ตอนที่ 201 ควบรวม

ตอนที่ 201 ควบรวม

จงเกาอี้ปาดเหงื่อบนหน้าผาก เขาถอดหน้ากากอนามัยออก เขาลูบหลังจวงหว่านแล้วพูดว่า

“พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังไม่ฟื้น ให้เธอพักผ่อนก่อนแล้วค่อยเข้าไป”

ทุกคนรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เผยตงถอนหายใจและพูดว่า

“ถ้างั้นฉันฝากจือหนิงด้วยนะ ฉันต้องรีบกลับไปก่อน”

ครั้งนี้เขตสุ่ยฝูถูกบุกรุก และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหนักเป็นจำนวนมาก กวานจือหนิงรอดไปแล้วหนึ่งชีวิต แต่ตอนนี้เราก็สูญเสียผู้คนไปจำนวนมากเช่นกัน

ซูเถาคว้าเธอเอาไว้ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า

“ฉันอาจจะมีวิธีช่วยพี่ได้ แต่ฉันไม่รู้ว่าพี่จะรับมันไว้ได้ไหม”

เป็นความจริงที่ความคิดนี้ฝังอยู่ในใจของเธอมาเป็นเวลานาน หากเธอไม่เห็นกวานจือหนิงเกือบตายในวันนี้ เธออาจลังเลอยู่นานก่อนที่จะพูดออกไป

หัวใจของเผยตงหยุดเต้นเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้ “มีวิธีอะไร”

ซูเถาเม้มปากแล้วพูดว่า “อันที่จริง ฉันสามารถจัดการที่ดินของตงหยางได้เหมือนเถาหยาง สร้างกำแพงเมือง และสร้างโครงสร้างพื้นฐานในระยะเวลาอันสั้น ขอแค่มีผลึกนิวเคลียสเพียงพอ”

ดวงตาของเผยตงหรี่ลง

ซูเถากลัวว่าเธอจะไม่เชื่อ จึงพูดต่อว่า

“พี่ไม่สังเกตเหรอว่าเถาหยางมีขนาดใหญ่กว่าเมื่อครึ่งปีก่อนมาก ตราบใดที่มีผลึกนิวเคลียสเพียงพอ เถาหยางก็สามารถควบรวมกับตงหยางได้”

เผยตงรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

เธอรู้ว่าเถาหยางกำลังขยายตัวอย่างช้า ๆ จะเห็นได้จากอาคารสำนักงานขนาดใหญ่พิเศษสองแห่งที่เพิ่งผุดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ และพื้นที่เพาะปลูกที่ขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ

แต่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเถาหยางจะควบรวมกับตงหยางได้

ซูเถาถอนหายใจและพูดว่า

“พี่เผย พี่น่าจะเข้าใจได้ว่าทำไมฉันถึงพูดถึงมันตอนนี้ อย่างไรก็ตามตงหยางนั้นคือความพยายามอุตสาหะของอดีตผู้นำกองทัพมาตลอด 20 ปี และยังเป็นสถานที่ที่พี่อุทิศเลือดเนื้อเพื่อปกป้องมัน และเป็นผลมาจากความพยายามร่วมกันของหลาย ๆ คน ถ้าควบรวมเข้ากับเถาหยาง…”

งั้นตงหยางก็จะตกอยู่ในความดูแลของซูเถา ที่ตงหยางมีผู้ดูแลมากมาย พวกเขาจะคิดยังไงถ้าจะมีผู้นำเพิ่มอีกหนึ่งคน? และผู้นำคนนี้ยังมีสิทธิ์ในการควบคุมและการจัดการอย่างสมบูรณ์อีกด้วย

นอกจากคนใกล้ชิดอย่างเผยตงและสือจื่อจิ้น ใครจะไว้ใจเธอและยอมรับในตัวเธอ?

เธอไม่อยากจะสร้างความเดือดร้อนหรือความไม่พอใจให้กับผู้คน แน่นอนว่าเผยตงเข้าใจ แต่ก็เงียบไปเป็นเวลานาน

ซูเถามองไปที่ห้องตรวจรักษาอีกครั้ง แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

“สิ้นเดือนนี้ เถาหยางจะสร้างโดมป้องกัน ซึ่งสามารถกำจัดภัยคุกคามจากท้องฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ ในเวลานั้น แม้แต่โบนวิงส์ก็ไม่สามารถทำอะไรกับเถาหยางได้”

เผยตงตกใจมาก

หากตงหยางต้องการทำแบบนั้น การสร้างกำแพงเมืองต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน?

“ฉันจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับอดีตผู้นำกองทัพก่อน”

……

กวานจือหนิงตื่นขึ้นมาในคืนถัดไป แม้ว่าเธอจะฟื้นแล้ว แต่ก็ทำได้เพียงลืมตา และเมื่อเห็นซูเถาอยู่ในอาการงุนงง มุมปากก็กระตุกยิ้ม

หลังจากนั้นเธอก็หลับไปอีกครั้ง

ซูเถาหวาดกลัวจนไม่กล้าแตะต้องเธอ “พ้นขีดอันตรายแล้วจริง ๆ ใช่ไหม”

จงเกาอี้อดหลับอดนอนตลอดคืน พลางเอ่ยให้กำลังใจ

“ไม่เป็นไรหรอก เธอแค่หลับไปเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกหัก 6 ซี่ และหน้าท้องของเธอเป็นรูกว้างขนาดใหญ่ ต้องขอบคุณร่างกายที่ดีของผู้ที่มีพลังวิเศษ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่รอด”

ซูเถาตกใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น

จวงหว่านรู้สึกเป็นห่วงคนรักของเธอ และในขณะที่เธอเช็ดเหงื่อให้เขาก็กำชับว่า

“คุณรีบกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

การกระทำของเธอทำให้จงเกาอี้รู้สึกเหนื่อยน้อยลงทันที

เมื่อเห็นฉากนี้ เหลยสิงก็รู้สึกอิจฉาและถามว่า

“เมื่อไหร่จะแต่งงาน?”

จวงหว่านกล่าวว่า “แต่งก่อนคุณแน่”

เหลยสิงรู้สึกเหมือนถูกจี้ใจดำ

จงเกาอี้รู้สึกสดชื่นขึ้นทันที

ซูเถาให้ทุกคนออกไป เหลือไว้แค่เฉินซีกับเธอคอยเฝ้าไข้กวานจือหนิงในห้องพักรักษาตัวหนึ่งคืน

หลังจากฟ้าสว่าง กวานจือหนิงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้น ซูเถารู้สึกอ่อนล้าดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนกะกับจวงหว่าน และผล็อยหลับไปเมื่อเธอกลับไปถึงห้อง เธอหลับจนถึงสี่หรือห้าโมงเย็น และตื่นขึ้นจากความหิว

เธอกำลังจะไปคลินิก แต่เห็นสายเรียกเข้าจากหม่าต้าเพ่าเข้ามาพอดี คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่เธอรับสายแล้ว ก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งแทรกเข้ามา

“ซูเถา เหลียนซาคือเหยื่อที่เธอวางเอาไว้!”

หัวใจของซูเถาเต้นแรงขึ้น ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “คุณเป็นใคร หม่าต้าเพ่าอยู่ที่ไหน”

“เธอใช้เหลียนซาเป็นเหยื่อล่อ สมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มเป้าถู เพื่อหักหลังเราและจับตัวพี่หย่งไป เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”

“ฉันชวีจิ้งอวิ๋น!”

ซูเถาไม่แสดงสีหน้าใด

เช้าวานนี้หม่าต้าเพ่ามาบอกเธอว่าเขาจะไปหาชวีจิ้งอวิ๋นเพื่อพูดคุย และดูว่าเธอจะสามารถเกลี้ยกล่อมเพื่อพาคนมามอบตัวได้หรือเปล่า

แต่สถานการณ์ของกวานจือหนิงนั้นอันตรายเกินไป ซูเถาไม่สามารถเอาใจไปคิดเรื่องอื่นได้ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าและตกลงที่จะปล่อยให้เขาไป

เขาถูกจับได้ระหว่างทางเหรอ?

ชวีจิ้งอวิ๋นย้ายอุปกรณ์สื่อสารไปที่ปากของหม่าต้าเพ่าซึ่งถูกมัดไว้

หม่าต้าเพ่าถูกปิดปากและทำได้เพียงส่งเสียงครวญคราง การเคลื่อนไหวที่ดิ้นรนของเขาทำให้คนสองคนที่อยู่ข้าง ๆ ทั้งต่อยและเตะเขา

ซูเถาได้ยินเสียงครวญครางอู้อี้อย่างเจ็บปวดในทันที และทันใดนั้น อารมณ์ของเธอก็พลุ่งพล่าน

“ถ้าพวกเธอแตะต้องเขาอีกครั้งละก็…”

หลังจากที่เธอพูดจบ ก็เรียกหน้าจอแสดงผลการจัดการของเถาฉือ และตั้งค่าเพื่อไม่อนุญาตให้ใช้พลังภายในอาณาเขต

จากนั้นจึงซื้อกล้องอีก 30 ตัว และติดตั้งในที่ต่าง ๆ ในเขตเถาฉือ

ในที่สุดหน้าจอมอนิเตอร์ก็ปรากฏขึ้น หม่าต้าเพ่าถูกจับตัวไปอยู่ที่ศูนย์กระจายสินค้าที่ถูกทิ้งร้าง เขาถูกพบภายในเวลาไม่ถึงห้านาที

เธอสามารถเห็นภาพของชวีจิ้งอวิ๋นที่กำลังสื่อสารกับคนที่อยู่ข้าง ๆ เธอได้อย่างชัดเจน

ชวีจิ้งอวิ๋นหัวเราะเยาะ

“คนของเธออยู่ในมือฉัน ซูเถา ฉันจะให้เวลาเธอสองวันให้เธอนำตัวถานหย่งมาแลกกับหม่าต้าเพ่า หากเธอไม่รับปากหรือเล่นตุกติกฉันจะฆ่าเขาซะ”

ซูเถาหรี่ตาแล้วถามว่า “หม่าต้าเพ่าไม่ได้บอกจุดประสงค์ในการไปหาเธอเหรอ”

ชวีจิ้งอวิ๋นเย้ยหยัน

“เขาถูกพวกเราจับทันทีที่ออกจากเขาผานหลิว โดยทั่วไปแล้วเขาคงไม่มีโอกาสได้พูดถึงเรื่องนี้ แต่ฉันไม่สนใจว่าใครอยากจะมาพูดอะไรกับฉัน ฉันสนอย่างเดียวคือให้ส่งตัวถานหย่งมา

ซูเถาเรียกแผนที่ระบบของเถาฉือขึ้นอย่างใจเย็น แล้วคลิก ‘เคลื่อนย้าย’ ในพริบตาเธอก็มาถึงประตูของศูนย์กระจายสินค้าเก่า

ด้านหน้ามีคนคอยเฝ้าอยู่ห่าง ๆ

สายตาของพวกเขาจ้องมองไปข้างนอก พวกเขาคงคิดไม่ถึงว่าข้างในจะมีใครบางคนโผล่ออกมาจากมิติ

ซูเถาเดินขึ้นบันไดไปอย่างช้า ๆ ขณะที่กำลังจะเข้าไป เครื่องสื่อสารที่เธอพกมาก็สะท้อนเสียงของพวกเขาออกมาจากตัวเครื่อง

“จิ้งอวิ๋น เปลี่ยนจากการแลกตัวถานหย่งเป็นเสบียงไม่ดีกว่าเหรอ ไม่ต้องพูดถึงการกระทำที่เย็นชาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาของพี่หย่ง เพราะว่าตอนนี้มีซอมบี้และสงครามอยู่ทุกหนทุกแห่ง และเสบียงก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด!”

“เหล่าเว่ยพูดถูก ตอนนี้ใครจะเป็นหัวหน้าก็ได้ แต่พวกเราจะไม่มีเสบียงไม่ได้! เราต้องเปลี่ยนเป็นเสบียง!”

“ฉันก็ขอให้เปลี่ยนเสบียงเหมือนกัน พี่หย่งถูกผู้หญิงคนนั้นไล่ต้อนจนบ้าไปแล้ว กลับมาก็ไม่ใช่เรื่องดี”

ชวีจิ้งอวิ๋นไม่ไหวติงและพูดอย่างหนักแน่น

“ไม่ ต้องเอาตัวพี่หย่งกลับมาให้ได้!”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงของใครบางคนแทรกเข้ามา

“คุณไม่มีพี่หย่งก็คงจะโศกเศร้าเสียใจ แต่พวกเราไม่”

“ถานเหล่าต้าก็คงไม่ต้องการให้คุณเปลี่ยนตัวเขากลับมา บางทีเถ้าแก่ของเขาผานหลิวคงน่าสนใจกว่า ฮ่าฮ่าฮ่า”

ชวีจิ้งอวิ๋นพูดด้วยความโกรธ

“ยกเว้นมี๋อู้ที่ถูกจับ พวกคุณทุกคนคงต้องตกที่นั่งลำบาก ไม่รู้จักบุญคุณของพี่หย่ง! ถ้าวันนี้คิดแต่จะเอาตัวรอด ครั้งต่อไปก็ถึงคราวที่คุณจะต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู จะไม่มีใครช่วยคุณได้!”

มีคนพึมพำ

“ถึงแม้ว่าคุณจะยังซื่อสัตย์ถึงที่สุด ก็ไม่ได้หมายความว่าถานเหล่าต้ารักคุณมาก ถ้าเปลี่ยนจากมี๋อู้เป็นคุณ ถานเหล่าต้าก็คงไม่ช่วยคุณออกมา และปล่อยให้คุณออกไปเผชิญกับความตายข้างนอกและเขาก็จะเสวยสุขกับผู้หญิงคนอื่น”

คำพูดเหล่านี้ทำให้หัวใจของชวีจิ้งอวิ๋นเจ็บปวด น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ

“ฉันไม่ต้องการให้พวกคุณเข้าใจฉัน แต่วันนี้ฉันต้องการแลกตัวหม่าต้าเพ่ากับพี่หย่ง ฉันจับชายคนนี้ได้ ดังนั้นฉันจึงมีสิทธิ์พูดและตัดสินใจ!”

ทันใดนั้นมีคนขัดจังหวะเสียงดัง

“เงียบ!”

“พวกคุณไม่รู้สึกว่ามีเสียงสะท้อนเมื่อพูดกันเหรอ เสียงที่พวกเราพูดมันดังซ้อนกัน เหมือนว่าเสียงนั้นจะอยู่ข้างนอก”

“มีคนอยู่ข้างนอกเหรอ!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาก็เกิดความเงียบขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนขมวดคิ้วและพูดว่า

“ใครก็เข้ามาไม่ได้ นี่มันเขตเรา ใครจะกล้าเข้ามา”

“ใช่ ข้างนอกก็มีคนคอยเฝ้าอยู่ ถ้าใครบุกเข้ามาก็น่าจะรีบแจ้ง”

“…ลองฟังดูดี ๆ เหมือนมีเสียงอยู่”

ชวีจิ้งอวิ๋นชักปืนของเธอและชี้ไปที่ประตูอย่างระมัดระวัง “ใครอยู่ข้างนอก!”

คนอื่น ๆ ก็ทำท่าทางป้องกัน เกร็งร่างกายและมองไปที่ประตู

“เหล่าเว่ย ใช้พลังการมองทะลุดูสิ” ชวีจิ้งอวิ๋นสั่ง

เว่ยเสียงรวบรวมพลังงานและหรี่ตาของเขาลง เพื่อเปิดใช้ความสามารถของเขา แต่แล้วเขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน เขาก็มองไม่ทะลุประตูเหมือนเคย

เหงื่อบนศีรษะของเขาแตกพลั่ก มือและเท้าก็อ่อนปวกเปียก

ชวีจิ้งอวิ๋นขมวดคิ้ว “มัวทำอะไรอยู่? เกิดอะไรขึ้นข้างนอก?”

เว่ยเสียงขมวดคิ้ว “ความสามารถของผมดูเหมือนจะไร้ประโยชน์…”