บทที่ 36 เขาสงสารเฉินฮวนฮวนเหรอ

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

อิริยาบถเช่นนี้ เหมือนกับตอนที่อยู่ในห้องเก็บของคืนนั้นทุกอย่าง

ทันใดนั้น ความทรงจำในคืนนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว

ความหวาดกลัว ความหวาดระแวง ความสิ้นหวัง ความรู้สึกที่หมดสิ้นหนทางพลันแผ่ซ่านไปทั้งร่างทันที

ฝ่ามือใหญ่เย็นเฉียบสัมผัสกับผิวของเธอ เฉินฮวนฮวนก็ร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินเสียงร้องไห้ของหญิงสาว เขาชะงักมือทันที คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความงงงวย

ผู้หญิงคนนี้ คิดจะทำอะไรอีก

ทว่าเขายังคิดไม่ออก เฉินฮวนฮวนก็หันกลับมาแล้วผลักเขาออกไป ก่อนจะเปิดประตูรีบวิ่งหนีไป

เมื่อมองไปที่ประตูที่เปิดอยู่ สีหน้าของเฟิงหานชวนมืดครึ้มอย่างถึงที่สุด

เฉินฮวนฮวนกลับมาที่ห้องข้างๆ

แผ่นหลังของเธอพิงบานประตูแล้วค่อยๆ ลดเลื่อนลงมา ร่างทั้งร่างทรุดตัวลงนั่งกับพื้น

สองมือของเธอกอดขาทั้งสองข้างของตัวเองไว้ขณะร้องไห้ ร่างทั้งร่างกำลังสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

ภาพฝันร้ายในคืนนั้นฉายขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ผู้ชายคนนั้นปะทะเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ราวกับเธอเป็นเพียงลูกแกะที่โดนข่มเหงรังแก

อีกอย่างผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่ชื่อหลิวตงรุ่ย เธอไม่รู้ว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เธอรู้ว่าเขากำลังตามหาเธอ

เขามีสร้อยคอของคุณแม่เธออยู่ในมือ จุดประสงค์ที่เขาต้องการตามหาเธอ เขาอาจจะตั้งใจเก็บเธอไว้…เฉินฮวนฮวนหลับตาแน่น ไม่กล้าคิดเรื่องนี้อีกต่อไป

เหมือนที่หลิ่วเยว่เอ่อร์บอก เธอควรเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ ไม่ต้องพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว แต่สร้อยคอของคุณแม่ควรทำอย่างไรล่ะ

นั่นเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่คุณแม่ของเธอทิ้งไว้ให้

บางทีถ้าเธอทำให้เฟิงหานชวนพอใจ เธอสามารถขอความช่วยเหลือจากเฟิงหานชวนได้ ทว่าตอนนี้เธอกลัว เธอจึงหนีออกมาจากห้องของเขา

เธอกอดตัวเองไว้แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงเบา น้ำตาไหลออกจากหางตาไม่ขาดสาย หยดน้ำตาไหลลงมาตามร่างกายจนแทบเปียกชุ่มไปทั่วทุกตารางนิ้ว

เมื่อเฟิงหานชวนเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู ทว่าเขากลับได้ยินเสียงร้องไห้ของหญิงสาว และเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด

คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเป็นรอยกดลึก อารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้าของเขา ทั้งรังเกียจทั้งสับสน

ผู้หญิงที่สมควรตายคนนี้ เริ่มเป็นฝ่ายมายั่วเขาก่อน ตอนนี้แสร้งทำเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำ เธอกำลังเล่นลูกไม้อะไรใส่เขากันแน่

แต่ไม่รู้ว่าทำไม บางทีนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ไม่คิดว่าเขาจะเป็นห่วงเฉินฮวนฮวนขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล

เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่

เขาทำเรื่องเกินเลยกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ไปแล้ว เขาควรสงสารหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ใช่เหรอ ทำไมเขารู้สึกสงสารเฉินฮวนฮวน

เดิมทีเฟิงหานชวนคิดจะพังประตูเข้าไปถามเฉินฮวนฮวน ทว่ามือของเขากลับคลายลงอย่างช้าๆ จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลับแล้วกลับไปที่ห้องรับแขก

เฉินฮวนฮวนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากความเหน็บหนาว

เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นว่าฟ้าสางแล้ว เธอพบว่าเมื่อคืนตัวเองร้องไห้อยู่ดีๆ ไม่คิดว่าจะหลับไปบนพื้นอย่างนั้น

เธอรู้สึกหนาวยะเยือกไปทั้งร่าง เธอลุกขึ้นจากพื้นด้วยร่างที่สั่นเทา จากนั้นเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่

หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย เธอซวนเซถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วนั่งลงบนขอบเตียง ใบหน้าของเธอขาวซีด และสีหน้าก็ดูมึนงงมาก

เมื่อคืน เธอวิ่งหนีกลับมาแบบนี้ เฟิงหานชวนต้องโกรธอย่างแน่นอน

ต่อจากนี้ เธอจะเผชิญหน้ากับเฟิงหานชวนอย่างไร

ไม่รู้ว่าตอนนี้เฟิงหานชวนตื่นหรือยัง ไม่เช่นนั้น เธอจะไปขอโทษเฟิงหานชวน!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินฮวนฮวนก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปล้างหน้าบ้วนปากในห้องน้ำ หลังจากนั้นก็รีบไปที่หน้าประตูของห้องข้างๆ

เธอเกรงว่าจะรบกวนเฟิงหานชวน เธอจึงเอาหูแนบบานประตูเพื่อฟังว่าข้างในมีความเคลื่อนไหวหรือไม่ หากไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร นั่นแสดงว่าเฟิงหานชวนยังไม่ตื่น

“เธอกำลังทำอะไร”

ทันใดนั้นเอง เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังมาจากด้านหลัง

ทันทีที่เฉินฮวนฮวนหันหน้าไปก็พบกับดวงตาสีดำขลับคู่หนึ่ง ใบหน้าของชายหนุ่มอึมครึมถึงขีดสุด ทำให้เธอรู้สึกหนาวสั่นอย่างอดไม่ได้

“อา อาสาม” เฉินฮวนฮวนเอ่ยเรียกเขาอย่างตะกุกตะกัก

ใบหน้าของเฟิงหานชวนเรียบนิ่ง ไม่ตอบอะไรแม้แต่คำเดียว เขาเดินเลี่ยงเฉินฮวนฮวน และเปิดประตูเดินเข้าห้องไป

ไม่รอให้เฉินฮวนฮวนพูดต่อ ประตูก็ถูกปิดลงทันที

เฉินฮวนฮวนมองออกว่า เฟิงหานชวนโกรธจริงๆ แล้ว และโกรธมากด้วย

ตอนนี้เธอร้อนใจมาก ร้อนใจจนต้องวนไปวนมา ถ้าเธอทำให้เฟิงหานชวนไม่พอใจ ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะไม่สามารถเอาสร้อยคอของคุณแม่มาได้อีกแล้ว

ช่วงเวลาที่กำลังกระวนกระวายอยู่นั้น เฉินฮวนฮวนจับลูกบิดประตู แล้วเปิดประตูพุ่งเข้าไป

จากนั้น เธอก็ถึงกับตะลึงตาค้างเลยทีเดียว

ตอนนี้เฟิงหานชวนไม่ได้สวมอะไรบนร่างกายเลย แม้แต่กางเกงบ๊อกเซอร์ก็ถูกโยนลงบนพื้น

“อ๊าย…” เฉินฮวนฮวนรีบปิดตาทั้งสองข้าง แล้วกรีดร้องเสียงแหลม

เธอกำลังจะเป็นตากุ้งยิง!

ใบหน้าของเฟิงหานชวนดำครึ้ม เขามือไวตาไวถือโอกาสก่อนที่คนรับใช้จะขึ้นมา รีบพุ่งไปที่ประตูห้องล็อกประตู

และเฉินฮวนฮวน ก็ถูกขังอยู่ในห้องของเขาเช่นกัน

“หยุดร้องได้แล้ว!” เสียงเย็นของเฟิงหานชวนตวาดขึ้น

เฉินฮวนฮวนถึงได้หุบปาก เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น พบว่าเฟิงหานชวนสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ทว่ากางเกงบ๊อกเซอร์ยังคงกองอยู่ตรงนั้นอย่างโดดเดี่ยว

หลังจากนั้น ใบหน้าของเธอถูกปกคลุมด้วยเงามืด ความเย็บวาบแล่นทั่วแผ่นหลัง ร่างทั้งร่างของเธอชนเข้ากับบานประตู

“อาสาม ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะ…” เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้าง เงยขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยอธิบายด้วยความกังวลใจ

“หึ” เฟิงหานชวนเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะกล่าวถากถาง “เธอบอกว่าขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ เธอพูดคำเหล่านี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว”

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนแดงระเรื่อขึ้นมาทันที เพราะความประหม่าและไม่รู้จะรับมืออย่างไร เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น มือเล็กๆ เอื้อมไปหยิกชายหนุ่มหนึ่งที ก่อนจะกล่าวกระซิบว่า “อาสาม ฉันอยากมาขอโทษคุณ ดังนั้นฉันถึงได้บุ่มบ่ามตามคุณเข้ามา…”

เธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะถอดเสื้อผ้า และไม่คิดว่าเขาจะเคลื่อนไหวเร็วเช่นนี้ ตอนนี้เรื่องน่าอายได้เกิดขึ้นแล้ว เธอไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไรดี

สายตาของเธอเหลือบมองลงไปโดยไม่รู้ตัว เธอไม่คิดว่าจะเห็น…เห็นของเฟิงหานชวน…

นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอได้เห็นของจริง ครั้งแรกตอนอยู่ในโรงแรมปีที่แล้ว เธอเห็นตอนที่เหยี่ยจิ่งเฉินอยู่กับเฉินซินโหรวในตอนนั้น เธอเคยเห็นของเหยี่ยจิ่งเฉินกับตาตัวเอง

เมื่อเทียบกันแล้ว หากเหยี่ยจิ่งเฉินอยู่ตรงหน้าเฟิงหานชวน ดูเหมือนว่าจะเล็กไปหน่อย

“ขอโทษ?” สายตาเย็นชาคู่นั้นของเฟิงหานชวน จ้องหญิงสาวที่ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างไม่วางตา

คำพูดที่ย้อนถามกลับมาอย่างง่ายๆ เพียงสองคำ ทว่ากลับเต็มไปด้วยความเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด

เฉินฮวนฮวนก้มหน้าลง เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี แม้กระทั่งเมื่อสักครู่ก็ยังเกิดเรื่องน่าอายขึ้นแล้ว

“ไม่พูดล่ะ?” เฟิงหานชวนยื่นมือออกไปเชยคางของหญิงสาวขึ้น ก่อนจะเค้นถามเอาคำตอบ

เฉินฮวนฮวนถูกบังคับให้เงยหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้า และสบตากับเขา เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น ในใจของเธอยังรู้สึกหวาดผวาอยู่บ้าง

เห็นได้ชัดว่าเฟิงหานชวนไม่ใช่หลิวตงรุ่ย ทว่าไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเขาดันเธอเข้ากับกำแพง ความรู้สึกถึงได้เหมือนกับในคืนนั้นเหลือเกิน

เธอรู้สึกหวาดระแวงมาก และหวาดกลัวมาก ดังนั้นเธอถึงได้วิ่งหนีเตลิดออกไป

“อาสาม คืนนี้…คุณว่างไหมคะ” เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้าถามออกไป

“คิดจะเล่นลวดลายแล้วหลอกให้ฉันตายใจอีกหรือไง ฉันไม่มีเวลาเล่นกับเธอหรอกนะ” เฟิงหานชวนสะบัดมือออก ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นเยือก

เมื่อคืนเขาโดนผู้หญิงคนนี้หลอกไปแล้ว วันนี้ยังคิดจะหลอกเขาอีกเหรอ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเจ็บแปลบที่คาง เธอจำใจฝืนเอ่ยอย่างยากเย็นว่า “เมื่อคืนฉันเหนื่อยมาก แล้วนึกถึงเรื่องวิปริตนั่นขึ้นมาอีก ฉันกลัวนิดหน่อยก็เลยวิ่งหนีไป”

“คืนนี้ ฉัน…ฉันจะไม่วิ่งหนีอีกแน่นอน…”