บทที่ 178 ขอบคุณที่รัก

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 178 ขอบคุณที่รัก

บทที่ 178 ขอบคุณที่รัก

เธอตอบกลับ

[แล้วกู้ชิงเฉิงไม่สวยเหรอ]

ตามด้วยอิโมจิยิ้ม

ดูเผิน ๆ ก็เหมือนกับเธอกำลังเล่นมุกตลก แต่ไม่รู้ทำไมซูโย่วอี๋นึกถึงวันที่ถ่ายรูปในวันนั้น วันที่เหมยเหมยบอกเธอว่าอวิ๋นเหมี่ยวจงใจไม่ซื้อกาแฟให้พวกเธอสองคน

เมื่อมองดูความคิดเห็นตอบกลับของอวิ๋นเหมี่ยวอีกครั้ง ซูโย่วอี๋ก็ไม่สามารถลบความรู้สึกแปลก ๆ ไปจากใจของเธอได้เลย

เธอเปิดดูการตอบกลับด้านล่างของอวิ๋นเหมี่ยวอย่างไม่แน่ใจ และพบว่าเหล่าชาวเน็ตมีปฏิกิริยาตอบกลับต่อคำพูดนี้ของเธอสองแบบที่ต่างกัน

[ฮ่า ๆ ชิงเฉิงก็สวยมาก]

[เหมี่ยวเหมี่ยวไม่ต้องห่วง คุณคือคู่ตัวละครคู่หลัก ฮ่า ๆ]

[นี่ ทำไมฉันสัมผัสได้ถึงรสหวานที่แสนขมขื่นล่ะ]

[ใช่ ประธานลู่กำลังชมแฟนตัวเองว่าสวย ใครจะดูไม่ออก แต่เธอยังจะมาถามถึงคนอื่นในเวย-ป๋อของเขาอีก]

[หึ แต่ที่เหมี่ยวเหมี่ยวถามคือกู้ชิงเฉิงนะ ไม่ได้ถามว่าตัวเองสวยหรือไม่สวย]

[อี๋ ฉันอ้วกแล้วนะ พวกคุณคงไม่คิดว่าเธอกำลังเล่นมุกจริง ๆ ใช่มั้ย]

[อย่าคิดลบกันเกินไปได้ไหม? เหมี่ยวเหมี่ยวของฉันมีแฟนอยู่แล้ว ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับประธานลู่หรอก]

[ความคิดเห็นด้านบน มีใครพูดว่าเธอคิดอะไรกับประธานลู่แล้วเหรอ? คุณเองก็ดูออกแล้วยังจะมาเถียงอะไรอีก]

ขณะที่ซูโย่วอี๋กำลังมึนงง ข้อความตอบกลับของอวิ๋นเหมี่ยวก็ถูกลบไปแล้ว

ความรู้สึกไม่สบายใจของซูโย่วอี๋หายไปอย่างรวดเร็ว

เธอคิดไปคิดมาก็ตอบกลับความคิดเห็นของลู่เฉินด้วย

[ดูให้ตรงเวลาด้วยนะ]

ชาวเน็ตต่างพากันหัวเราะยกใหญ่

[ก่อนหน้านี้หนึ่งนาที! จับภาพ ฮั่วเสวียนผู้สดใส]

[โย่วโย่ว คุณจริงจังเกินไปหรือเปล่า]

[โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม ถึงประธานลู่จะเป็นผู้ชายตรง ๆ แต่ก็กำลังโปรโมตให้แฟนตัวเองด้วย โย่วโย่ว คุณนี่มาเพื่อโปรโมตละครในความคิดเห็นจริง ๆ เลย]

[ไม่ใช่ว่าคุณควรจะตอบกลับด้วยประโยคว่า ขอบคุณที่รัก เหรอ]

[ความรักของหนุ่มสาวนี่สวยงามจริง ๆ]

ซูโย่วอี๋คิดอยู่สักพักก็รู้สึกว่าการตอบกลับของเธอดูจริงจังเกินไปจริง ๆ เลยส่งข้อความหาลู่เฉิน

[ขอบคุณนะคะที่รัก]

ไม่กี่วินาทีลู่เฉินตอบกลับ [ขอบคุณ?]

ซูโย่วอี๋เกาหัว [รอให้ฉันกลับไป จะเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่เลย]

ลู่เฉินมองดูโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ [งั้นผมจะรอมื้อใหญ่ของคุณ]

ย่านที่อยู่อาศัยในปักกิ่ง

อวิ๋นเหมี่ยวขดตัวอยู่บนโซฟา ถือโทรศัพท์ที่พึ่งลบการตอบกลับไปอย่างเหม่อลอย

เธอแอบติดตามลู่เฉินอย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอด ต่อให้ตัวจะอยู่ต่างประเทศก็ไม่เคยหยุดตามเขาเลย

ในตอนแรก เธอยอมขายร่างกายของตัวเองและคบกับซวี่เฟิง หวังจะได้รับบทในละครเรื่องหนึ่ง

เธอทำใจได้ในตอนแรก การที่เด็กจน ๆ ต้องสูญเสียทุกอย่างที่มีแลกกับอนาคตอันสดใส ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุดแล้ว

ต่อมาเธอถึงรู้ว่าตัวเองคิดผิด

ผิดอย่างมหันต์!

ต่อให้ลู่เฉินจะจนหรือไม่มีเงิน แต่เขาก็รักเธอ มีความจริงใจให้เธอ มีความรับผิดชอบ มีความทะเยอทะยาน

แต่ซวี่เฟิง แล้วไม่มีอะไรดีตั้งแต่ภายในถึงภายนอกนอกจากครอบครัวที่ร่ำรวย

หลังจากที่คบกัน อวิ๋นเหมี่ยวรู้ว่าคนคนนี้มั่วไปทั่ว ทั้งเล่นยาและการพนันต่าง ๆ

ในฐานะแฟน เธอรู้สึกเหมือนกับเป็นแค่ของเล่น

ตอนที่อวิ๋นเหมี่ยวยืนอยู่ข้างลู่เฉิน เธอรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากกว่านี้

แต่การยืนอยู่ข้างซวี่เฟิง เธอเป็นเพียงคนรักที่หน้าตาสวยให้กลุ่มเพื่อนอันธพาลของเขาได้หยอกล้อเล่น

ยังดีที่อวิ๋นเหมี่ยวเป็นคนมุ่งมั่น เธอค่อย ๆ มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงจากการเปิดทางของ ซวี่เฟิง

ซวี่เฟิงไม่เคยคิดที่จะเลิกกับเธอ และยังใช้เธอเป็นหน้าเป็นตาให้กับเขา เป็นเครื่องมือที่ใช้ล่อลวงหญิงสาว

เสียงเปิดประตูดังขึ้น ซวี่เฟิงเดินเข้ามาพร้อมกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่ง

อวิ๋นเหมี่ยวมองดูเขาด้วยความรังเกียจ แต่ก็ยังลุกขึ้นประคองเขาไปที่โซฟา

ซวี่เฟิงนอนแผ่อยู่บนโซฟา บนเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขามีรอยจูบอยู่บนนั้นมากมาย เขาเมาจนตาพล่ามัว “เหมี่ยวเหมี่ยว ผู้หญิงที่เล่นเป็นฮั่วเสวียนในทีมละครของคุณชื่ออะไร? เธอดูสวยดีนะ”

ทุกครั้งที่ซวี่เฟิงพูดประโยคแบบนี้ นั่นแสดงว่าเขาสนใจในผู้หญิงคนนั้น

และอวิ๋นเหมี่ยวก็จะต้องลองไปเป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนั้นและค่อย ๆ นำผู้หญิงพวกนั้นให้ติดกับดักของซวี่เฟิงทีละขั้น

จนกระทั้งผู้หญิงคนนั้นเป็นเหมือนกันกับอวิ๋นเหมี่ยว กลายเป็นของเล่นของชายคนนี้

แต่ครั้งนี้ อวิ๋นเหมี่ยวเงียบไปจนผิดปกติ

“ทำไม แค่บอกมันยากนักเหรอ?”

สักพักหนึ่งอวิ๋นเหมี่ยวจึงตอบกลับ “เธอชื่อซูโย่วอี๋ เป็นแฟนของลู่เฉิน”

ซวี่เฟิงคิดอยู่นานกว่าจะนึกออกว่าลู่เฉินเป็นใคร

“แฟนหนุ่มผู้น่าสงสารที่คุณเคยคบตอนเรียนมหาวิทยาลัยน่ะเหรอ?”

เขาหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “ก็ดี ผมแย่งแฟนเก่าของเขามาได้ ผมเล่น ๆ กับแฟนคนปัจจุบันก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง”

ซวี่เฟิงเป็นทายาทรุ่นที่สองที่คอยใช้เงินสกปรกของครอบครัว เขาไม่ได้สนใจธุรกิจหรือเรื่องในวงการบันเทิงเลย กิจกรรมในทุก ๆ วันของเขาก็คือกิน นอน และทำกิจกรรมบนเตียง

อวิ๋นเหมี่ยวเห็นซวี่เฟิงดูถูกลู่เฉินก็รู้สึกโกรธขึ้นมา

คนอย่างเขายังกล้าดูถูกลู่เฉินอีกเหรอ?

อวิ๋นเหมี่ยวอยากบอกว่าลู่เฉินมีเบื้องหลังอะไรเพื่อเป็นการตบหน้าเขา แต่เธอก็เก็บคำพูดพวกนั้นไปอย่างกะทันหัน

บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่จะใช้ซวี่เฟิงแยกซูโย่วอี๋ออกไปจากลู่เฉินก็ได้

“ซูโย่วอี๋ถือเนื้อถือตัวจะตาย คงไม่โดนหลอกง่าย ๆ หรอก”

ซวี่เฟิงหัวเราะเยาะ “ถือตัว? แค่นั้นจะมีประโยชน์อะไร? เหมี่ยวเหมี่ยว คุณอยู่กับผมมาตั้งนานแล้ว คงได้รู้วิธีสกปรก ๆ มาไม่น้อย”

“ผมไม่ได้ต้องการให้เธอยินยอม”

อวิ๋นเหมี่ยวมองต่ำลง “ฉันเข้าใจแล้ว คุณต้องการจะเอาชนะเธอหรือว่าอะไร?”

ซวี่เฟิงหลับตาลง ในหัวนึกถึงภาพฮั่วเสวียนในโทรทัศน์

แม่เจ้าโว้ย เขามีชีวิตอยู่มาตั้งนาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ซวี่เฟิงได้พบกับผู้หญิงที่สวยมากขนาดนี้

ต่อให้แต่งตัวในชุดของผู้ชาย แต่นั่นก็ไม่สามารถซ่อนความสวยของเธอเอาไว้ได้เลย!

วันนั้นที่ไปรับอวิ๋นเหมี่ยว เขาน่าจะดูให้ดี ๆ ก่อน

ขณะที่กำลังกระวนกระวายใจ ซวี่เฟิงพูดขึ้น “คุณรีบจัดการให้เร็วที่สุด ผมไม่ต้องการคนอื่นแล้ว”

ก่อนหน้านี้ตอนที่ซวี่เฟิงไปเยี่ยมเธอ เขาพบกับเสิ้งเซี่ยอยู่หลายครั้งและสนใจเธออยู่นิดหน่อย แต่คำพูดเมื่อกี้หมายความว่านอกจากซูโย่วอี๋แล้ว ไม่ว่าใครเขาก็ไม่สนใจอีกต่อไป

แต่ว่ามีลู่เฉินอยู่ เรื่องนี้ก็ควรค่อยเป็นค่อยไป จะรีบเร่งไม่ได้

เมืองหลินจือ ชายแดนมองโกเลีย

ตั้งแต่ละครสองตอนล่าสุดออกอากาศไป เรตติ้งก็พุ่งสูงขึ้น การพูดถึงละครรักในฝันในอินเทอร์เน็ตก็เพิ่มมากขึ้น ความกระตือรือร้นของทีมงานละครทั้งหมดจึงเพิ่มขึ้นเช่นกัน

สวีโหมวเริ่มตัดรายละเอียด เริ่มเข้มงวดกับการควบคุมในแต่ละฉากเพิ่มมากขึ้น จนฮันเจ๋อ-หยางพูดติดตลกเป็นการส่วนตัว “รุ่นน้อง เพราะเธอคนเดียว ทำให้มาตราฐานการทำงานของพวกเราสูงขึ้นไปอีก”

แต่ซูโย่วอี๋กลับไม่ได้รู้สึกเหนื่อย ยิ่งสวีโหมวเข้มงวดก็ยิ่งช่วยให้ทักษะการแสดงของเธอดีขึ้นไปด้วย

หร่งตี๋กำลังเคลื่อนไหว มีการส่งสายลับจำนวนมากเข้าไปในชายแดนต้าเซี่ยเพื่อตรวจสอบที่ตั้งและกำลังทหารของกองทัพตระกูลฮั่ว ฮั่วเสวียนและหลี่จื้อต้องต่อสู้เคียงข้างกัน ติดตามเบาะแสและจับสายลับได้หลายคน แต่สถานการณ์ยังคงรุนแรง

สายลับที่จับมาได้ก็มีตำแหน่งค่อนข้างสูง หลังการทรมาน กบฏก็เผยแผนการของหร่งตี๋ที่จะบุกโจมตีค่ายทหารในเวลาอันใกล้นี้

หลี่จื้อรีบเรียกระดมพลในทันทีเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการรับมือ

“เราจะแพ้สงครามครั้งนี้ไม่ได้ ทหารทุกนายจะต้องเตรียมการออกรบให้พร้อมทุกเมื่อ”

ชุยดาบเดียวเลิกคิ้วขึ้น “คนป่าเถื่อนพวกนี้กล้าโลภหวังจะได้ดินแดนแห่งราชวงศ์ต้าเซี่ยของข้าไป คอยดูเถิด ข้าจะทุบตีพวกมันจนต้องอ้อนวอนขอความเมตตา”