ตอนที่ 152 คําแนะนําจากยาจกเฒ่า

ในตอนนี้มู่อี้เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เขาไม่ได้เสียใจที่ว่าทําไมเรื่องร้ายๆแบบนี้ถึงไม่ไปเกิดกับชวี่หยางแทน หรือเสียใจที่เขาต้องเผชิญหน้ากับคนทั้งโลก แต่เขาเสียใจที่เมื่อคืนนี้เขาไม่รีบสังหารชวี่หยางให้จบสิ้นไปเลย

จากสถานการณ์ในตอนนั้นหากว่าเขาฝืนโจมตีต่อด้วยตะเกียงทองแดงด้วยพลังทั้งหมดของเขาบวกกับความช่วยเหลือของฉงเจียอี่ เขามั่นใจประมาณ 70% ว่าจะต้องสังหารชวี่หยางได้แน่นอน แต่ถ้าหากเป็นเช่นนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับมู่อี้จะต้องเลวร้ายยิ่งกว่าตอนนี้แน่นอน

และหลังจากสังหารชวี่หยางได้แล้ว หลี่เฉียจ๋อก็จะไม่มาปรากฏตัวที่นี่อีกต่อไป นอกจากนี้ความเสี่ยงที่เขาอาจจะพ่ายแพ้ชวี่หยางก็ถือว่ายังมีสูงมาก ดังนั้นมู่อี้จึงเลือกที่จะทําเช่นนั้น

แต่ในตอนนี้เขากลับรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของตนเองเมื่อคืนนี้

น่าเสียดายที่โลกใบนี้ไม่มียาอะไรที่แก้ความเสียใจได้ แม้ว่ามู่อี้จะเสียใจและผิดหวังแต่ก็ไม่มีใครช่วยอะไรเขาได้ สิ่งที่เขาสมควรทํานั่นก็คือหาวิธีการที่ทําให้ตนเองผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้

เขาเชื่อว่ายาจกเฒ่าที่อยู่ตรงหน้าตนเองในตอนนี้คงไม่โกหกเขาแน่นอน ชวี่หยางคงเริ่มกระจายข่าวเรื่องที่เขาคือผู้ที่ครอบครองกุญแจเอาไว้ออกไปแล้วจริงๆ

ในโลกใบนี้การกระจายข่าวเรื่องที่ทุกคนอยากรู้นั้นเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่งเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับความลับอย่างเส้นทางบรรพกาลแห่งแม่น้ำเหลืองย่อมเป็นที่สนใจของผู้ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว

มู่อี้เชื่อว่าตราบใดที่เขาปรากฏตัวขึ้นในยุทธภพปัญหามากมายคงถาโถมเข้ามาหาเขาอย่างไม่จบไม่สิ้นแน่นอน นอกเสียจากว่าเขาจะมีพลังที่ทําให้ทุกๆคนต้องหวาดกลัวอย่างเช่นการมีเมืองไป๋ตี้หรือสํานักเหมาซานคอยหนุนหลังตนเองอยู่ ไม่อย่างนั้นแล้วทุกคนในโลกใบนี้ก็พร้อมที่จะเข้ามาแย่งชิงกุญแจของเขาไป

ดังนั้นมู่อี้จึงจ้องมองมาที่ยาจกเฒ่าและถามว่าเขาควรมอบกุญแจให้กับยาจกเฒ่าหรือไม่

” ทําไมเจ้าถึงอยากทําเช่นนั้น?” ผิดคาด ยาจกเฒ่ากลับสายศีรษะและถามกลับมา

” ท่านผู้อาวุโสโปรดให้คําแนะนําแก่ข้าด้วยเถอะขอรับ” มู่อี้ตอบกลับมาทันที เขาเชื่อว่าในเมื่ออีกฝ่ายสามารถหาตัวเขาเจอได้อย่างง่ายดายเช่นนี้จะต้องมีคําแนะนําที่สามารถช่วยเหลือเขาได้แน่นอน

แม้ว่ามู่อี้ไม่อยากจะคิดในแง่ร้ายสักเท่าไหร่แต่เขาก็ไม่อาจจะเชื่อได้ว่าคนแปลกหน้าคนหนึ่งจะเข้ามาช่วยเหลือตัวเองโดยไม่มีเหตุผลแน่นอน

“ถ้าหากเจ้าอยากได้คําแนะนํา ก็จงไปหลบซ่อนตัวอยู่ในที่ๆไม่มีใครรู้จัก นับแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าจะถือว่าเป็นคนที่ไร้ตัวตน เจ้าจะต้องซ่อนตัวเป็นเต่าหดหัวอยู่แบบนั้นจนกว่าเจ้าจะมีพลังมากพอ” ยาจกเฒ่าพูดพร้อมกับเหลือบมองมาที่มู่อี้

“ข้าน้อยทําเช่นนั้นไม่ได้ขอรับ” มู่อี้ส่ายศีรษะกลับมาทันที เขายอมที่จะเสียกุญแจในมือไปดีกว่าจะทําแบบนั้นเพราะในตอนนี้เขามีเรื่องสําคัญอีกมากมายที่ต้องทํา การตามหาร่างของท่านปู่นั้นคือสิ่งที่เขาไม่อาจละทิ้งไปได้และมันสําคัญยิ่งกว่าการตามหาเส้นทางบรรพกาลแห่งแม่น้ำเหลืองเสียอีก

“ถึงเจ้าจะทําแบบนั้นไม่ได้ แต่ก็ห้ามปล่อยกุญแจให้หลุดมือไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นแล้วเจ้าจะไม่มีโอกาสได้มันกลับมาเป็นครั้งที่ 2 เมื่อโชคของเจ้าถูกใช้ไปหมดแล้วแม้ว่าเจ้ามีพลังมากพอจนอยากจะไขว่คว้ากุญแจอีกครั้งเมื่อถึงตอนนั้นเจ้าก็ไม่อาจทําได้แล้ว” ยาจกเฒ่าส่ายศีรษะของเขาทันที สีหน้าของเขาแสดงความโดดเดี่ยวออกมาเล็กน้อย

“แต่การที่จะเก็บกุญแจไว้กับตัวข้าก็ต้องมีพลังที่แข็งแกร่งด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วข้าก็ไม่อาจรักษามันเอาไว้ได้แน่นอน นี่คือเป็นโชคดีอะไรกันขอรับ?” มู่อี้ถามต่อ

“เอาล่ะ เช่นนั้นข้าก็จะให้คําแนะนํากับเจ้าดู แม้ว่าพลังของเจ้าจะไม่ได้มากนักแต่เจ้าก็ยังสามารถปกป้องตนเองได้ ในทางกลับกันเจ้าต้องพยายามฝึกฝนบ่มเพาะอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับตนเองให้เร็วที่สุด ส่วนกุญแจนี้จะอยู่ในมือของเจ้าต่อไปหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับพรหมลิขิตและโชคชะตาของเจ้าแล้ว หลังจากนี้มันขึ้นอยู่กับว่าเจ้าดิ้นรนได้มากเพียงใด แม้ว่าเจ้าจะต้องตายก็อย่าโทษคนอื่นเลย โอกาสรอดของเจ้ายังมี ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องรอดไปได้แน่นอน” ยาจกเฒ่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจากนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง

“เชิญท่านผู้อาวุโสพูดต่อเลยขอรับ” มู่อี้พูดต่อ

“จงทําดีกับเด็กน้อยคนนั้นให้มาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตอย่าทิ้งนางเด็ดขาด” ยาจกเฒ่าพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

เมื่อได้ยินเช่นนี้มู่อี้ก็ตัวสั่นขึ้นมาทันทีและสายตาของเขาก็ดูเฉียบคมมากยิ่งขึ้น “ ท่านเป็นใครกันแน่? ทําไมท่านถึงทราบเรื่องของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ด้วย?”

“เด็กหญิงน้อยผู้นั้นมีชื่อว่าเนี่ยนหนิวเอ้อร์อย่างนั้นหรือ?” ยาจกเฒ่าพูดพึมพํากับตนเองจากนั้นก็พูดต่อไปว่า “ข้าไม่รู้จักเด็กน้อยคนนั้นหรอก ข้ารู้จักเพียงแค่ต้นไผ่แห่งชีวิตที่มี 14 ปล้องต้นนั้น”

ยาจกเฒ่าพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา ในขณะเดียวกันสีหน้าของเขาก็เหมือนกําลังนึกถึงใครบางคนอยู่และแววตาของเขาก็แสดงความคิดถึงและความโศกเศร้าออกมาทันที

มู่อี้คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้โกหกเขาแน่นอนและจากการที่ชายชราพูดถึงต้นไผ่แห่งชีวิตนั้นสีหน้าของเขาไม่ได้แสดงความโลภออกมาแม้แต่น้อย ชายชราผู้นี้รู้จักต้นไผ่แห่งชีวิตจริงๆ บางทีเขาอาจจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้นไผ่แห่งชีวิตต้นนี้และเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหญิงน้อยคนนั้น

ในเมื่อเขาแน่ใจแล้วเขาก็ต้องการคําตอบจากชายชราเพื่อยืนยันว่าตัวเองคิดถูก

“ท่านผู้อาวุโสรู้จักผู้ที่เป็นบิดาของเนี่ยนหนิวเอ้อร์หรือไม่ขอรับ?” มู่อี้ถามขึ้นมาทันทีด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

แม้ว่าเนี่ยนหนิวเอ้อร์จะไม่ได้ต้องการพบหน้าบิดาที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต แต่ถ้ามีโอกาสจริงๆมู่อี้ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือนางตามหาบิดาของนาง อย่างน้อยเขาก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นและทําไมชายผู้นี้ถึงทิ้งให้ลูกของตัวเองต้องกลายเป็นเด็กกําพร้าทิ้งให้ภรรยาของตนเองต้องกลายเป็นหญิงหม้าย? และในตอนนั้นเนี่ยนหนิวเอ้อร์ปวยเป็นอะไรกันแน่? หรือว่ายารักษาปกติใช้ไม่ได้ผลจึงต้องเปลี่ยนให้นางกลายเป็นวิญญาณและอาศัยอยู่ในต้นไผ่แห่งชีวิตไปตลอดกาลอย่างนั้นหรือ?

“ข้าย่อมรู้จักดี” ยาจกเฒ่าไม่ได้ปฏิเสธเลยแต่พยักหน้าทันที จากนั้นเขาก็จ้องมองมาที่ต้นไผ่แห่งชีวิตที่อยู่ด้านหลังของมู่อี้และพูดขึ้นมาเบาๆว่า “ข้าไม่เพียงแต่รู้จักผู้ที่เป็นบิดาของเด็กน้อยผู้นี้เท่านั้น แม้แต่ต้นไผ่ต้นนี้ข้าก็เป็นคนช่วยหามาให้เขา ข้าคิดว่าจะไม่ได้เห็นมันอีกแล้วในชีวิตนี้คงเป็นเรื่องบังเอิญอย่างยิ่งที่ข้าได้พบเห็นมันอีกครั้งในตอนนี้”

“ท่านผู้อาวุโสบอกได้หรือไม่ขอรับ ว่าใครคือบิดาของเนี่ยนหนิวเอ้อร์และเขาอยู่ที่ไหนในตอนนี้?” มู่อี้ถามต่อไป

“บิดาของเด็กหญิงน้อยผู้นี้มีเพียงแค่นามสกุลเท่านั้นที่เป็นชื่อของเขา และเขาถือว่าเป็นชายที่แปลกประหลาดอย่างยิ่งคนหนึ่ง น่าเสียดายที่เขาเกิดมาผิดเวลาไปหน่อย ถ้าหากเขาเกิดเร็วกว่านี้อีกสัก 30 ปี ข้าเชื่อว่าโลกในวันนี้คงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแน่นอน” ยาจกเฒ่าพูดออกมาเบาๆ

“บิดาของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ยังมีชีวิตอยู่อย่างนั้นหรือขอรับ?” มู่อี้ถามอีกครั้ง

“ตายแล้ว ตายไปนานแล้ว” ยาจกเฒ่าตอบกลับมาตามตรง แม้แต่น้ำเสียงของเขาในตอนนี้ก็ดูเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย

“ตายแล้วอย่างนั้นหรือ?” สีหน้าของมู่อี้ดูตกตะลึงขึ้นมา แม้ว่าเขาจะคิดเอาไว้แล้วว่าคําตอบจะต้องออกมาเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ยังคงรู้สึกผิดหวังเมื่อได้ยินคําตอบจริงๆ เขาตัดสินใจเก็บเรื่องนี้เอาไว้กับตนเองและไม่บอกเนี่ยนหนิวเอ้อร์ มันคงจะดีกว่าการที่นางได้ทราบเรื่องนี้และทําให้นางโศกเศร้ายิ่งกว่าเดิม

แม้ว่ามู่อี้จะไม่รู้ว่ายาจกเฒ่าผู้นี้เกี่ยวข้องอะไรกับบิดาของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อเขาและยังมาที่นี่เพื่อเตือนเขาอีกด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วมู่อี้คงไม่รู้เลยว่ามีภัยร้ายที่กําลังคืบคลานมาถึงตนเองจากทั่วทิศทาง

แม้ว่าเขาจะไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ในตอนนี้และยังคงต้องเผชิญหน้ากับศัตรู แต่อย่างน้อยมันก็ทําให้เขาได้เตรียมตัวและรู้ว่าศัตรูที่เข้ามานั้นจะเป็นใคร ขั้วอํานาจทั้ง 5 ฝ่ายที่ครอบครองกุญแจอยู่ในตอนนี้มู่อี้ไม่คิดว่าพวกเขาจะลงมือช่วงชิงกุญแจไปจากตนเองแน่นอน

เพราะเพียงแค่กุญแจดอกเดียวก็มากพอแล้ว สําหรับพวกเขาแล้วการมีกุญแจอยู่ในครอบครองเพียงแค่ดอกเดียวก็หมายความว่าพวกเขามีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมเส้นทางบรรพกาลแห่งแม่น้ำเหลืองแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะตามเก็บรวบรวมกุญแจดอกอื่นๆอย่างยากลําบาก ในทางกลับกันก็ถือเป็นการรักษาสมดุลระหว่างทั้ง 5 ขั้วอํานาจด้วยเช่นกัน

เรื่องบางอย่างแม้จะไม่มีคําอธิบายใดๆแต่ทุกๆคนก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามอย่างพร้อมเพียงกัน

เมื่อขั้วอํานาจใหญ่ไม่ลงมืออย่างน้อยมู่อี้ก็ยังมีโอกาสได้หายใจและศัตรูที่เข้ามานั้นอาจจะไม่ได้ทรงพลังมากจนเขาทําได้เพียงแค่รอความตายเพียงอย่างเดียว

เหมือนกับที่ชายชราพูดเอาไว้ เขาต้องใช้แรงกดดันที่มีในตอนนี้เป็นแรงผลักดันที่จะทําให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด

“เรื่องที่สมควรพูดก็ได้พูดไปจนหมดสิ้นแล้ว ซุปเนื้อสุนัขหม้อนี้ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าเป็นพิเศษมีของดีๆอีกมากมายที่ใส่ลงไปเพิ่มเติม เจ้ารีบทานเถอะ” ยาจกเฒ่าตบที่ไหล่ของเขาเบาๆและยืนขึ้นทันที

ก่อนที่มู่อี้จะรู้สึกตัว ทันใดนั้นชายชราก็ได้หายตัวไปแล้ว

” ท่านผู้อาวุโส โปรดบอกชื่อของท่านให้ข้าได้ทราบด้วยเถิดขอรับ” มู่อี้ตะโกนออกมาทันที เขาจ้องมองไปยังทิศทางที่ยาจกเฒ่าหายตัวไปก่อนหน้านี้

“ยาจกเฒ่าผู้นี้เป็นเพียงแค่ขอทานไร้ชื่อเท่านั้น ถ้าหากวันใดวันหนึ่งเจ้าเกิดหลงรักวิชาดาบขึ้นมาก็จงไปตามหาข้าที่ทะเลจีนใต้ ยาจกเฒ่าผู้นี้จะมอบโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้กับเจ้าเอง” ตรงหน้าของมู่อี้มีเพียงน้ำซุปในหม้อเท่านั้นที่กําลังเดือดอยู่

กลิ่นหอมอย่างรุนแรงไม่ได้ออกมาจากหม้ออีกแล้วและมู่อี้ก็ไม่ได้รู้สึกหิวกระหายอีกต่อไป แต่เขาก็ยังคงตักเนื้อสุนัขออกมาจากหม้อเหล็กและทานมันเข้าไปทันที เนื้อสุนัขหม้อใหญ่นี้เติมเต็มท้องอันว่างเปล่าของเขาได้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาเริ่มแดงขึ้นมาเพราะความเผ็ดร้อนและเหงื่อก็ไหลออกมาจากศีรษะของเขา

ท้ายที่สุดมู่อี้ก็เช็ดมือของตัวเองและยืนขึ้นมาทันที สายตาของเขาดูมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เขาก็มีเพียงแต่ต้องเผชิญหน้ากับมันเท่านั้น ด้วยพลังของเขาที่อยู่ในระดับความยากขั้นที่ 2 ของการฝึกฝนจิตใจบวกกับตะเกียงทองแดงและต้นไผ่แห่งชีวิต เขาไม่เคยหวาดกลัวที่จะต้องต่อสู้กับผู้ใดอยู่แล้ว

จากนั้นมู่อี้ก็ออกไปจากที่นี่ทันที เขาเก็บทุกๆคําที่ยาจกเฒ่าพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้เอาไว้ในใจของเขา

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ายาจกเฒ่าหายตัวไปไหนแล้วแต่เขาก็เชื่อว่าสักวันหนึ่งจะต้องได้พบกันอีกครั้งแน่นอน บางทีเมื่อถึงวันนั้นเขาอาจจะได้ทราบชื่อของอีกฝ่าย นี่มันความสัมพันธ์อะไรกัน?

จากการพบกันในครั้งนี้ดูเหมือนยาจกเฒ่าจะไม่ใช่คนที่เลวร้ายเท่าไหร่นัก ด้วยโอกาสครั้งใหญ่ที่มู่อี้ได้รับมาในวันนี้ มันทําให้ความมุ่งมั่นของเขาเพิ่มขึ้นมาโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย

แน่นอนว่าสําหรับเขาแล้วอนาคตคือสิ่งที่อยู่ห่างไกล เขาต้องเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ที่แข็งแกร่งมากมายที่ต้องการช่วงชิงกุญแจไปจากตนเองและเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเขาก็ไม่อาจหลบซ่อนตัวอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆของฉงเจียอีได้อีกต่อไป ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะเป็นผู้ที่ชักนําหายนะไปสู่หมู่บ้านแห่งนั้นและแม้แต่ฉงเจียอี่ก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย เมื่อถึงตอนนั้นแล้วจะไม่มีใครช่วยเขาจับตามองชวี่หยางอีกต่อไป

แม้ว่าเขาจะยังคงรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้สังหารชวี่หยางไปเมื่อคืนนี้ มู่อี้พยายามอดกลั้นต่อความโกรธแค้นของตนเองที่เกิดขึ้นมาในตอนนี้ อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ก็ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เมื่อเขาได้พบกับหลี่เฉียจื่อและตามหาร่างกายของท่านปูกลับมาได้ เมื่อถึงตอนนั้นแล้วเขาจะแก้แค้นให้สาสมกับสิ่งที่เขาต้องเผชิญในตอนนี้

มู่อี้ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะเป็นคนที่ใจกว้างขนาดนี้ ในทางกลับกันเขารู้สึกว่าจิตใจของตัวเองนั้นคับแคบอย่างยิ่ง

เพราะเดินทางไปในทิศทางที่แตกต่างกันมู่อี้จึงไม่รู้เลยว่าที่ริมฝั่งแม่น้ำเหลืองในตอนนี้ยาจกเฒ่ายืนอยู่ที่นั่นและตรงหน้าของเขานั้นเป็นนักพรตเต๋อายุน้อยคนหนึ่งที่มีท่าที่สงบเสงี่ยมอย่างยิ่ง นักพรตเต๋ผู้นี้ย่อมเป็นผู้สืบทอดของสํานักเหมาซาน หมิงหลง นั่นเอง

” ท่านลุง ท่านคิดจริงๆหรือขอรับว่าเขาจะสามารถรักษากุญแจเอาไว้ได้?” หมิงหลงถามด้วยความสงสัย

“มันสําคัญด้วยหรือว่าจะเก็บรักษาได้หรือไม่? นั่นมันก็แค่กุญแจดอกหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าเจ้าจะสามารถเข้าไปในเส้นทางบรรพกาลแห่งแม่น้ำเหลืองได้แล้วยังไงกัน? ท้ายที่สุดแล้วเจ้าจะเผชิญหน้ากับสวรรค์ได้หรือไง?” ยาจกเฒ่าพูดขึ้นมาทันที ลมจากริมฝั่งแม่น้ำพัดเข้ามาหาเขาอย่างต่อเนื่อง

ระหว่างการเดินทางของทั้งสองคนมีเพียงความเงียบเท่านั้นและหมิงหลงก็ไม่รู้จะตอบคําถามของยาจกเฒ่าเช่นไรดี

“เสี่ยวหมิงหลง เจ้ารู้หรือเปล่าว่ามีคนจมลงไปใต้แม่น้ำเหลืองแห่งนี้กี่คน?” ยาจกเฒ่าถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“มากมายขอรับ” หมิงหลงตอบกลับมา

“ไม่ใช่ คําว่ามากมายคงไม่พอหรอกนะ” ยาจกเฒ่าพูดออกมาเบาๆแต่ความหมายในคําพูดของเขานั้นทําให้รู้สึกหนาวเหน็บยิ่งกว่าลมที่พัดเข้ามาในฤดูหนาวเสียอีก แม้แต่หมิงหลงก็ต้องหยุดนิ่งทันที สายตาของเขามีร่องรอยของความหวาดกลัวอยู่ภายในนั้น