บทที่ 55 ทำอะไร หยุดนะ

สะกิดหัวใจนายขี้เก๊ก

เมื่อกลางคืนมาเยี่ยมเยือน ผู้คนรอบข้างยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ

ณัฐณิชานั่งบนเก้าอี้หวายในสวนสาธารณะ กำกระเป๋าใบเล็กของตัวเองแน่น แม้ตอนนี้เข้าฤดูร้อนแล้ว แต่เมื่อกลางคืนมาถึง ก็ยังหนาวเย็นอยู่มาก

“กุกกักๆๆ……”

ไม่รู้ว่าที่ด้านหลังสวนสาธารณะมีป่าเล็กๆ ไม่รู้ว่าเสียงร้องของสัตว์อะไรดังมา ณัฐณิชาอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น

เมื่อยังเด็กเธอกล้าหาญมาก ยิ่งบวกกับตอนนี้ที่กำลังค่อนข้างเศร้า ยิ่งไม่กลัวอะไรแล้ว

อดไม่ได้ที่จะเดินตามเสียงไปข้างหลัง เห็นในป่ามืดมิด มีกลิ่นน่าสยดสยองภายใต้แสงยามค่ำคืน

“สาวน้อย มานี่มา……ลุงจะดูแลเธออย่างดี ไม่ต้องเป็นห่วง……”

“ขี้อายจังนะ เลิกซ่อนได้แล้ว……ตอนนี้ไม่มีใครมาช่วยเธอได้หรอก! มาให้ความสุขลุงดีๆ ดีกว่า!”

ทันใดนั้นน้ำเสียงคุกคามของผู้ชายก็ดังขึ้นเป็นการเตือนสติณัฐณิชาให้ระวังตัว ดูเหมือนว่าข้างในมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังร้องไห้ ตอนนั้นเธอโมโหมาก

กลางวันแสกๆ ——โอ้ไม่สิ ต่อให้ตอนนี้ค่ำมืดแล้ว ก็ไม่สามารถฉุดคร่าผู้หญิงได้หรือเปล่า

ณัฐณิชาทิ้งความคับข้องใจของวันนี้ไว้ข้างหลังทันที สัมผัสรองเท้าส้นสูงในกระเป๋า ——ช่วงบ่ายตอนที่เธอหนีออกมาจากแกรนด์อิมพีเรียลกรุ๊ปโดยยังใส่รองเท้าส้นสูง นึกภาพออกเลยว่าตอนนั้นที่วิ่งตุปัดตุเป๋หนีออกมานั้นมันน่าอายเพียงใด

แต่โชคดีที่ณัฐณิชายังพอมีสติ เอากระเป๋าของตัวเองหนีมาด้วย ดังนั้นหลังจากออกมาจึงซื้อรองเท้าผ้าใบทันที

เวลานี้เธอเหมือนปลาไหลที่เจ้าเล่ห์ ค่อยๆ ไถลเข้าไปใกล้

แสงจันทร์รอดผ่านช่องว่างระหว่างต้นไม้ตกกระทบคนสองคน หนึ่งในนั้นคือตาลุงลามกสภาพโกโรโกโส ดูเหมือนอายุประมาณสามสิบ หนวดเคราเฟิ้ม บนใบหน้ามีรอยยิ้มหื่นกามไม่หยุด ค่อยๆ เข้าใกล้ผู้หญิง

อีกคนคือสาวน้อยที่อายุไม่เกินยี่สิบ ใส่กางเกงยีนส์ขาดๆ แต่งตัวเป็นวัยรุ่นใจแตก

ณัฐณิชาสูดมุมปาก ประมวลผลในสมองอย่างรวดเร็ว คิดหาทางออก

“กรี๊ด แกอย่าเข้ามา……ถ้าแกเข้ามา ฉันจะตายต่อหน้าแก!” น้ำเสียงของหญิงสาวไพเราะราวกับนกขมิ้น

ผู้ชายเผยฟันเหลือง “สาว เธอร้อนแรงนะ พี่ชอบเธอที่เผ็ดๆ แบบนี้แหละ! มาเถอะ……”

ผู้ชายเดินหน้าต่อ พุ่งจู่โจมใส่ผู้หญิง!

“กรี๊ดดดดด”

ทันใดนั้นผู้หญิงก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ณัฐณิชาช็อคจนขวัญหาย เธอรีบฉวยโอกาสตีหัวผู้ชายคนนั้น ——

“โอ๊ย! ใครแม่งตีหัวกู!”

“ไปเร็ว!” ณัฐณิชาโยนรองเท้าส้นสูงทิ้ง จากนั้นก็จับมือเด็กสาววิ่งหนีไม่คิดชีวิต เธอจำได้ว่าด้านขวาของสวนสาธารณะเป็นถนนขายของกินเล่นที่พลุกพล่าน เมื่อวิ่งไปถึงที่นั่นจะมีคนมากมาย ตาลุงนี่ยังไงก็ไม่กล้าไป

สองสาววิ่งไปอย่างหอบเหนื่อย ข้างหลังมีเสียงตะโกนด่าของผู้ชายดังมา ไม่นาน เด็กสาวก็หมดลม กุมหน้าอกหายใจหอบ “ฉัน ฉันวิ่งไม่ไหวแล้ว……”

“ลุกขึ้นมา”

ณัฐณิชาขมวดคิ้ว ดึงแขนเด็กสาวกำลังจะลากไป ตรงนี้อยู่ห่างไกลเกินไป ถ้าคนคนนั้นมีพวกด้วย พาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ในวันพรุ่งนี้จะต้องเป็นการฆาตกรรมเด็กสาวคนหนึ่งอย่างโหดร้ายแน่

ณัฐณิชาเห็นคนจำพวกนี้ตั้งแต่ยังเด็ก ในจิตใจพวกเขาไม่มีความเมตตา ไร้มนุษยธรรม

เธอดึงแขนของเด็กหญิงและจะลากเธอออกไป ทันใดนั้นเสียงตะโกนก็ดังขึ้นด้านหลัง “นี่ ทำอะไร หยุดนะ!”