปพลาง “เจ้าฟังสิ คุณหนูกำลังร้องไห้”
อาหมานเงี่ยหูฟังทันที ได้ยินเสียงร้องไห้ออกมาเบาๆ จริงด้วย
“คุณหนูไปเจออะไรมากันแน่”
อาหมานทำหน้าตะลึง “คุณหนูร้องไห้เสียใจหนักมาก… ใช่แล้วหย่งชังปั๋วไม่อยู่แล้ว”
อาเฉี่ยวยังไม่รู้เรื่อง พอได้ยินจึงตกใจมาก “หย่งชังปั๋วไม่อยู่แล้วหมายความว่าอย่างไร”
“ก็ตายแล้วไงเล่า” อาหมานเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
อาเฉี่ยวฟังแล้วก็ได้แต่ตะลึงตาค้าง แล้วพูดพึมพำออกมา “คุณหนูคงจะเสียใจแทนคุณหนูเซี่ย”
อาหมานพยักหน้า “ใช่ การที่พ่อแม่เสียพร้อมกันในวันเดียว เป็นใครก็ต้องรับไม่ได้ทั้งนั้น ข้าจำได้ว่าหย่งชังปั๋วฮูหยินเอ็นดูคุณหนูของพวกเรามาก เช่นนั้นถ้าคุณหนูจะรู้สึกเสียใจมันก็เป็นเรื่องปกติ”
อาเฉี่ยวโล่งใจไปเล็กน้อย
มีเสียงเจียงซื่อตะโกนดังออกมาจากในห้อง “อาเฉี่ยว ช่วยเอาน้ำมาให้ข้ากะละมังหนึ่ง”
“เจ้าค่ะ” อาเฉี่ยวขานตอบ แล้วเบ้ปากใส่อาหมาน
อาหมานเดินมาถึงหน้าประตู “คุณหนู บ่าวไปส่งข่าวกลับแล้วเจ้าค่ะ”
“เข้ามา”
อาหมานผลักประตูเข้าไป เห็นเจียงซื่อนั่งตัวตรงอยู่ที่ข้างโต๊ะ ใบหน้าไร้ซึ่งคราบน้ำตา มีเพียงดวงตาที่แดงก่ำ
“คุณหนู…” อาหมานเอ่ยเรียกอย่างระมัดระวัง
เจียงซื่อยิ้มออกมาบางๆ “ข้าไม่เป็นไร ก็แค่นึกถึงเรื่องเมื่อก่อนที่หย่งชังปั๋วฮูหยินดูแลข้าอย่างกับเป็นหลานสาว จึงรู้สึกเศร้าเล็กน้อย”
สุดท้ายความรู้สึกผิดมันก็ถูกฝังอยู่ในส่วนลึกของจิตใจเช่นเดียวกับความลับที่นางมาเกิดใหม่อีกครั้ง ไม่อาจบอกใครได้
“ท่านพ่อและคนอื่นๆ ไปกันแล้วหรือ”
“นายท่านใหญ่ นายท่านสาม และซานไท่ไท่เดินทางไปหมดแล้วเจ้าค่ะ”
นายท่านรองไปที่ศาลแล้ว เอ้อรไท่ไท่เซียวซื่อต้องจัดการงานในจวน ส่วนเจียงจั้นไปกั๋วจื่อเจี้ยนตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนเลย
เจียงซื่อคิดไปคิดมาแล้วเอ่ยขึ้น “อาหมาน เจ้าไปส่งข่าวให้คุณชายรอง นำเรื่องที่จวนหย่งชังปั๋วไปบอกเขา”
เจียงจั้นกับเซี่ยอินโหลวเป็นสหายกันมาตั้งแต่ยังเด็ก แม้โตขึ้นนิสัยของทั้งสองจะต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ความสนิทสนมยังคงอยู่ แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่มีเหตุผลใดที่ต้องห้ามเขาไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยว
อาหมานรับคำสั่งแล้วออกไป
อาเฉี่ยวเป็นคนล้างทำความสะอาดใบหน้าให้กับเจียงซื่อ แล้วทาแป้งใหม่อีกเล็กน้อย จนกระทั่งดูไม่ออกถึงความผิดปกติ จากนั้นจึงเดินไปเรือนฉือซิน
นางเป็นห่วงเซี่ยชิงเหยาเลยเตรียมจะไปอยู่กับด้วยสักสองสามวัน ซึ่งแน่นอนว่าต้องไปบอกเฝิงเหล่าฮูหยินก่อน
เอ้อรไท่ไท่เซียวซื่อกำลังรายงานเรื่องในตระกูลกับเฝิงเหล่าฮูหยินพอดี
นับตั้งแต่เจียงเชี่ยนกับฉังซิงโหวซื่อจื่อตัดสัมพันธ์กันแล้วกลับเข้ามาพึ่งพิงบ้านแม่ เฝิงเหล่าฮูหยินก็ยิ่งไม่พอใจแม่ลูกเซียวซื่อ แม้จะยังให้เซียวซื่อดูแลตระกูลอยู่ แต่ก็มักจะต้องได้รับรายงานสถานการณ์ในจวนจากเซียวซื่อเสมอ เห็นได้ชัดเลยว่ายังสงสัยในความสามารถการจัดการดูแลจวนของนางอยู่
เซียวซื่อรู้สึกโกรธอยู่ในใจ แต่ทำอะไรไม่ได้
ใครใช้ให้ลูกสาวนางไปเกี่ยวพันกับเรื่องเช่นนี้กัน ตอนนี้นอกจากอดทนก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว
คอยดูเถอะ แม้เชี่ยนเอ๋อร์จะตกที่นั่งลำบาก แต่นางยังมีลูกชายอีกสองคน โดยเฉพาะลูกชายคนโตที่พอถึงฤดูใบไม้ร่วงก็ต้องไปเข้าร่วมการสอบเซียงซื่อ[1] หากสอบติดมีชื่ออยู่บนป้ายประกาศ นางก็จะได้เชิดหน้าชูตาแล้ว
เซียวซื่อคิดไว้ดีแล้ว เพียงแค่ลูกชายทั้งสองได้ดี ลูกสาวก็จะมีพี่น้องคอยหนุนหลัง ในอนาคตมันก็คงไม่มีอะไรเลวร้ายหรอก
ส่วนยายแก่ผู้นี้…หึหึ แก่จะลงโลงอยู่แล้ว อย่างไรก็ต้องมีสักวันที่นางจะได้เป็นผู้มีอำนาจในตระกูลอย่างแท้จริง
พอคิดถึงตรงนี้ เซียวซื่อก็นิ่งเงียบไป
อย่างน้อยสองสามปีนี้นางต้องคอยปรนนิบัติรับใช้ยายแก่นี้ให้ดี นายท่านจะต้องไม่มาเสียเวลาไว้ทุกข์เพราะสูญเสียมารดา มิเช่นนั้นจะส่งผลต่อการก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
เจียงซื่อรออยู่ครู่หนึ่ง แล้วอาฝูก็พาเข้าไป
เมื่อได้ยินความประสงค์ของนาง เฝิงเหล่าฮูหยินเหลือบตาขึ้นมอง “จะไปพักที่จวนหย่งชังปั๋วงั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ ชิงเหยาเสียบิดามารดาพร้อมกันภายในวันเดียว ข้ากลัวว่านางจะรับไม่ไหว”
เซียวซื่อเดาออกว่าเฝิงเหล่าฮูหยินคิดอะไร จึงเอ่ยขึ้น “ที่เรือนของพวกเขาเกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนั้น ไม่นานญาติและคนในตระกูลก็ต้องมาถึง เมื่อนั้นก็จะมีพี่น้องอยู่ดูแลคุณหนูเซี่ยเอง เจียงซื่อ เรือนพวกเขาต้องจัดการงานศพเจ้าอย่าไปสร้างปัญหาเลย”
เจียงซื่อเลิกคิ้วขึ้น พลางส่งยิ้มเหมือนไม่ยิ้มให้เซียวซื่อ “อาสะใภ้รองเรียกสถานการณ์ที่เพื่อนตกอยู่ในความลำบากแล้วเราไปดูแลว่าสร้างปัญหาหรือ โชคดีนะที่ตอนพี่รองกลับเรือนมาตอนแรกข้าไม่ได้เสนอหน้าไปเจอนาง มิเช่นนั้นอาจจะไปสร้างปัญหาให้พี่รองได้”
นางอารมณ์ไม่ดี จึงตอบกลับเซียวซื่อไปอย่างไม่ไยดี
เซียวซื่อถูกเจียงซื่อพูดตอกหน้า สีหน้าจึงเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด “ซื่อเอ๋อร์ นี่เจ้าพูดอะไรกัน เจ้ากับเชี่ยนเอ๋อร์เป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้าไปหานาง นางก็ต้องดีใจสิ แต่คุณหนูเซี่ยนั้นไม่เหมือนกัน ทั้งลูกพี่ลูกน้องที่ไม่รู้ว่ามีเยอะมากเท่าไหร่ เจ้าไปก็ต้องมีคนต้อนรับ ถ้าไม่เรียกว่าสร้างปัญหาจะให้เรียกว่าอะไรกัน”
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกโมโหขึ้นมา ตอนที่เชี่ยนเอ๋อร์กลับเรือน พี่น้องที่อยู่ในเรือนต่างก็หลบหน้าหลบตากันหมด เจียงลี่กับเจียงเพ่ยสองคนนั้นเป็นเพราะนางชักสีหน้าใส่จึงรู้ว่าควรต้องไปหาเจียงเชี่ยน ส่วนเจียงซื่อกับเจียงเชี่ยวนั้นจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครไปหาเชี่ยนเอ๋อร์เลยสักครั้ง
พวกบ่าวรับใช้เลือกรับใช้นายจนชิน ยามนี้เชี่ยนเอ๋อร์ตกที่นั่งลำบาก นางผู้เป็นแม่ย่อมหวังว่าพี่น้องในจวนผู้เป็นเจ้านายจะแสดงท่าทางเป็นมิตรกับเชี่ยนเอ๋อร์ นางถึงจะได้สบายใจ
ไร้น้ำใจกับพี่น้องในเรือนขนาดนี้ แต่กับเด็กข้างบ้านกลับเอาใจใส่เพียงนี้ นางไม่มีทางให้เด็กคนนี้ได้ใจเด็ดขาด!
“เหล่าฮูหยิน เชี่ยนเอ๋อร์อับโชค ซื่อเอ๋อร์ก็เคยยกเลิกงานสมรส ตอนนี้ภายนอกต่างมีข่าวลือเกี่ยวกับสตรีในจวนของพวกเรามากมาย ถ้าให้ข้าพูดล่ะก็ ข้าว่าพวกเด็กสาวอยู่เงียบๆ และอย่าออกไปข้างนอกบ่อยๆ จะดีกว่า”
สิ่งที่เซียวซื่อพูดตรงกับความคิดในใจเฝิงเหล่าฮูหยินพอดี “อย่างที่อาสะใภ้รองของเจ้าพูดไม่ผิด ท่านพ่อของเจ้ากับอาสามล้วนไปช่วยแล้ว เจ้าเป็นเพียงสตรีนางหนึ่งไม่จำเป็นต้องไปหรอก”
เจียงซื่อก้มหน้าลงพลางยิ้มออกมา “หากจวนหย่งชังปั๋วมาเชิญข้าไปจะทำอย่างไร หากพวกเราปฏิเสธ ผู้อื่นก็จะรู้สึกว่าพวกเราเย็นชา ไร้น้ำใจ”
เฝิงเหล่าฮูหยินสนใจเรื่องชื่อเสียงเป็นที่สุด พอได้ยินจึงรีบพูดขึ้นทันที “หากอีกฝ่ายมาเชิญ แน่นอนว่าต้องไป”
ตอนนี้ที่จวนหย่งชังปั๋วเหลือบ่าวรับใช้เพียงแค่สองคน มัวแต่เสียใจคงไม่ทันการ แล้วจะส่งคนมารับเจียงซื่อได้อย่างไร
จากที่นางไตร่ตรอง เจียงซื่อคงจะอยากไปเอง ออกไปข้างนอกวันเว้นวัน ไม่มีระเบียบเลย
พอเฝิงเหล่าฮูหยินคิดถึงตรงนี้ ก็ยิ่งไม่พอใจเจียงซื่อยิ่งขึ้นไปอีก
หรือจะพูดได้ว่าผ่านเรื่องเจียงเชี่ยนมา นางล้วนไม่ถูกใจหลานสาวทั้งหมดเเลยก็ว่าได้
เด็กพวกนี้ไม่มีใครทำให้ภูมิใจได้เลย มีแต่สร้างปัญหาทั้งนั้น
“ซื่อเอ๋อร์ เจ้าออกไปก่อน ข้ายังมีเรื่องต้องรายงานให้เหล่าฮูหยินทราบ” เซียวซื่อยิ้มอย่างได้ใจ
ปากดีแล้วอย่างไร ไม่มีแม่คอยปกป้อง แม้จะได้รับความไม่เป็นธรรมก็ต้องจำยอม!
เจียงซื่อยิ้ม ย่อกายแล้วเดินออกไป
เจียงซื่อเพิ่งเดินออกไปได้ครู่เดียว สาวใช้ก็เข้ามารายงาน “เหล่าฮูหยิน แม่บ้านของจวนหย่งชังปั๋วมาขอพบเจ้าค่ะ”
————————-
[1] เซียงซื่อ 乡试 การสอบระดับเมือง มีจัดขึ้นทุก ๆ 3 ปี ณ เมืองหลวงของแต่ละมณฑล เนื่องจากการสอบมักจัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ชิวซื่อ” หรือการสอบในฤดูใบไม่ร่วง