ขอบเขตพลังของข้าถูกเปิดเผยจริงๆ หรือไม่?
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดถึงปัญหานั้นอยู่เสมอขณะขับเคลื่อนก้อนเมฆบิน ไปที่โถงตู้เซียน
บัดนี้ เนื่องจากเรื่องของสำนักทะเลทักษิณ และความจริงที่ว่าเขาอาจจะไม่ทันระวัง และเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญเหวินตัวต่อตัวมาสักระยะหนึ่งแล้ว …
ในขณะนี้ขอบเขตพลังที่ข้าปกปิดเอาไว้นั้นไม่ง่ายเหมือนไพ่ไม้ตายอีกต่อไปแล้ว
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของข้าเองโดยตรง!
หลี่ฉางโซ่วได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการเรียนรู้ ‘ทักษะสงบลมปราณเต่า’
ในตอนแรกเขาได้วิเคราะห์เคล็ดวิชาการฝึกฝนทุกประเภทและสรุปย้อนกลับต่อไป แล้วยังได้ข้อสรุปเคล็ดวิชาต่างๆ ในการซ่อนลมปราณที่มีอยู่ในสำนักตู้เซียนก่อนจะคิดหาวิธีซ่อนลมปราณของตัวเอง…
ก่อนที่เขาจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ เคล็ดวิชานี้ได้รับการปรับปรุงหลายสิบครั้ง และหลังจากที่หลี่ฉางโซ่วกลายเป็นเซียนแล้ว เขาก็ยังยกระดับเคล็ดวิชานี้ให้อยู่ในระดับกฎหลบหนี!
อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วรู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อยเช่นกันเมื่อเผชิญหน้ากับเซียนจินที่มีชีวิตอยู่มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง…
แม้ข้าจะมีสายธนูได้เพียงสองสายเท่านั้น แต่หากเจ้าสำนักจงใจทดสอบข้า ข้าก็ยังสามารถใช้แผนสำรองที่สามได้ทันที
เป็นแผนสำรองที่เรียกว่าเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้อย่างฉับพลัน
เขาจะพิสูจน์ได้ทันทีว่า เขาไม่ใช่สายลับของศัตรูหรือปีศาจจากต่างโลกและเขาเป็นศิษย์ที่แท้จริงของสำนักตู้เซียน แต่เพียงบังเอิญว่าการฝึกฝนของเขาพุ่งพรวดรวดเร็วขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ ดังนั้นเขาจึงรุดหน้าขึ้นมากในช่วงข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์…และในขณะนั้น เขาก็ร่อนลงมาอยู่ที่หน้าโถงอันวิจิตรตระการตานี้และมองดูมันแล้ว
หลี่ฉางโซ่วสงบสติอารมณ์ลง และถอนพลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก่อนจะเสถียรลมปราณของเขาในขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นแปดแล้วจึงก้าวเข้าไปภายในนั้น
ทันทีที่เขาเข้าไปในโถง เขาก็ได้ยินข้อความเสียงแผ่วเบาผ่านเข้าหูมา
“แค่กๆ…หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์จากยอดเขาหยกน้อยหรือ ไม่ต้องพูดอะไร แค่พยักหน้า”
หลี่ฉางโซ่วยังคงเงียบและพยักหน้าเบาๆ
จากนั้นข้อความเสียงนั้นยังกล่าวอีกว่า “ขยับมาทางซ้าย มีประตูเล็กๆ ตรงมุมโถง เข้ามาเลย ไม่ต้องกังวล ข้าคือเจ้าสำนักตู้เซียนที่เรียกเจ้ามาพบเพื่อจะบอกเรื่องเล็กน้อยบางอย่างให้เจ้ารับรู้”
“แค่กๆ”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน…อย่าพูดถึงคนอื่นเลย เหตุใดเสียงในข้อความเสียงของท่านเจ้าสำนักถึงฟังดูไม่สบายเช่นนี้
หลังจากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ก้มศีรษะแล้วเดินข้ามโถงหลักที่ค่อนข้างโล่งไปอย่างรวดเร็ว แล้วมุ่งหน้าไปยังมุมทางด้านซ้ายของโถง และในไม่ช้า เขาก็มาถึงหน้าประตูไม้สองบาน
เขายืนอยู่ที่นั่นชั่วขณะหนึ่งก่อนจะค่อยๆ ผลักเปิดประตูไม้ออกเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงของเจ้าสำนักอีกครั้ง…
ภายในเป็นห้องน้ำชาที่เรียบง่ายและสง่างาม มีโต๊ะและเก้าอี้สองสามตัว และหน้าต่างที่เปิดอยู่สองบานซึ่งเผยให้เห็นทัศนียภาพที่สวยงามของเกาะยอดเมฆ
หลี่ฉางโซ่วไม่มีอารมณ์ที่จะชื่นชมสิ่งเหล่านั้น จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองนักพรตเต๋าหนุ่มซึ่งนั่งอยู่หน้าหน้าต่าง
นี่คือเจ้าสำนักตู้เซียน ซึ่งเป็นศิษย์ในนามของศิษย์ในนามของบรรพชนไท่ชิง…
เขามีนามว่า จี้อู๋โหย่ว.
เขามีใบหน้าเหมือนมงกุฎหยก คิ้วกระบี่ และมีดวงตาดุจดวงดาว เขาเป็นบุรุษผู้มีรูปโฉมงดงามและดูสุภาพอ่อนโยนซึ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงรูปลักษณ์ของเขามากจนเกินไป
โดยทั่วไปแล้ว ผู้บำเพ็ญบุรุษที่รักษารูปลักษณ์ของชายวัยกลางคนหรือชายหนุ่มเอาไว้ จะดูไม่น่าเกลียดเกินไป หากไม่ใช่เพราะความชอบพิเศษของตัวเขาเองหรือคู่บำเพ็ญเต๋าของเขา
รอยยิ้มของเจ้าสำนักตู้เซียนนั้นอ่อนโยน และอารมณ์ของเขาก็สง่างาม ทำให้คนรู้สึกถึงความอ่อนโยนและสง่างาม…แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นก็คือ…
บัดนี้ ใบหน้าของเจ้าสำนักตู้เซียนซีดเผือด ลมปราณของเขาอ่อนกำลังในขณะที่ดวงตาของเขาดูพร่ามัว แม้เขาจะมีรูปร่างสูงตรง แต่ก็ยังดูซีดเซียวและอ่อนแอเล็กน้อย
หากเขาไม่รู้ว่านามเต๋าของเจ้าสำนักตู้เซียนจี้อู๋โหย่ว คือ ‘อู๋โหย่ว’ และเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘เจ้าสำนักผู้ไร้กังวล’ ในดินแดนเทวะบูรพา แต่หลี่ฉางโซ่วจะตั้งฉายาให้เขาว่า ‘นายน้อยผู้ปล่อยวางแห่งโลกบรรพกาล’
เมื่อเห็นหลี่ฉางโซ่ว ท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับมีโลหิตเซียนไหลออกมาจากมุมปากของเขา…
หลี่ฉางโซ่วพลันผงะงันแล้วรีบกล่าวว่า “ท่านเจ้าสำนัก!”
“แค่บาดแผลเล็กน้อย ไม่ต้องห่วง ข้าเพิ่งได้รับบาดเจ็บที่ปราณวิญญาณของข้า และข้าก็กินโอสถรักษาวิญญาณไปแล้ว”
เจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วเช็ดโลหิตที่มุมปากของเขา ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกเบาๆ เขารักษาอาการบาดเจ็บของเขาให้คงที่พลางกล่าวว่า “ข้าจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บเล็กน้อยนี้ได้ในไม่ช้า เจ้าคือฉางโซ่วใช่หรือไม่ จงรับสิ่งนี้ไป…ข้ารอเจ้ามาสองสามวันแล้วเพื่อจะมอบสิ่งนี้ให้เจ้า”
เจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วหยิบขวดหยกออกมาจากแขนเสื้อแล้วใช้พลังเซียนผลักมันเบาๆ ออกไปให้หลี่ฉางโซ่ว ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะลงมองพลางถือมันเอาไว้ในมือทั้งสองข้าง
ในขณะนั้น ในใจของหลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกไม่ดีนัก
เจ้าสำนักตู้เซียนของข้าได้รับบาดเจ็บมากมายเพื่อปกป้องสำนักตู้เซียน! ทว่าก่อนหน้านี้ข้ายังคิดว่าเจ้าสำนักมีพลังศักดิ์สิทธิ์อ่อนกำลังเกินไป และยังบอกว่าเขาไม่มีความสามารถเพียงพอ ข้านี่มันช่างเหลวไหลเลื่อนเปื้อนเกินไปจริงๆ เฮ้อ… หลี่ฉางโซ่วพลันถอนหายใจ
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกละอายใจ และรู้สึกขอบคุณเจ้าสำนักที่ปกป้องสำนักอย่างเต็มที่
“ท่านเจ้าสำนัก ท่านได้รับบาดเจ็บ โปรดเข้าปิดด่านเพื่อพักฟื้นโดยเร็วเถิดขอรับ ท่านคงลำบากที่ต้องต่อสู้กับปีศาจจากภายนอกเพื่อปกป้องสำนัก”
“แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
จี้อู๋โหย่วหัวเราะด้วยท่าทางเคอะเขินเล็กน้อยพลางถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “จริงๆ แล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์มาจากท่านผู้ก่อตั้งสำนัก ซึ่งทำให้ข้าสามารถรักษาดูแลปราณวิญญาณของข้าได้…ข้าพยายามฝึกฝนมาสองสามวันแล้ว แต่ก็กังวลและเร่งรีบเกินไปจน ทำให้ปราณวิญญาณของข้าต้องบังเอิญบาดเจ็บอีก ฮ่าฮ่า…”
แค่กๆๆๆ!
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที…
“ฉางโซ่ว”
จี้อู๋โหย่วเช็ดเลือดออกจากมุมปากอย่างใจเย็น แล้วมองดูขวดกระเบื้องในมือของหลี่ฉางโซ่ว ดวงตาของเขาฉายแววลังเลเล็กน้อยก่อนจะกล่าวอย่างชาญฉลาด
“สิ่งที่อยู่ในมือของเจ้า เจ้าต้องเก็บไว้อย่างดี รู้หรือไม่ว่าผู้ก่อตั้งสำนักตู้เซียน ซึ่งเป็นอาจารย์ของข้าคือ ท่านตู้เอ้อร์เจินเหรินซึ่งอยู่ในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และเป็นเทพเซียนแห่งภูเขาคุนหลุน”
เขากล่าวต่อว่า “ขวดกระเบื้องนี้มาจากท่านผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เขามอบหมายให้ท่านผู้ก่อตั้ง แค่กๆ…มอบให้เจ้า เขาอ้างว่าเขาต้องการตัดกรรมบางอย่างกับเจ้า ข้าไม่อาจกล่าวเรื่องนี้ได้มาก แต่นี่ก็เป็นชะตากรรมของเจ้าเช่นกัน และต้องใช้โอสถรักษาวิญญาณภายในนั้นอย่างเหมาะสม เจ้าเข้าใจหรือไม่”
จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วพลันกระจ่างใจในทันใดก่อนจะก้มศีรษะแล้วกล่าวว่า “ศิษย์เข้าใจแล้วขอรับ”
“ไปเถิด จำไว้แค่นี้ เจ้ามีทักษะการฝึกฝนและความสามารถไม่เลว เมื่อเจ้าข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์และกลายเป็นเซียนในภายหน้า เจ้าย่อมสามารถฝึกฝนอยู่ในสำนักได้อย่างสงบสุข”
จี้อู๋โหย่วกล่าวพลางโบกมือ จากนั้นหลี่ฉางโซ่วจึงโค้งคำนับน้อมรับบัญชาก่อนจะออกจากโถงนั้นไป
ทว่าก่อนจะปิดประตูได้อย่างสมบูรณ์ ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ได้ยินเสียงไอรุนแรงและเสียงกระอักซึ่งดูเหมือนจะเป็นเสียงกระอักโลหิตพุ่งสาดออกมา…
มุมปากของหลี่ฉางโซ่วพลันกระตุกทันทีขณะที่ปิดประตูไม้แล้วหันหลังเดินจากไปที่ประตูห้องโถงโดยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงใดเลย
อันที่จริงคำพูดสุดท้ายของท่านเจ้าสำนักนั้น ทำให้เขามั่นใจ
สำนักตู้เซียนจะรับสมัครศิษย์กลุ่มหนึ่งในทุกๆ สองร้อยปี ก่อนจะคัดเลือกศิษย์กลุ่มต่อไป พวกเขาจะให้ทางเลือกแก่ศิษย์กลุ่มนี้ก่อนว่า พวกเขาจะฝึกฝนอยู่ในสำนักหรือออกไปฝึกฝนและสำรวจโลกภายนอก
ความหมายของเจ้าสำนักก็คือ ตราบใดที่หลี่ฉางโซ่วฝึกฝนอย่างสงบสุขและรอดพ้นจากทัณฑ์สวรรค์ทะยานขึ้นสู่เซียนได้ในภายหน้า เขาก็จะได้รับการปฏิบัติดูแลจากสำนักเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อออกจากห้องโถงไปแล้ว หลี่ฉางโซ่วจึงสบายใจขึ้นมาก
โชคดีที่มันเป็นแค่การตื่นตูมไปเอง
ขอบเขตพลังของเขาไม่เป็นที่เปิดเผย และในฐานะเจ้าสำนักตู้เซียน จี้อู๋โหย่วจึงให้ความสนใจหลี่ฉางโซ่ว ศิษย์ของยอดเขาหยกน้อยเป็นพิเศษ เพียงเพราะขวดกระเบื้องในมือของเขา
หากเขาเดาถูก ขวดนี้น่าจะได้รับมาจากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู
และกรรมที่เขาต้องการตัดขาดนั้น น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เทพเฒ่าจันทราตามหาเขาเมื่อก่อนหน้านี้
อืม…
ปรมาจารย์เสวียนตู และเทพเฒ่าจันทราทำอะไรกับรูปปั้นดินเหนียวการครองคู่ของข้าหรือไม่
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่โอสถรักษาวิญญาณในขวดกระเบื้อง หากไม่คำนึงถึงคุณภาพของโอสถรักษาวิญญาณ เพียงขวดกระเบื้องนี้เท่านั้น ก็ไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปแล้ว นอกจากการรักษาคุณสมบัติทางยาแล้ว ยังสามารถรักษาฤทธิ์ยาและป้องกันการปะทะกันระหว่างคุณสมบัติต่างๆ ของยาได้อีกด้วย