บทที่ 38 ฉันตายไปแล้วเหรอ

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

หน้าประตูคฤหาสน์ที่คุ้นเคย เฉินฮวนฮวนเอื้อมมือไปกดกริ่ง

รหัสผ่านประตูถูกเปลี่ยนแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเข้าไปได้ เธอทำได้เพียงกดกริ่งเท่านั้น

ไฟในคฤหาสน์ยังเปิดอยู่ ดังนั้นต้องมีคนอยู่ในบ้านอย่างแน่นอน

ตามที่คาดไว้ ผ่านไปไม่ไม่นานนัก เฉินเหม่ยเจวียนที่อยู่ในชุดเดรสกำมะหยี่ ท่วงท่าที่ยักย้ายบิดสะโพกอย่างติดจริตของเธอกำลังเดินเข้ามาหาเฉินฮวนฮวน

“โอ้ นี่นายหญิงของตระกูลเฟิงใช่ไหม ทำไมวันนี้ถึงมีเวลากลับมาบ้านได้ล่ะ” เฉินเหม่ยเจวียนกลอกตา และกล่าวอย่างไม่จริงใจนัก

  

“เฉินเหม่ยเจวียน เฉินเจี้ยนหมินอยู่บ้านหรือเปล่า ให้เขาออกมาพบฉัน!” เฉินฮวนฮวนไม่มีเรี่ยวแรงมากนัก เธอแทบจะแผดเสียงลั่นอย่างสุดกำลัง

  

“เฉินฮวนฮวน ตั้งแต่เธอเป็นคางคกขึ้นวอ คำพูดคำจาไม่เหมือนเดิมเลยนะ ไม่คิดว่าเธอจะกล้าเรียกชื่อของพ่อตัวเอง เธอไม่มีความกตัญญูสักนิดเลยจริงๆ !” เฉินเหม่ยเจวียนตบปากเธอ เผยให้เห็นท่าทีเหยียดหยาม

  

“พ่อของฉัน? เขามีคุณสมบัติที่จะเป็นพ่อด้วยเหรอ” เมื่อนึกถึงเฉินเจี้ยนหมินที่หลอกเธอ ขายเธอราวกับเป็นสินค้า เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกว่าร่างของเธอใกล้จะระเบิดเต็มที

  

ในเวลานี้เอง แสงไฟสาดส่องเข้ามาแต่ไกล จากนั้น รถคันหนึ่งก็มาจอดอยู่หน้าประตูคฤหาสน์

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนพร่ามัวไปชั่วขณะ เธอจำได้ว่ารถคันนี้เป็นของเหยี่ยจิ่งเฉิน ตอนนี้เอง เหยี่ยจิ่งเฉินและเฉินซิวโหรวกำลังนั่งอยู่ในรถ

  

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนอยู่ตรงนั้น เฉินซินโหรวก็ลงจากรถทันที เมื่อนึกถึงชานมเหนียวเหนียวที่เลอะตัวเองเมื่อวาน เธอก็ถลาเข้าไปตบหน้าเฉินฮวนฮวนด้วยความโกรธแค้น

  

เสียง “เพียะ!” ดังขึ้นสนั่น

เดิมทีเฉินฮวนฮวนมีไข้อยู่แล้ว หัวสมองของเธอรู้สึกมึนงง การตอบสนองค่อนข้างช้า ขณะที่เธอถูกซินโหรวตบ เธอยังไม่ทันตอบสนองอะไร

ในเวลานี้ เธอรู้สึกว่ามีเสียงหึ่งๆ ดังอื้ออึงในหู และปวดแสบปวดร้อนที่แก้มของเธอ

“นังตัวแสบ ใครให้เธอกล้ากับฉันแบบนี้! ไม่คิดว่าเมื่อวานเธอจะกล้าเทชานมใส่ฉัน!” จนกระทั่งตอนนี้อารมณ์กรุ่นโกรธของเฉินซินโหรวก็ยังไม่จางหาย

ถ้าเมื่อวานไม่อยู่ในที่สาธารณะอย่างร้านชานม เธอกลัวจะถูกคนอื่นเห็น ไม่อย่างนั้นเธอคงจะถลาไปฉีกกระชากเฉินฮวนฮวนออกเป็นชิ้นๆ นานแล้ว

อดใจรอไม่ไหวแล้ว!

  

“ซินโหรว ลูกว่าอะไรนะ เฉินฮวนฮวนเทชานมใส่ลูก?” เนื่องจากเมื่อคืนเฉินซินโหรวไม่ได้กลับมา ดังนั้นเฉินเหม่ยเจวียนจึงไม่รู้เรื่องนี้

เสียง “เพียง!” ดังขึ้น

  

เฉินซินโหรวยังไม่ทันได้เอ่ยตอบแม่ของเธอ ใบหน้าของเธอก็ถูกตบจนหันไปอีกด้าน เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ และหันกลับมาทันที

  

“เฉินฮวนฮวน เธอกลับตบฉันเหรอ!” เฉินซินโหรวร้องขึ้นเสียงแหลม

  

“ฉันก็ตบเธอไง!” เฉินฮวนฮวนรู้สึกเวียนศรีษะมาก ทว่าเธอยังคงแข็งใจเอาไว้ และตะโกนใส่หญิงสาวตรงหน้า

  

ในตอนนี้เอง ประตูก็เปิดออก เฉินเหม่ยเจวียนพรวดพราดเข้ามาหาเธอและผลักเธอลงไปกองที่พื้น

  

เฉินฮวนฮวนรู้สึกตรงหน้าเธอเป็นภาพทับซ้อน ราวกับทุกอย่างรอบตัวเธอพร่ามัวไปหมด

จากนั้น ร่างกายของเธอก็ถูกเตะอย่างแรง ราวกับกระดูกจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

  

“คุณน้า หยุดเตะได้แล้วครับ ถ้าเตะอีกถึงตายเลยนะ!” เหยี่ยจิ่งเฉินห้ามการกระทำของเฉินเหม่ยเจวียน

  

“อาเฉิน ซินโหรวของพวกเรารักเธอจนสุดหัวใจ ถ้าตอนนี้เธอยังทำให้ซินโหรวเสียใจ เธอมันก็ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีแล้วจริงๆ ! เธอไม่เห็นเหรอว่า เมื่อกี้เฉินฮวนฮวนรังแกซินโหรวยังไง มันไม่เพียงแต่ตบซินโหรว ยังเทชานมใส่อีก มันก็สมควรตาย!” เฉินเหม่ยเจวียนเตะเฉินฮวนฮวน พร้อมกับกล่าวสั่งสอนเหยี่ยจิ่งเฉิน

คิ้วของเหยี่ยจิ่งเฉินขมวดเข้าหากันแน่น มองเฉินฮวนฮวนที่กำลังนอนอยู่บนพื้น ทว่าภายในใจกลับมีความรู้สึกที่พูดไม่ออก

  

เฉินฮวนฮวนได้ยินการสนทนาของพวกเขา ทว่าเธอไม่มีเรี่ยวแรงต่อต้านเลยสักนิด เธอรู้สึกเพียงภาพตรงหน้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ดูเหมือนเธอจะค่อยๆ ไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว

ไม่ไกลนัก รถเก๋งสีดำเรียบหรูคันหนึ่งค่อยๆ เคลื่อนตัวใกล้เข้ามา

เมื่อเห็นหญิงสาวคนนั้นนอนอยู่บนพื้น เขาดันกรอบแว่นสีทองขึ้น คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันอย่างห้ามไม่ได้ จากนั้นเขาก็เหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ

ผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงดูคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

แม้ว่าเขาจะคิดไม่ออกว่า ผู้หญิงที่นอนอยู่บนพื้นเป็นใครกันแน่ ทว่าเวลากลางวันแสกๆ คนสามคนรังแกผู้หญิงอ่อนแอคนเดียว เขาในฐานะหมอจึงทนดูไม่ไหวอีกแล้ว

หรงจิ่นซิวเปิดประตูลงจากรถ และเดินไปทางเฉินเหม่ยเจวียน รังสีความน่าเกรงขามของเขา ทำให้เฉินเหม่ยเจวียนแทบไม่กล้าขยับเท้า

“ปล่อยเธอ!” เสียงเย็นของเขาตะโกนใส่หญิงวัยกลางคนตรงหน้า

  

“คุณเป็นใคร” เมื่อเฉินเหม่ยเจวียนตั้งสติกลับมาได้ เธอก็โต้กลับอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่เป็นเรื่องในครอบครัวเรา ไม่เกี่ยวกับคุณ!”

“พวกคุณกำลังทำผิดกฎหมายนะ ถ้าเด็กผู้หญิงคนนี้ทำอะไรผิด ก็มีกฎหมายลงโทษเธอ แทนที่พวกคุณจะทำแบบนี้ สิ่งที่พวกคุณทำเมื่อสักครู่นี้ ผมเรียกตำรวจมาจัดการได้นะ” หรงจิ่นซิวกล่าวอย่างเคร่งขรึม ดวงตาภายใต้กรอบแว่นสีทองคู่นั้น เต็มไปด้วยความเฉียบคม

  

“คุณเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาก้าวก่ายขนาดนี้ หรือว่าคุณเป็นชู้ของเฉินฮวนฮวน” เฉินเหม่ยเจวียนเอ่ยขึ้นหยาบคาย

  

“เฉินฮวนฮวน?” หรงจิ่นซิวคิดครู่หนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นภรรยาของเฟิงหานชวนคนนั้น

  

ทำไมถึงมานอนอยู่ตรงนี้ ถูกคนทุบตีเหรอ

  

“คุณไม่รู้จักเธอเหรอ คุณแค่ผ่านมาช่วย? ฉันจะบอกคุณให้นะ พวกเราคือตระกูลเฉิน ประธานของบริษัทเฉินซื่อกรุ๊ปคือสามีของฉันเอง คุณควรรู้บ้างนะว่าอะไรควรไม่ควร หลีกไปให้พ้น!” เฉินเหม่ยเจวียนพับเสื้อขึ้น ยกเท้าขึ้นจะถีบเฉินฮวนฮวนต่อ

หรงจิ่นซิวเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ แค่คิดว่าคำขู่ของเธอช่างน่าขันเหลือเกิน

“ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงปากคอเราะร้ายแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ” เขาก้าวไปประชิดเธอสองก้าว

เฉินเหม่ยเจวียนรู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก เธอถอยไปด้านข้าง ในตอนนั้นเอง เฉินซินโหรวก้าวออกมาชี้เขาแล้วถามขึ้นว่า “คุณเป็นใครกันแน่ นี่เป็นเรื่องของครอบครัวเรานะ คุณมีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องของชาวบ้าน”

“กระผมเดินไม่ยอมเปลี่ยนชื่อ นั่งไม่ยอมเปลี่ยนแซ่* รองผู้อำนวยการของโรงพยาบาลรุ่ยเอิน หรงจิ่นซิว” หรงจิ่นซิวดันแว่นตาขึ้น ดวงตาของเขาทอประกายวูบหนึ่ง

ทันใดนั้น เฉินเหม่ยเจวียนกลั้วหัวเราะจนท้องแข็ง และกล่าวเย้ยหยัน “แค่รองผู้อำนวยการไม่ใช่เหรอ ไปอวดดีกับผีสิ!”

ในตอนนี้เอง เหยี่ยจิ่งเฉินรีบดึงเฉินเหม่ยเจวียนออกไป เขาเดินเข้าไปหาหรงจิ่นซิวด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ขอโทษด้วยนะครับ รองประธานหรง เรื่องขัดแย้งภายในบ้านของพวกเขา ตบตีกันแค่เดี๋ยวเดียวเองครับ”

เหยี่ยจิ่งเฉินเคยได้ยินชื่อของหรงซิวจิ่นมาก่อน ลูกชายคนที่สองของตระกูลหรง เขามีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม และเชี่ยวชาญด้านการแพทย์

เบื้องหลังของหรงจิ่นซิว ไม่เพียงแต่โรงพยาบาลรุ่ยเอิน แต่ยังรวมถึงตระกูลหรงทั้งเมืองเป่ยเฉิงทั้งหมดด้วย

  

“พ่อหนุ่มรู้จักฉันเหรอ ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกคุณ ผมจะพาเด็กคนนี้ไป” เมื่อหรงจิ่นซิ่วพูดจบ เขาก็ย่อตัวลงนั่งยอง มองหญิงสาวที่นอนอยู่บนพื้น และตบแก้มเธอเบาๆ

สติของเฉินฮวนฮวนเลือนรางเต็มที เธอรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกาย และยังได้ยินเสียงแว่วๆ ว่าใครสักคนกำลังเรียกชื่อเธอ

“เฉินฮวนฮวน เฉินฮวนฮวน คุณตื่นสิ…”

คิ้วของเฉินฮวนฮวนขมวดเข้าหากัน เสียงนี้ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน ใครกำลังเรียกเธอกัน

เธอพยายามปรือตาขึ้น ภาพตรงหน้าช่างดูพร่ามัวไปหมด ทว่าไม่นานใบหน้าของชายแปลกหน้าก็ปรากฏขึ้น

เขาสวมแว่นตากรอบสีทอง หน้าตาหล่อเหลามาก แต่ว่า ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน

หรือว่า พระเจ้าพาเธอไปสวรรค์แล้วอย่างนั้นเหรอ

  

“ฉัน…ฉันตายไปแล้วเหรอ”

หลังจากถามประโยคนี้จบ เฉินฮวนฮวนก็หมดสติไป

“在下行不更名坐不改姓” *เดินไม่ยอมเปลี่ยนชื่อ นั่งไม่ยอมเปลี่ยนแซ่ หมายถึง ภาคภูมิใจในตัวเอง กล้าเปิดเผยตัวเองอย่างองอาจ ไม่หลบซ่อนชื่อเสียงเรียงนามของตนเอง