“อา! อา…ชิ่ว…”
ทันทีที่เฉินฮวนฮวนพูดประโยคนั้นจบ จากนั้นเสียงจามก็ดังลั่นไปทั่วห้อง
อีกทั้งเสียงจามนี้ก็ดังเสียจนน้ำมูกของเธอกระเด็น และน้ำลายก็กระเด็นใส่หน้าของเฟิงหานชวน
เฉินฮวนฮวนยืนนิ่งเป็นหินไปแล้ว และเฟิงหานชวนก็นิ่งเป็นหินไปแล้วเช่นเดียวกัน
“อ่า…” เมื่อเฉินฮวนฮวนได้สติกลับมา เธอปิดจมูกและปากทันที ก่อนจะกรีดร้องเสียงแหลม
หลังจากนั้น เธอรีบหันกลับไปเปิดประตู และรีบวิ่งออกไปพร้อมกับเสียงเอะอะโวยวาย
เมื่อกลับมาที่ห้อง หัวใจของเฉินฮวนฮวนเต้นโครมคราม ใจสั่นราวกับจะหลุดออกมาข้างนอก
เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่า ช่วงเวลาสำคัญเช่นนั้น เธอจะควบคุมตัวเองไม่ได้ และจามเสียงดังอย่างนั้น
จามไปแล้วก็ช่างเถอะ แต่เธอนึกไม่ถึงว่า…น้ำมูกจะกระเด็นออกมา
เฉินฮวนฮวนรีบเข้าไปในห้องน้ำ ยืนอยู่หน้ากระจกตรงอ่างล้างมือ เธอยกมือขึ้นปิดจมูก น้ำมูกสีเหลืองยังคงไหลย้อยออกจากรูจมูกของเธอ
“ฮือ…” เฉินฮวนฮวนอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา
เธอไม่คิดเลยว่า ช่วงเวลาสำคัญเช่นนั้นจะเกิดเรื่องน่าอายเช่นนี้
เธอหยิบกระดาษทิชชู่มา แล้วรีบเช็ดน้ำมูกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก้มลงล้างหน้าด้วยน้ำเย็น
หลังจากเช็ดทำความสะอาดเสร็จ มองตัวเองที่สะอาดแล้วอยู่หน้ากระจก เธอก็เกาศีรษะด้วยความหงุดหงิด
ตอนนี้ เธอไม่รู้จะเผชิญหน้ากับเฟิงหานชวนอย่างไร
อีกอย่าง เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนเป็นพวกรักความสะอาดมาก น้ำลายของเธอกระเด็นใส่หน้าเฟิงหานชวน นี่…
เฉินฮวนฮวนไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำอย่างไร หัวสมองของเธอว่างเปล่า จากนั้นเธอก็เดินกลับเข้ามาในห้อง
เมื่อคิดอยู่สักครู่ เธอก็สูดหายใจเข้าลึกแล้วออกจากห้อง ทว่ากลับต้องชะงักฝีเท้าลงทันที
เฟิงหานชวนก็เพิ่งเปิดประตูออกมาพอดี
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว สีหน้าของเขาเรียกได้ว่าดูไม่ดีเอาเสียเลย ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ
“อาสาม ฉัน…” เฉินฮวนฮวนย่างเท้าเข้าไปหาเขา
ทว่า เฟิงหานชวนไม่ได้ตอบสนองอะไร เขาเดินตรงไปที่บันได เพื่อหลีกเลี่ยงเฉินฮวนฮวน
เฉินฮวนฮวนนิ่งไปครู่หนึ่ง หลังจากตั้งสติกลับมาได้ เธอก็รีบลงไปชั้นล่าง และเดินตรงไปที่ห้องอาหาร
เฟิงหานชวนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เขายังคงนั่งอยู่ตำแหน่งเดิมที่เคยนั่ง เขาแค่ไม่ได้มองที่เธอเลย
เฉินฮวนฮวนนั่งลงตรงข้ามเขา มือเล็กๆ ทั้งสองข้างบีบเข้าหากันแน่น เธอเหลือบมองเฟิงหานชวนอยู่บ่อยๆ ทว่าชายหนุ่มไม่แม้แต่จะปลายตามองเธอเลยแม้แต่น้อย
น้ำมูกของเธอ ทำให้เขาไม่อยากเจอเธออีกหรือเปล่า หรือเป็นน้ำลายของเธอ ทำให้เขาไม่อยากเจออีก
ตอนนี้เฟิงหานชวนหมดความสนใจในตัวเธอแล้วหรือยัง
“อา…อาชิ่ว…” ขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังคิดเรื่องนี้ เธอก็จามออกมาอีกอย่างห้ามไม่ได้
คราวนี้เธอมีประสบการณ์แล้ว เธอรีบหันหน้าหนีไปอีกด้านแล้วจามออกมา ไม่ได้กระเด็นใส่หน้าเฟิงหานชวนอีก
หลังจากจามแล้ว เธอก็รู้สึกคอแห้งเล็กน้อย เธอจึงไอขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
เมื่อคืนเธอเผลอหลับไปบนพื้นแล้วก็คงเป็นหวัด ดังนั้นเช้านี้เธอถึงได้จามและไอเช่นนี้
แม้ว่าเฟิงหานชวนเหมือนไม่ได้มองเฉินฮวนฮวนอยู่ก็ตาม ทว่าความจริงเขากลับแอบสังเกตเฉินฮวนฮวน เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้แสดงได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
“แค่กๆๆ…” เฉินฮวนฮวนกลั้นเอาไว้ไม่ไหว แล้วก็ไอขึ้นมาหลายครั้ง
เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเข้าหากัน เสียงเย็นของเขาตวาดขึ้น “หุบปาก ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว!”
เขามองไม่ออกจริงๆ ผู้หญิงคนนี้กำลังเล่นลวดลายอะไรอยู่กันแน่!
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ!
“ฉัน…” เฉินฮวนฮวนกำลังจะเอ่ยอธิบาย ทว่าเธอเริ่มรู้สึกคันคอขึ้นมาอีก เธอทำได้เพียงกลั้นอาการอยากไอเอาไว้ และยื่นมือขึ้นมาบีบคลึงคอของตัวเอง
ตลอดมื้อเช้า เฉินฮวนฮวนแทบอดกลั้นไว้ไม่ไหว
เมื่อวางตะเกียบลง เดิมทีเธออยากจะออกไปทันที แต่ราวกับคิดอะไรบางอย่างได้ เธอจึงรีบวิ่งไปหาแม่บ้านหลี่ในห้องครัว
“แม่บ้านหลี่ คุณเห็นชุดนอนของฉันที่ตากอยู่ตรงระเบียงไหมคะ ชุดนอนลูกไม้สีขาว” เมื่อคืนเธอหาชุดนอนตัวเก่าไม่เจอ เพราะเธอไม่อยากรบกวนแม่บ้านหลี่ตอนกลางคืน เธอจึงไม่ได้ไปถามแม่บ้านหลี่
“ชุดนั้นเก่าเกินไปแล้วค่ะ นายท่านให้คนส่งชุดใหม่มาหลายชุดเลย ฉันเอาไปวางในตู้เสื้อผ้าของคุณแล้ว เมื่อคืนคุณใส่หรือยังคะ” แม่บ้านหลี่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“อา เมื่อคืนฉันใส่ไปแล้วชุดหนึ่งค่ะ แม่บ้านหลี่ ชุดนอนตัวเก่าของฉัน คุณเอาไปวางไว้ที่ไหนเหรอคะ” เฉินฮวนฮวนยังคงถามไม่หยุด
แม่บ้านหลี่กลอกตา สุดท้ายเธอก็เอ่ยตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ “เอ่อ…นายท่านให้พวกเราเอาไปทิ้งแล้วค่ะ บอกว่าในฐานะที่คุณเป็นนายหญิงของตระกูลเฟิง จะใส่เสื้อผ้าเก่าๆ แบบนั้นไม่ได้แล้ว”
“แบบนี้นี่เอง…” เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะด้วยความประหม่า เพียงยอมรับว่าตัวเองโชคไม่ดีเข้าแล้ว
เธอกำลังจะไปจากบ้านของตระกูลเฟิงแล้ว เสื้อผ้าเหล่านี้ที่ตระกูลเฟิงซื้อให้เธอ เธอก็ไม่สามารถเอาไปด้วยได้
ดังนั้น ชุดนอนของเธอหายไปหนึ่งชุด เธอต้องซื้อใหม่อีก ช่างปวดใจเสียเหลือเกิน
เดี๋ยวก่อน…จู่ๆ เฉินฮวนฮวนก็ฉุกคิดคำถามขึ้นมา
“แม่บ้านหลี่ เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดถึงนายท่าน? นายท่านของตระกูลเฟิงกลับมาแล้วอย่างนั้นเหรอ” เธอรีบถามขึ้น
“ยังเลยค่ะ นายท่านให้พวกเรารายงานเรื่องของคุณ ดังนั้นท่านถึงได้รู้เรื่องของคุณอย่างละเอียด” แม่บ้านหลี่ยังคงตอบคำถามด้วยรอยยิ้มจนตาหยี
“ค่ะ” เฉินฮวนฮวนเพียงพยักหน้า
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เธอคิดว่านายท่านของตระกูลเฟิงกลับมาแล้วเสียอีก
“ฮวนฮวน คุณอยากเจอนายท่านมากเลยเหรอคะ นายท่านบอกว่า ท่านก็อยากเจอคุณมากเลยค่ะ!” แม่บ้านหลี่จับมือของเฉินฮวนฮวน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
เฉินฮวนฮวนไม่รู้ควรตอบอย่างไร เธอยังคงพยักหน้าอย่างเงียบๆ
หลังจากกล่าวลากับแม่บ้านหลี่ เฉินฮวนฮวนก็สะพายกระเป๋าเป้เดินออกไปข้างนอก และเดินไปตามริมถนนเพื่อไปยังป้ายรถเมล์
เธอรู้สึกคัดจมูก และเวียนศีรษะเล็กน้อย แต่เธอยังยืนกรานจะเดินต่อไปข้างหน้า
เวลานี้เอง รถคันหนึ่งวิ่งผ่านเธอไปอย่างรวดเร็วราวลมกรรโชก
เมื่อเธอตั้งสติกลับมาได้ พบว่ารถคันนั้นเป็นของเฟิงหานชวน และรถคันนั้นก็หายวับไปกับตาแล้ว
เมื่อนึกถึงเรื่องของทั้งสองคนเมื่อคืนและเรื่องน่าอับอายที่เกิดขึ้นตอนเช้า เฉินฮวนฮวนหยุดฝีเท้าลง สีหน้ายุ่งเหยิงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
ตอนนี้เฟิงหานชวนต้องรังเกียจเธอมากอย่างแน่นอน เธอควรทำอย่างไรดี
หากเธอขอความช่วยเหลือจากเขาโดยตรง เขาคงไม่สนใจเธอแน่นอน ถ้าเธอเป็นฝ่ายอุทิศตัวให้กับเขาก่อน เฟิงหานชวนอาจจะไม่สนใจในตัวเธออีกต่อไป
สุดท้าย เธอที่อยู่ในความทรงจำของเขาตอนนี้ ต้องเป็นหนอนน้ำมูกตัวหนึ่งอย่างแน่นอน
เฉินฮวนฮวนขยุ้มเส้นผมตัวเองแรงๆ ด้วยความรู้สึกมึนศีรษะ
……
การเรียนของวันสิ้นสุดลงแล้ว เฉินฮวนฮวนแทบจะไม่รู้สึกตัวแล้ว
เมื่อเธอตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ ท้องฟ้าข้างนอกก็มืดลงแล้ว
เธอรีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว เธอถึงได้รู้ว่าเพิ่งเลิกเรียนไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ห้องเดียวกันต่างหายกันไปหมดแล้ว มีเพียงเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่รู้จักสองสามคนกำลังทบทวนบทเรียนอยู่ที่นี่
โชคดีที่วันนี้เธอลาหยุดกับจินตั่วแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องไปร้านชานม
เฉินฮวนฮวนรีบเก็บของลงกระเป๋า และเตรียมไปบ้านของตระกูลเฉิน
หนอนน้ำมูก หมายถึง ทาก คนจีนเห็นว่ารูปร่างของทากคล้ายกับน้ำมูก จึงเรียกมันว่า “ปี๋ตี้ฉง” (鼻涕虫) หมายถึง หนอนน้ำมูก และยังใช้คำนี้เรียกคนที่มีอาการน้ำมูกไหลอีกด้วย