บทที่ 165 สุขอนามัย
บทที่ 165 สุขอนามัย

เขาตรากตรำทำงานที่บ้านเพื่อให้ได้ตำแหน่งมา ไม่ใช่เพื่อให้คนเมืองพวกนั้น

เขาอยากเป็นคนงานและอยากเป็นคนในเมืองด้วย แต่ไม่อยากเป็นคนผิดของชุมชนการผลิตหรอกนะ

ถ้าพลาดตำแหน่งไปเพราะปัญหาที่เขาก่อ คนในชุมชนการผลิตไม่เอาเขาไว้แน่

พอนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ซูหูจื่อก็เหงื่อออกเต็มหลังท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด!

แต่ถ้าเขาได้ตำแหน่งมาแล้วและได้ไปทำงานในเมือง จะอะไรก็ไม่สนใจอีก

ทว่าเขากลับไม่ได้รับมัน และยิ่งภายใต้สถานการณ์ที่กลายเป็นคนผิดที่ทำให้คนในหงซินเกลียดชัง แม้แต่ทางเดินยังไม่มีเลย

หลี่ฉางชิ่งมองซูหูจื่อที่ประหลาดใจมากจนปิดปากไม่ได้ มุมปากก็มีรอยยิ้มเยาะขึ้น

“ผมยินดีให้ตำแหน่งงานกับคนของหงซิน เพราะพวกคุณเป็นคนซื่อสัตย์และใจดี แต่วันนี้ผมคงคิดผิด”

คำพูดเฉยเมยดังไปถึงหูทุกคน

พวกคนที่สร้างปัญหาหน้าแดงก่ำแล้ว

มันเป็นเพราะพวกเขาทำผิดใช่ไหม?

แต่พอเผชิญหน้ากับสิ่งล่อตาล่อใจ ใครจะไม่ทำเรื่องแย่ ๆ กันล่ะ?

แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับบางคนอย่าง หลิวซิ่วอิงกับซูเสี่ยวฉิน

“ผู้อำนวยการหลี่ คุณพูดแบบนี้ได้อย่างไร? เพราะพวกเราเป็นคนซื่อสัตย์ไง ถึงได้ไม่สามารถเห็นคนที่คดโกงได้ ที่จริงควรมอบตำแหน่งให้ทุกคนด้วยซ้ำ!” หลิวซิ่วอิงกล่าวอย่างชอบธรรม

เธอพูดอย่างหนักแน่นราวกับว่าถ้าพูดแบบนี้จะแสดงถึงความยุติธรรมได้

อันที่จริงมีคนไม่น้อยเลยที่เห็นด้วยกับคำพูดเธอ

“เรื่องคนมีความสามารถเนี่ย บ้านซูชวนไม่ใช่แค่สองคนเท่านั้น แต่ถ้าบ้านเขามีความสามารถด้วย ต่อให้เอาตำแหน่งไปหมดก็ไม่มีอะไรไม่ถูกต้องนี่” หลี่ฉางชิงพูดตรง ๆ

“โรงงานขนมไข่รับสมัครคนงานนะ ไม่ใช่เพื่อหนุนคนหงซิน!”

ใบหน้าของทุกคนบ้างก็ซีดบ้างก็แดง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร บางคนถึงกับมองหลิวซิ่วอิงด้วยสายตาไม่พอใจ

ในไม่ช้าทุกคนก็มุ่งความสนใจมาที่ซูฉางจิ่ว โดยหวังว่าเขาจะยืนขึ้นเพื่อพูดอะไรสักอย่างเพื่อพวกเรา

ตราบใดที่ตำแหน่งยังคงอยู่ และคนในหงซินไปทำงานในเมืองได้ จะเท่าไรก็ต้องดูแล

แต่ซูฉางจิ่วไม่พูดอะไรสักคำ เขายืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ แล้วก้มหัว

ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ หรือคิดกับตัวเองกันแน่

“หัวหน้าซู ผู้อำนวยการหลี่อยากจะเอาตำแหน่งพวกนี้กลับไป คุณว่าอย่างไรบ้าง?” ผู้ดูแลเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

จากนั้นซูฉางจิ่วก็เงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปรอบ ๆ ทุกคนเข้าใจความหมายในการจ้องมองนั้นมันคือความผิดหวัง!

“ผู้ดูแลเฉียน เป็นเพราะฉันทำได้ไม่ดี! ฉันไม่ได้ใส่ใจกับการศึกษาของสมาชิกในวันธรรมดา ซึ่งนำมาสู่ผลลัพธ์ในวันนี้”

สุดท้ายซูฉางจิ่วก็มองไปที่ผู้ดูแลเฉียน และเอ่ยปากยอมรับความผิดพลาดตรง ๆ

นี่มันอะไรกัน?

พวกสมาชิกมองไปที่ซูฉางจิ่วด้วยสายตาแปลก ๆ

อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าไม่สนใจการเรียนการสอนของพวกสมาชิกกัน?

ชีวิตของพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต้องเรียนอะไรอีก?

ไม่สิ พวกเขาต้องเรียนนะ ถ้าแต่ละคนเห็นแก่ตัวจะไปวุ่นวายแบบนี้ได้อย่างไร?

ที่บ้านซูได้ตำแหน่งงานมาก เพราะพวกเขามีความสามารถ

เมื่อผู้ดูแลเฉียนเห็นแล้วและเข้าใจสถานการณ์ชัดเจนดีมาก แต่พูดอะไรไม่ได้!

“คุณรู้ไหมว่าทำไมผู้อำนวยการหลี่ถึงคัดคนอื่นออกแล้วเหลือไว้เพียงไม่กี่คน?”

ซูฉางจิ่ว มองไปรอบ ๆ แต่ไม่ได้แสดงออกมากนัก

สุดท้ายก็พูดขึ้นอีก “มีใครรู้บ้างไหม เหตุผลที่ผู้อำนวยการหลี่ถึงรับคนแค่นี้?”

ทุกคนในพื้นที่ไม่มีใครพูดเลย ไม่รู้ว่าไม่เห็นจริง ๆ หรือเห็นแต่แสร้งทำเป็นไม่เห็นกันแน่

บรรยากาศเงียบสงัด ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ

ในที่สุดคนที่ออกมาก็คือซูเสี่ยวเถียน เด็กหญิงท่าทางนุ่มนิ่มยืนขึ้นอย่างสง่างามต่อหน้าฝูงชน ไม่เหมือนเด็กอายุแปดเก้าขวบเลย

ตอนที่เธอยืนขึ้น ผู้ดูแลเฉียนรู้สึกประหลาดใจ

เด็กหญิงคนนี้มีพรสวรรค์ สาวชนบทธรรมดาคนหนึ่งก้มศีรษะอย่างเหนียมอาย ที่จริงคือเพิ่งออกมาจากที่ซ่อนตัว แล้วจะเป็นคนพูดน่ะหรือ?

แต่เธอไม่ได้ยืนขึ้นเท่านั้น แต่ทำท่าเหมือนมีอะไรจะพูดด้วย

ไม่รู้ว่าเธอรู้จริงหรือเปล่า

แต่เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูดด้วยความใคร่สนใจ “หนูรู้เหตุผลที่ว่าทำไมผู้อำนวยการหลี่ถึงเลือกห้าคนนี้ แต่คัดคนอื่นออกหรือ?”

“แน่นอนค่ะว่าหนูรู้!” ซูเสี่ยวเถียนดูภูมิใจมาก มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเล็กที่สดใส

สีหน้าของเหลียงซิ่วเปลี่ยนไป ก่อนจะรีบพูดขึ้น “เสี่ยวเถียน อย่ายุ่ง!”

สาวน้อยที่ถูกตามใจจนเสียคน กลับกล้าลุกขึ้นยืนในเวลาแบบนี้!

“แม่ ไม่เป็นไรนะ หนูรู้จริง ๆ อีกอย่างหนูก็เป็นแค่เด็ก ถึงจะพูดผิดไป แต่ผู้ดูแลเฉียนไม่ว่าอะไรหรอก”

พอได้ยินแบบนั้น คนที่ถูกเอ่ยถึงก็หัวเราะ “เอาล่ะสาวน้อย ไหนบอกฉันหน่อยสิ ถ้าพูดดีจะให้รางวัล แต่ถ้าพูดไม่ดีจะไม่ให้รางวัลนะ!”

มีเด็กคนอื่น ๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้น พอได้ยินว่าจะให้รางวัลต่างก็อิจฉา

แต่เขาไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น จึงไม่กล้าออกไปอย่างบุ่มบ่าม

ส่วนสมาชิกคนอื่น ๆ ไม่เชื่อว่าเสี่ยวเถียนจะมีความคิดอันยิ่งใหญ่ได้ แต่พอเธอพูดก็ไม่ใส่ใจที่จะฟัง

มีแค่คนบ้านซูเท่านั้นที่เริ่มกระสับกระส่ายขึ้นเรื่อย ๆ เพราะกลัวว่าเด็กของเราจะพูดอะไรผิด แล้วสร้างปัญหา

“เพราะว่าแม่ของหนูกับแม่รอง แล้วก็พวกเขาอีกสามคนรู้จักสุขอนามัยค่ะ!”

น้ำเสียงคมชัดดังขึ้นในห้องเรียน ไร้ความละอายใจใด ๆ

ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน

สุขอนามัย?

สมาชิกทุกคนตกตะลึง นี่หมายความว่าอย่างไร?

ไม่ใช่แค่จ้างคนงานหรือ ยังต้องใส่ใจเรื่องสุขอนามัยด้วยหรือ?

แต่พอเห็นท่าทางของเด็กหญิงก็เหมือนว่าไม่ได้ล้อเล่นเลย

เหมือนเป็นคำตอบจริง ๆ

“เสี่ยวเถียน เธอหมายความว่าอะไรหรือ?” มีคนอดถามออกมาไม่ได้

“ผู้ดูแลเฉียนดูกระดาษคำตอบพวกนี้ก่อนค่ะ จากนั้นหนูค่อยบอกคุณนะคะ ได้ไหม?” จู่ ๆ ซูเสี่ยวเถียนก็หยิบกระดาษคำตอบแล้วส่งให้อีกฝ่าย

เพราะคนในชุมชนการผลิตกำลังสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติกับกระดาษคำตอบของแม่กับแม่รอง เลยต้องแก้ปัญหาตรงนี้ก่อน

ผู้ดูแลเฉียนไม่ได้เปิดโดยตรง แต่มองไปรอบ ๆ เพื่อมองทุกคนต่อ

“พวกคุณเชื่อฉันไหมล่ะ? ถ้าเชื่อฉันจะอ่านให้ฟัง แต่ถ้าไม่ ก็ไม่ต้องทำอะไรที่ไม่จำเป็น”

พูดจบก็เสริมอีกประโยค ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือเปล่า “อย่างไรเสีย อ่านไปก็ไม่สำคัญอยู่ดี”

แล้วตอนนั้นทุกคนก็จำได้ว่า ผู้อำนวยการหลี่ยึดตำแหน่งกลับไปแล้ว

“ผู้ดูแลเฉียน พวกเราเชื่อคุณอยู่แล้ว!”

ไม่ว่าใครจะนำ แต่จู่ ๆ ทุกคนก็เริ่มแสดงความไว้วางใจในตัวผู้ดูแลเฉียน

“กระดาษคำตอบพวกนี้ถึงจะเขียนไม่ดี แต่ตำแหน่งคนงานไม่ใช่งานเอกสารอยู่แล้ว แค่นี้ก็พอใช้ได้แล้ว” ผู้ดูแลเฉียนเข้าประเด็น

ที่ชนบท ถึงจะรู้หนังสือ แต่เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้ไม่ค่อยมีความรู้

แต่ซูหูจื่อเล็งเป้าไปที่สองสะใภ้แล้ว เขาไม่เชื่อว่าสองคนนี้จะตอบได้