ตอนที่ 200 อาณาเขตใหม่

ตอนที่ 200 อาณาเขตใหม่

“มีคนต้องการแก้แค้นฉันเหรอ? ใครกัน?” ซูเถาตกใจเล็กน้อย และเริ่มคิดว่าตนเองไปกระตุกหนวดเสือใครเขา

“ไม่รู้สิ คนจากโส่วอันบอกว่าตราบเท่าที่เราขายเสบียงให้พวกเขา พวกเขาจะบอกเราว่าเป็นใคร ฉันฟังจากน้ำเสียงแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจคุณเป็นอย่างมาก” จวงหว่านกระวนกระวายมาก

เมื่อซูเถาได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเยาะ

“มาตั้งเงื่อนไขแบบนี้กับฉันเหรอ พี่ตอบพวกเขากลับไปนะคะ ว่าถ้าไม่บอกก็ไม่เป็นไร ใครอยากแก้แค้นก็เข้ามา”

เพราะถึงอย่างไรแล้วเธอก็ไม่ค่อยได้ออกจากเถาหยางอยู่แล้ว และถึงแม้ว่าเธอจะออกไปข้างนอก ข้างกายของเธอก็มีคนไปด้วยพร้อมกับสุนัขอีกหนึ่งตัว รวมทั้งฟังก์ชั่นการเคลื่อนย้ายหรือเทเลพอร์ตที่เธอมี มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจับตัวเธอได้

หลังจากพูดถึงเรื่องนี้ ซูเถาก็เลือกที่จะไม่สนใจ

เธอเพิ่งใช้ผลึกนิวเคลียสไป 5 ชิ้น และได้รับสิทธิ์ในการบริหารสถานีเก่ารวม 1,000 ตารางเมตร แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่าที่ตั้งของสถานีเก่านั้นดีมาก และมีกองคาราวานเข้าออกมากมาย เธอก็ใช้ผลึกนิวเคลียสเพิ่มอีกสองอัน และขยายพื้นที่ออกไปอีก 400 ตารางเมตร

ฉะนั้นแล้ว กลุ่มเป้าถูจะมีพื้นที่ใช้สอย 1,000 ตารางเมตร และเธอสามารถใช้พื้นที่ที่เหลือเพื่อดำเนินธุรกิจของสถานีเก่าต่อไปได้

แต่เธอต้องทำการบูรณะขึ้นมาใหม่ และจะต้องดีพอ ๆ กับภูเขาผานหลิว แต่การตั้งชื่อไซต์ทำให้เธอปวดหัว

เดิมทีที่สถานีเก่าไม่มีชื่อ เพราะว่ามันถูกเรียกว่าสถานีเก่า ๆ มาหลายปีแล้ว

ซูเถาเปิดระบบเพื่อมองดู พื้นที่ 1,000 ตารางเมตรมีอาคารเพียงสามอาคารเท่านั้น

อาหารหลังหนึ่งดูเหมือนอาคารสำนักงานเล็ก ๆ น่าจะเป็นสถานที่ที่ถานหย่งและฝ่ายบริหารใช้งาน

ส่วนอีกหลังเป็นทาวน์เฮาส์ซึ่งดูทันสมัยที่สุด มันสวยงามมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นบ้านส่วนตัวที่สร้างโดยพวกของถานหย่ง

อาคารสุดท้ายคืออาคารที่ไม่รู้จัก ซึ่งมีตำแหน่งที่ค่อนข้างห่างไกล และอยู่ในสภาพทรุดโทรม

ซูเถาซูมเข้าบนแผนที่และเห็นคำว่า ‘ศูนย์กระจายสินค้าเฟิงฉือ’ แขวนอยู่

ซูเถาเข้าใจทันทีว่านี่คืออาคารก่อนวันสิ้นโลก ที่แท้สถานีเก่าก็เคยเป็นศูนย์กระจายสินค้ามาก่อน ซูเถาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และในที่สุดก็คิดได้ เธอจะตั้งชื่อใหม่ว่า

‘ศูนย์กระจายสินค้าเถาฉือ’

เมื่อเธอตั้งชื่อใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้อง ‘เชิญ’ คนเก่าที่นี่ออกไป

เพื่อรักษามารยาท ซูเถาไม่ได้รื้อถอนอาคารที่อยู่อาศัยในสถานีเก่าโดยไม่บอกไม่กล่าว แต่เธอขอให้หม่าต้าเพ่าติดต่อชวีจิ้งอวิ๋นรองหัวหน้าสถานีเก่า และให้ทางเลือกสองทางแก่พวกเขา

หนึ่งให้ออกไปจากที่นี่อย่างเงียบ ๆ อย่าสร้างปัญหามากเกินไป ไม่เช่นนั้นจะต้องแบกรับผลที่ตามมา

สองอยู่ที่นี่และทำงานกับเธอ แต่งานต้องได้รับการมอบหมายใหม่ และผู้ที่มีเจตนาชั่วร้ายจะต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาเช่นเดียวกัน

เมื่อหม่าต้าเพ่าได้รับคำสั่ง เขาก็ตื่นเต้นมากและถามด้วยความไม่เชื่อ

“เถ้าแก่ สถานีเก่าจะเป็นของเราด้วยเหรอ”

ซูเถากล่าวว่า “ใช่ แต่ที่ดินส่วนใหญ่จะให้กลุ่มเป้าถูเช่า และส่วนเล็ก ๆ ที่เหลือจะใช้สำหรับการดำเนินธุรกิจในอนาคต ถึงเวลานั้นฉันก็จะให้คุณเป็นคนรับผิดชอบ ต้องจัดหากำลังคนให้เร็วที่สุด และคุยกับจวงหว่านให้เรียบร้อย”

หม่าต้าเพ่าเบิกตากว้างและหายใจหนัก นึกย้อนไปเมื่อครึ่งปีก่อน เขาลำบากในการทำมาหากินที่สถานีเก่า ต้องกังวลกับอาหารแต่ละมื้อ แต่ในชั่วพริบตา เขากลับมีสิทธิ์จัดการพื้นที่แห่งนี้ได้!

เขาสามารถควบคุมชวีจิ้งอวิ๋นได้!

ในตอนนั้นเขาไม่มีโอกาสได้พบกับชวีจิ้งอวิ๋นด้วยซ้ำ!

ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ

หม่าต้าเพ่ารู้สึกปลาบปลื้มอยู่ในใจ หยาดน้ำตาคลอเบ้าด้วยความดีใจ มองไปที่ซูเถาราวกับว่ากำลังบูชาบรรพบุรุษ

ซูเถารู้สึกมึนงงเมื่อเห็นสายตาของเขา และพูดว่า

“ไปเร็วเข้าอย่าเสียเวลา”

หม่าต้าเพ่าตอบรับแล้วรีบวิ่งออกไปทันที

หลังจากหม่าต้าเพ่าออกไปแล้ว เมิ่งเชียนก็มารายงานซูเถา เกี่ยวกับความคืบหน้าการปล่อยเช่าห้องชุดใหม่

ห้องชุดที่มี 3 ห้องนอนและ 2 ห้องนั่งเล่นได้รับการปล่อยเช่าแล้ว และได้รับเงินค่าเช่าทั้งหมด 500,000 เหลียนปัง

ห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 10 ห้องเพิ่งปล่อยเช่าเมื่อเช้านี้ และได้รับเงินค่าเช่ามา 800,000 เหลียนปัง

ยังเหลือห้องคู่ 10 ห้อง และห้องเดี่ยว 20 ห้อง ที่ยังอยู่ในขั้นตอนของการคัดกรองรายชื่อผู้เช่า

ตอนนี้เธอมีสินทรัพย์รวมสูงถึง 4.22 ล้านเหลียนปัง แต่เธอยังขาดอีก 800,000 เหลียนปัง จึงจะซื้อโดมป้องกันในราคา 5 ล้านเหลียนปัง!

ซูเถาค่อนข้างพอใจกับความคืบหน้า และรู้สึกลำบากใจที่เห็นรอยคล้ำใต้ดวงตาของเมิ่งเชียน

“เดือนนี้คุณทำงานหนักมาก เดือนหน้าฉันจะให้วันหยุดคุณเพิ่มสามวัน”

แม้ว่าเมิ่งเชียนจะมีรอยคล้ำใต้ตา แต่ดูเหมือนว่าเธอจะมีสภาพจิตใจที่ดี เธอส่ายหัวพร้อมกับยิ้มและพูดว่า

“ฉันไม่รู้สึกลำบากเลย ฉันชอบสื่อสารกับผู้เช่าจริง ๆ”

ซูเถาจำได้ว่าตอนที่คุณย่าเฉินกำลังคุยกับเธอ คุณย่าเล่าให้ฟังว่าเธอมักจะเห็นแสงไฟในอาคารสำนักงานหลังห้าทุ่ม และหลังจากสอบถามในวันถัดไป เธอจึงได้รู้ว่าคือเมิ่งเขียนที่กำลังทำงานล่วงเวลา

ซูเถาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าไม่ใช่แค่เธอ แต่ทุกคนในเถาหยางก็ทำงานหนัก

วันรุ่งขึ้น ข่าวร้ายมาจากตงหยางว่าเขตสุ่ยฝูถูกโจมตีและยึดครองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ข่าวร้ายกว่านั้นก็คือกวานจือหนิงได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังจะตาย เผยตงรีบติดต่อซูเถาทันทีและรีบส่งเธอกลับมา

เมื่อซูเถานำกวานจือหนิงกลับมา เธอก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก และขอให้คนไปเรียกจงเกาอี้อย่างแผ่วเบา

เมื่อเห็นว่าธงทหารที่คลุมตัวเธอเต็มไปด้วยเลือด หัวใจของเธอก็สั่นสะท้าน และอยากจะเปิดมันออกมาดู แต่เผยตงจับมือเธอไว้แล้วส่ายหัว

“อย่า”

หน้าท้องของอีกฝ่ายถูกเจาะเป็นรูขนาดใหญ่ และลำไส้ส่วนใหญ่ไหลทะลักออกมา มันโหดร้ายเกินไป ไม่เหมาะที่ซูเถาจะดู และสำหรับคนที่หยิ่งยโสอย่างกวานจือหนิง เธอไม่ต้องการให้เพื่อนเห็นสภาพที่น่าสังเวชของตนเอง

ซูเถาเข้าใจ และรีบหดมือกลับมา เธอพยายามเรียกชื่อกวานจือหนิงต่อไป แต่คนบนเปลหามก็ไม่ตอบสนองเลย

ซูเถาไม่สามารถหยุดน้ำตาของเธอได้

นี่คือราคาของการปกป้องแผ่นดินเหรอ?

จงเกาอี้รีบวิ่งเข้ามาและตะโกนว่า

“เร็วเข้า เธอยังมีลมหายใจอยู่ เข็นเข้าไป!! เร็วเข้า!”

ซูเถาไม่ได้นอนทั้งคืน ดังนั้นเธอจึงลืมตาขึ้นและมองไปที่แสงไฟในห้องตรวจรักษา

กวานจือหนิงเป็นแนวหน้าที่ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เย่เซี่ยชิงก็เป็นศพถูกฝังอยู่ ส่วนสือจื่อจิ้นที่ใส่อวัยวะเทียม และยังต้องไปประจำการที่แนวหน้า….

เมื่อก่อนเธอชื่นชมคนเหล่านี้มาก แต่ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกสูญเสีย หากต้องแลกด้วยชีวิตแต่ไม่สามารถรักษาดินแดนไว้ได้ มันจะคุ้มไหม?

ซูเถาก้มศีรษะลงและถามเผยตงที่อยู่ข้าง ๆ แผ่วเบา

“พี่เผย เธอจะปลอดภัยใช่ไหม?”

เผยตงไม่ตอบเธอ

ซูเถาได้กลิ่นคำตอบจากความเงียบของอีกฝ่าย

“สุดท้ายพวกคุณก็เหมือนกันสินะ ช่างเหอะ ฉันไม่ต้องการให้พวกคุณปลอดภัย ฉันแค่หวังว่าพวกคุณจะมาหาหมอจงด้วยลมหายใจที่ยังหลงเหลือได้ไหม กวานจือหนิง คุณ…”

เธอพูดต่อไปไม่ไหว

กวานจือหนิงถูกนำตัวส่งมาช้าเกินไป และหมอจงไม่ใช่พระเจ้า ถ้าหากว่า…

“พี่เผย ฉันเป็นห่วงพวกคุณมากนะ”

คำพูดเหล่านี้สามารถกระทบใจของคนเราได้จริง ๆ และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเผยตงทำท่าเหมือนจะร้องไห้

ขณะเดียวกันประตูห้องตรวจรักษาก็ถูกเปิดออก จงเกาอี้ที่สวมหน้ากากก็เดินออกมาจากข้างใน

ซูเถาและเผยตงยืนขึ้นอย่างประหม่า

จวงหว่านควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอพาตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของจงเกาอี้ พร้อมกับคว้าเสื้อผ้าของเขาและถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น!”