ตอนที่ 145 อ่อนแอเปราะบาง
เย่หลานเฉิงอยากจับตัวหนานหนานดึงกลับมายืนด้านหลังตนเอง ทว่าร่างกายของหนานหนานกลับเป็นราวกับงูตัวหนึ่ง จู่ ๆ ก็พุ่งออกไปด้านหน้าอย่างคล่องแคล่ว
เสียง “ตุ้บ” ดังขึ้น เขาเล็งเป้าและกระแทกเข้าที่ท้องของเย่หลานเวยอีกครั้งอย่างแรง
“โอ๊ย…” ไม่มีใครได้ตั้งตัว ไม่มีใครคาดคิดว่าหนานหนานจะมีความกล้าหาญมากขนาดนี้ เพราะครั้งนี้ เย่หลานเวยจึงหงายหลังจนมือและเท้าชี้ฟ้า รุนแรงยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก
จนกระทั่งคนรับใช้ของเขาได้สติกลับคืนมา ก็พบว่านายน้อยของพวกเขาร้องไห้ออกมาแล้ว
“ไอ้สารเลว ไอ้สารเลว ไอ้บ่าวสุนัข เจ้ามันบ่าวสุนัข” เย่หลานเวยด่าเสียงดังด้วยความโกรธ นั่งจุมปุ๊กอยู่บนพื้น มือเล็กอ้วน ๆ นั้นกำลังชี้มาที่หนานหนานพร้อมกับส่งเสียงร้องอย่างสุดชีวิต “พวกเจ้ามันสวะไร้ประโยชน์ มัวยืนทำอะไรกันอยู่? ทุบมันให้ตาย ทุบมันให้ตาย!”
คนรับใช้เหล่านั้นหันมองซ้ายขวา พวกเขาเองก็จนปัญญา จึงทำได้เพียงแค่พุ่งตัวเพื่อจัดการกับหนานหนาน
เย่หลานเฉิงเข้ามาขวางด้านหน้า สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “ใครกล้าลงมือ?”
คนรับใช้ไม่กล้าทำอะไรเย่หลานเฉิง ถึงอย่างไรเย่หลานเฉิงก็เป็นเจ้านาย ต่อให้รัชทายาทจะโชคไม่ดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่พวกเขาที่เป็นแค่คนรับใช้จะรังแกได้ เหล่าซื่อจื่อมีองค์ชายและเหนียงเหนียงคอยคุ้มกันอยู่ แต่พวกเขากลับไม่มีใคร หากรัชทายาทฆ่าพวกเขาก็คงเป็นเรื่องง่ายดายราวกับบี้มดให้ตาย
เย่หลานเวยนั่งอยู่บนพื้นออกแรงกระทืบเท้าตึงตัง เสื้อคลุมบนตัวเปื้อนโคลนจนสกปรกมอมแมม ไม่หลงเหลือความสง่างามแม้แต่น้อย เมื่อพบว่าคนรับใช้ของตนเองกำลังยืนด้วยท่าทางซื่อบื้ออยู่ตรงนั้น เขาก็ยิ่งโกรธจนเนื้อตัวสั่นเทิ้มยิ่งขึ้น น้ำเสียงยิ่งแหลมเสียดหู “เย่หลานหลี่ เย่หลานจ้าว พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่? ลากเย่หลานเฉิงออกไป รีบลากออกไปซะ วันนี้ข้าจะฆ่าบ่าวสุนัขตัวนั้นให้ตายอยู่ที่นี่”
คนรับใช้ไม่กล้าแตะต้องเย่หลานเฉิง แต่ซื่อจื่อเหล่านั้นย่อมทำได้ ขอแค่เย่หลานหลี่และเย่หลานจ้าวลากเขาออกไป ลูกสุนัขสารเลวนั่นอย่างไรเสียพวกเขาจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด
เย่หลานหลี่และเย่หลานจ้าวหันสบตากัน แม้ว่าพวกเขาไม่คิดลงมือ แค่อยากเห็นเย่หลานเวยและเย่เฉิงสู้กันจนต้องตายไปข้างหนึ่งเท่านั้น ถึงเวลานั้นหากถูกสืบความจริง พวกเขาก็คงไม่มีปัญหาอะไรมากมาย
ทว่าในตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ลงมือก็คงไม่ได้แล้ว
ทั้งคู่พยักหน้าเบา ๆ เลือกที่จะปรี่ตัวเข้าไป ต่างคนต่างใช้มือคนละข้างเพื่อลากเย่หลานเฉิงไปข้าง ๆ
เยน่หลานหลี่และเย่หลานจ้าวอายุมากกว่าเย่หลานเฉิงสองปี ร่างกายของพวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่สิ่งที่เย่หลานเฉิงผู้มีร่างกายผอมแห้งเพราะความหิวจะเทียบชั้นได้ ต่อให้เขาจะออกแรงดิ้นเพื่อไปปกป้องหนานหนาน แต่เขาก็ไม่อาจต้านทั้งสองคนได้เช่นเดียวกัน
เพียงไม่นาน ร่างกายเล็ก ๆ ของหนานหนานปรากฏขึ้นตรงหน้าคนรับใช้เหล่านั้น
ผู้พิทักษ์ทมิฬของฮ่องเต้แอบขมวดคิ้วเล็กน้อย พวกเขายังคงพิจารณาอยู่ว่าควรจะลงมือตอนนี้ หรือรอดูสถานการณ์ต่อไป?
ทว่ายังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ตัดสินใจ คนรับใช้เหล่านั้นก็พุ่งตัวเข้าใส่ราวกับหมาป่าและพยัคฆ์
ขันทีและนางข้าหลวงที่อยู่ในเรือนของเย่หลานเฉิงได้รับการกำชับจากเหมียวกงกง ให้ดูแลนายน้อยทั้งสองให้ดี
ถูกต้อง นายน้อยทั้งสองคน ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้ว หนานหนานก็คือเจ้านายของพวกเขาเช่นกัน
เมื่อเห็นคนเหล่านั้นที่จะลงมือกับเจ้านายของตนเอง ขันทีและนางข้าหลวงจึงมิอาจยืนมองอยู่ข้าง ๆ ได้ จึงพุ่งตัวเข้าไปจนเกิดความวุ่นวายขึ้นทั่วทั้งเรือน
ทว่าจำนวนของขันทีและนางข้าหลวงมีจำนวนน้อยนิด คนรับใช้ของเย่หลานเวย เย่หลานหลี่และเย่หลานจ้าวร่วมมือกัน พวกเขาจะต้านไหวได้อย่างไร?
เย่หลานเฉิงหัวเราะ สายตาเพ่งมองไปที่หนานหนานอย่างดุดัน “ข้าจะบอกอะไรให้นะ จุดจบของคนที่ทำให้ข้าขุ่นเคืองย่อมไม่สวย วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าเลือดตกยางออกที่นี่ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเลยคอยดู”
“บัดซบ โหดร้ายถึงขั้นไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเชียวหรือ?” หนานหนานเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง ขนาดเขายังไม่อาจพูดจาด้วยคำพูดที่เลวทรามเช่นนี้ออกมาได้ เวยซื่อจื่ออะไรนี่วิปริตเกินไปแล้ว
ผู้พิทักษ์ทมิฬของฮ่องเต้เตรียมความพร้อม สายตามองคนรับใช้ของคนเหล่านั้นที่พุ่งตัวเข้าใส่หนานหนาน กำหมัดแน่นและตัดสินใจที่จะลงมือในทันที
ใครจะไปคิด ยังไม่รอให้พวกเขาได้ขยับตัว ร่างกายของหนานหนานพลันสั่นไหว เบี่ยงตัวหลบคนรับใช้เหล่านั้นที่พุ่งตัวเข้ามา ก่อนจะยืนจุดที่อยู่ห่างออกไปห้าก้าว
ลวี่ฝูที่เพิ่งวิ่งกลับมาถึงด้านในเรือนถึงกับเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง เมื่อครู่…หนานหนานเคลื่อนไหวได้อย่างไร?
ผู้พิทักษ์ทมิฬอ้าปากค้างจนคางแทบหลุด นี่มัน…นี่มัน…ฝีมือปราดเปรียวมาก เด็กคนนี้มีทักษะการต่อสู้ด้วยหรือ?
กระบวนท่าเมื่อครู่ ความเร็วในการขยับเท้า ดูเหมือนกับวรยุทธ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลอู่หลินและตระกูลลู่ของอาณาจักรเทียนอวี่ เจ้าเด็กคนนี้กลับทำได้
น่าทึ่งเกินไปแล้ว ว่ากันว่าวรยุทธ์ของตระกูลลู่ไม่เคยเผยแพร่ออกมาให้คนข้างนอกรับรู้มิใช่หรือ? ทั้งยังได้ยินมาว่าคนที่มีฝีเท้าเช่นนี้ ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนมากกว่าสิบปี แต่เด็กคนนี้อายุแค่ห้าขวบ ห้าขวบกลับมีทักษะการต่อสู้ยอดเยี่ยมเช่นนี้แล้ว
ผู้พิทักษ์ทมิฬทั้งสองคนหันสบตากันเงียบ ๆ จู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึก ราวกับว่าการมีอยู่ของพวกเขา…กลายเป็นส่วนเกินเสียแล้ว
หลังจากหนานหนานเคลื่อนตัวไปด้านข้าง ก็เริ่มออกแรงหอบหายใจสองครั้ง ยกมือขึ้นมากุมหน้าอกพลางถอนหายใจ “โอ๊ย โอ๊ย เหนื่อยแทบตายแล้ว คนชั่วแบบพวกเจ้า เหตุใดถึงได้ทำตัวเป็นหมาหมู่? ไม่รู้หรืออย่างไรกันว่าการรุมคนอื่นเป็นการกระทำของสัตว์ร้าย? ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเด็กที่อ่อนแอเปราะบางแบบข้าอาจตายก่อนวัยอันควรอยู่ในมือของพวกเจ้า? ไม่รู้หรืออย่างไรว่าท้องกลวง ๆ ของข้าที่ยังไม่กินข้าวทำให้ข้าไร้เรี่ยวแรง? สารเลว”
ผู้พิทักษ์ทมิฬทั้งสองคนหันสบตากันเงียบ ๆ อ่อนแอเปราะบาง? เจ้าเด็กคนนี้ ยังจะหลับหูหลับตาพูดอีกหรือ?
คนรับใช้เหล่านั้นตกใจจนสะดุ้งโหยง จ้องมองหนานหนานที่หายไปจากตรงหน้าของพวกเขา ตอนที่หันกลับมา เด็กคนนั้นก็ย้ายไปยืนไกลจากพวกเขาแล้ว
เย่หลานเวยระเบิดอารมณ์โกรธเคือง “พวกเจ้ามัวยืนทำอะไรกันอยู่? จัดการมันสิ”
ทันทีที่เขาพูดคำพูดนี้ออกมา คนอื่นย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟัง จึงรีบพุ่งตัวไปด้านหน้าอีกครั้ง
ทว่าไม่ว่าพวกเขาจะมีจำนวนมากเพียงใด แต่การเผชิญหน้ากับหนานหนานที่พุ่งชนแบบสะเปะสะปะราวกับปลาไหล พวกเขามีจำนวนคนมากขนาดนี้แต่กลับมิอาจจับได้แม้กระทั่งชายเสื้อ
ผู้พิทักษ์ทมิฬสองคนที่แอบซ่อนตัวอยู่บนคานรู้สึกทึ่งมาก เริ่มพูดคุยกันว่า “นี่ เมื่อครู่เจ้าเห็นชัดหรือไม่ ขาทั้งสองข้างของเขาเคลื่อนไหวได้อย่างไรกัน?”
“ไม่เลย ข้าเห็นไม่ชัดเลยสักนิด”
“เฮ้อ ก็จริง ทักษะวรยุทธ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลลู่ หากปล่อยให้คนอื่นเห็นได้อย่างชัดเจนตามใจชอบ ก็คงถูกคนอื่นลอกเลียนแบบ”
“แต่เด็กคนนี้เป็นใครกันแน่? ทักษะวรยุทธ์เก่งกาจไม่พอ แม้แต่ฮ่องเต้ยังกำชับให้พวกเรามาคุ้มกันพวกเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นพิเศษอีก การปฏิบัติเช่นนี้ แม้แต่เฉิงซื่อจื่อก็ยังไม่ได้รับเลย”
“ถูกต้อง ข้าเองก็คิดเช่นกัน สถานะของเด็กคนนี้คงไม่ธรรมดาแน่นอน”
ครั้นกล่าวจบ พวกเขาหันสบตากันเงียบ ๆ อีกหน ก่อนจะไอกระแอมออกมาเบา ๆ หันหน้าไปมองทางอื่นอย่างช้า ๆ
พวกเขาในฐานะผู้พิทักษ์ทมิฬ…กลับรู้สึกทึ่งกับเรื่องของเจ้านาย นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดี เรื่องของเจ้านาย เหตุใดต้องให้พวกเขาเข้าไปสอดแนมด้วย?
“อ๊าก…”
“อ๊าก…”
“อ๊าก…”
ตอนที่ผู้พิทักษ์ทมิฬกำลังไตร่ตรองอย่างเงียบ ๆ จู่ ๆ ด้านในจวนก็ได้ยินเสียงร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสียงดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แหลมขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ทั้งคู่ถึงกับตกใจจนร่างสั่นสะท้าน ดวงตาจ้องมองไปทางต้นเสียง
…………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
น้องหนานหนานแสดงฝีมือแล้ว แถมยังมีวรยุทธ์ลับด้วย เดาว่าซื่อจื่อทั้งสามคงโชคร้าย
ไหหม่า(海馬)