ตอนที่ 146 เป็นบ่าวสุนัขกันทั้งตระกูล
ครั้นได้มอง พวกเขาถึงกับตกใจจนเกือบหล่นลงมาจากคาน
ทั้งคู่เบนสายตาอย่างช้า ๆ มองไปยังหนานหนานที่ยืนอยู่กลางลาน เด็กน้อยกำลังยืนเท้าสะเอวพร้อมกับหัวเราะร่าขณะถือเข็มขัด…หน้าผากของพวกเขาพลันเกิดเส้นสีดำสามเส้น
“ฮ่า ๆๆ พวกเจ้ามาจับข้าสิ จับข้าให้ได้สิ ฮ่า ๆๆ กางเกงหลุดแล้ว กางเกงหลุดแล้ว”
ลวี่ฝูที่ยืนอยู่ไกล ๆ มุมปากกระตุก ดูเหมือนว่าความกังวลใจของนางจะสูญเปล่า เด็กคนนี้ไม่มีใครรังแกเขาได้
เย่หลานเวยและอีกสองคนที่เหลือยืนนิ่ง มองหนานหนานที่กำลังถือเข็มขัดกองหนึ่งอยู่ในมือราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
เขา…เขา…เขาเพียงคนเดียวสามารถปลดเข็มขัดของคนรับใช้เหล่านั้นออกมาทั้งหมด? ทำ…ทำได้อย่างไรกัน?
หนานหนานยิ้มตาหยี รู้สึกอารมณ์ดีไม่น้อย โดยเฉพาะตอนที่เห็นเหล่าคนใช้ที่พากันหน้าแดงหูแดงเพราะถูกปลดเข็มขัด ท่าทางดูกระอักกระอ่วนขณะดึงกางเกงกันอย่างสุดชีวิต หนานหนานจึงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม
บนร่างกายของพวกเขายังมีชายเสื้อปิดบังอยู่ ทว่าหากเดินก็จะถูกลมพัดจนปลิว กางเกงก็จะหลุดลงมา ทำให้พวกเขาไม่สามารถก้าวเท้าเข้ามาจับตัวหนานหนานได้
หนานหนานหัวเราะจนท้องแข็ง เข็มขัดกองนั้นถูกเขาโยนลงบนพื้น ส่วนตนเองลงไปนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้น
“ฮ่า ๆๆๆ โอ๊ย ขำชะมัด แม่เจ้า ปวดท้องชะมัดเลย ขำจนข้าหิวแล้วเนี่ย โอ๊ย”
เย่หลานเวยกะพริบตาปริบ ๆ และกะพริบตาซ้ำอีกครั้ง ครั้นเห็นคนรับใช้ของตนเองรีบใส่กางเกงกันพัลวัน รวมถึงเหล่าขุนนางและนางข้าหลวงที่อยู่ปรนนิบัติเย่หลานเฉิงเบือนหน้าหันไปหัวเราะจนไหล่โยก เขาก็หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
เขาหันไปถลึงตาใส่หนานหนานอย่างดุดัน หลังจากใช้ฝ่ามือค้ำยันบนพื้นอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ทนต่อความเจ็บปวดที่ก้นและพุ่งเข้าใส่หนานหนาน
หนานหนานหัวเราะจนท้องแข็ง เขานอนเอนตัวอยู่บนพื้น จึงไม่ได้มองไปยังฝั่งของเย่หลานเวย
ทว่าเย่หลานเฉิงที่ถูกเย่หลานหลี่และเย่หลานจ้าวจับตัวไว้กลับมองเห็น รูม่านตาของเขาพลันเบิกกว้างด้วยความตกใจ กล่าวว่า “หนานหนาน หลบเร็ว”
น้ำเสียงนั้นทั้งเร็วและรีบร้อน หากแต่ก็ยังช้าไปหนึ่งก้าว
เย่หลานเวยมองเห็นโอกาส จึงขึ้นไปคร่อมอยู่บนตัวของหนานหนาน ทั้งยังใช้มือทั้งสองข้างบีบคอหนานหนานจนแน่น
ผู้พิทักษ์ทมิฬที่อยู่บนคานไม่คิดจะนั่งดูอีกต่อไป ภายในใจแอบอุทานว่าซวยแล้ว จึงทำท่าจะกระโดดลงไปด้านล่าง
“อ๊าก…” เพียงแต่ การเคลื่อนไหวของหนานหนานดูเหมือนจะเร็วกว่าพวกเขา มือของเย่หลานเวยเพิ่งจะบีบคอหนานหนาน จู่ ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เจ็บปวดจนกลิ้งลงบนพื้นพร้อมกับส่งเสียงร้องโหยหวน
หนานหนานหัวเราะจนหนำใจแล้ว ในที่สุดจึงถอนหายใจและลุกขึ้นจากพื้น มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาเท้าสะเอว เอ่ยเยาะเย้ยอีกฝ่าย “เจ้านี่หนักจะตายอยู่แล้ว เจ้าคือหมูชัด ๆ โถ่เอ๊ย เกือบทำให้ข้าสำรอกอาหารเช้าออกมาอยู่เสียแล้ว เจ้าโตมาจากการกินอะไร เหตุใดถึงได้อ้วนขนาดนั้น?”
“บ่าวสุนัข นี่เจ้าทำอะไรกับข้า?” ใบหน้าของเย่หลานเวยขาวซีด หน้าผากถึงกับมีเม็ดเหงื่อเล็ก ๆ ผุดออกมา มือทั้งสองข้างเจ็บปวดจนชาแข็งราวกับเป็นตะคริว
หนานหนานก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว ยกขาเล็ก ๆ ขึ้นมาเตะ แค่นเสียงเย็นไม่หยุด “เจ้าลองเรียกข้าว่าบ่าวสุนัขอีกสิ เรียกอีกสิ ข้าจะตัดลิ้นของเจ้าออกมา เจ้านั่นแหละบ่าวสุนัข บ่าวสุนัขทั้งตะกูล”
“เจ้า…เจ้ากล้าด่าข้า กล้าด่าตระกูลข้าหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าท่านพ่อของข้าเป็นใคร? เจ้ากล้าด่าท่านพ่อของข้า ทั้งยังดึงเสด็จปู่ของข้าเข้ามารวมด้วย คอยดูเถอะ เสด็จปู่ไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้ เจ้ารอถูกตัดหัวได้เลย เจ้ามันสุนัข…บ่าวเหม็นโฉ่” เย่หลานเวยยังคงไม่ยอมแพ้ ทว่าตอนที่พูดประโยคสุดท้าย เป็นเพราะเขาตกใจกับคำพูดของหนานหนานจึงรีบเปลี่ยนคำพูด
เย่หลานเฉิงออกแรงสะบัดตัวออกจากเย่หลานหลี่และเย่หลานจ้าว วิ่งมายืนข้าง ๆ หนานหนาน จับมือหนานหนานพร้อมกับหอบหายใจ “หนานหนาน เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว มิเช่นนั้นคงได้เจอกับหายนะของจริง”
คำพูดเหล่านี้อุกอาจเกินไปจริง ๆ มีใครที่กล้าด่าแม้กระทั่งฮ่องเต้บ้าง?
เมื่อเห็นเย่หลานเฉิงเกิดอาการประหม่า เย่หลานหลี่จึงแย้มยิ้มออกมา “เปล่าประโยชน์ เขาเจอกับหายนะแล้ว ด่าทอทำให้เสด็จปู่เสื่อมเสีย ทุกคนต่างก็ได้ยินชัดเจน”
“ได้ยินชัดเจน?” หนานหนานทำแก้มป่อง สะบัดมือเย่หลานเฉิงพุ่งตัวไปด้านหน้า ก่อนจะกดร่างของเย่หลานหลี่ ยิ้มด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “เจ้าได้ยินชัดเจนงั้นหรือ? หูข้างไหนได้ยินกันล่ะ ข้าจะได้ตัดทิ้งซะ”
เย่หลานหลี่ถึงกับตกใจ มองดูเศษจอกน้ำชาที่ถูกทุบจนแตกตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครรู้บนฝ่ามือของหนานหนานที่กำลังขยับเข้ามาใกล้ใบหูของตนเองอย่างช้า ๆ
“เจ้า…เจ้า…หยุดนะ อย่า อย่าแตะต้องตัวข้า ข้าไม่ได้ยิน ข้าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น หยุดนะ”
หนานหนานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หันกลับไปมองเย่หลานจ้าวที่ยืนเงียบขรึมมาโดยตลอด เอ่ยถามว่า “เจ้าได้ยินหรือไม่?”
เย่หลานจ้าวรู้ความมากกว่าสองคนที่เหลือ รีบออกแรงส่ายหน้า “ไม่ ข้าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น”
“นี่สิถึงจะเรียกว่าว่านอนสอนง่าย” หนานหนานหันมองไปคนอื่น ๆ ที่อยู่ในจวน เอ่ยถามว่า “พวกเจ้าได้ยินหรือไม่?”
คนรับใช้เหล่านั้นหันมองหน้ากัน ต่างคนต่างจับกางเกงไว้แน่น ไม่ส่งเสียงพูดใด ๆ
เย่หลานเวยโกรธมาก “เจ้าพวกโง่ ยังไม่รีบใส่กางเกงให้เรียบร้อยแล้วไปจับตัวไอ้สารเลวน้อยนั่นอีก? รีบไปเชิญหมอหลวงมา ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว เจ็บจะตายอยู่แล้ว รีบไปสิ”
คนรับใช้เหล่านั้นหันมองหน้ากัน ก่อนจะมองเข็มขัดกางเกงที่ถูกหนานหนานโยนทิ้งไว้บนพื้น รีบวิ่งเข้ามาหยิบและมัดแบบลวก ๆ สองครั้ง
จากนั้นก็มีคนหนึ่งวิ่งออกไปเพื่อไปตามหมอหลวง ส่วนคนอื่น ๆ รีบขยับเข้าใกล้หนานหนานอีกครั้ง
เย่หลานเฉิงไม่ได้ถูกซื่อจื่อทั้งสองคนจับตัวไว้ ย่อมเข้ามาขวางตรงหน้าหนานหนาน
เย่หลานเวยไม่สนใจความเจ็บปวดแล้ว เขาเริ่มตะโกนบอกคนรับใช้แต่ก็ลังเลที่จะก้าวเท้าไปด้านหน้า “ทุบมัน ทุบมันทั้งคู่นั่นแหละ ใครกล้าถอยหลัง ข้าจะบอกให้ท่านพ่อฆ่าทิ้งให้หมด ทุบพวกมันให้ตาย โอ๊ย เจ็บจะตายอยู่แล้ว เหตุใดหมอหลวงยังไม่มาอีก? เจ็บจะตายอยู่แล้ว”
สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะกลัวการข่มขู่ของเย่หลานเวย ทุกคนจึงเริ่มหันหน้าสบตากันและทยอยพุ่งตัวไปด้านหน้า
เพียงแต่ แม้ว่าจะบอกว่าทุบตีพวกเขาทั้งคู่ แต่พวกเขาก็ยังพยายามหลีกเลี่ยงเย่หลานเฉิง เพื่อเข้าไปจับกุมตัวหนานหนานอยู่ดี
พวกเขาจะจับตัวหนานหนานได้อย่างไรกัน ตอนนี้หนานหนานกำลังเล่นอย่างสนุกสนานท่ามกลางกลุ่มคน แม้แต่ลวี่ฝูที่ตัดสินใจจะเดินออกมาห้ามจากไกล ๆ ก็ถึงกับถอยกลับไปอย่างเงียบ ๆ
ไทเฮาอยากเห็นเฉิงซื่อจื่อว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ทว่าตอนนี้กลับถูกหนานหนานทำให้วุ่นวายไปหมดแล้ว
“ตรงนั้นมีไม้ตะบอง ใช้ไม้ทุบมันซะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะทุบมันไม่ตาย” เย่หลานเวยกลิ้งอยู่บนพื้นสองตลบ ใบหน้าขาวโพลน เท้าเตะไปที่คนรับใช้ที่อยู่ใกล้กับเท้าของตนเองมากที่สุด ทั้งยังสั่งให้คนคนนั้นไปหยิบไม้ตะบองมา
คนรับใช้คนนั้นจนปัญญา จึงได้แต่หยิบไม้และแบ่งให้คนอื่น ๆ คนละแท่ง ก่อนจะเล็งไปที่ศีรษะของหนานหนาน
“หยุด” ในเวลานี้เอง จู่ ๆ ที่ประตูของเรือนแห่งนี้ก็มีน้ำเสียงเย็นชาและทุ้มต่ำดังขึ้น พร้อม ๆ กับเสียงนั้นที่ดังขึ้น มีคนรับใช้ที่วิ่งออกไปตามหมอหลวงเมื่อครู่ถูกโยนเข้ามาจนเกิดเสียงกระแทกดังสนั่น
ลวี่ฝูเงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ ทันทีที่เห็นบุคคลผู้มาเยือน คิ้วของนางพลันขมวดเข้าหากันเล็กน้อยและถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ไม่ต้องเรียกกำลังเสริมแล้วค่ะ หนานหนานคนเดียวเอาอยู่
ไหหม่า(海馬)