บทที่ 215 ผมพิสูจน์ได้!

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 215 ผมพิสูจน์ได้!

การปรากฏตัวของไป๋เยี่ยทำให้ห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

อันดะ คิโยะขมวดคิ้วลงพลางจ้องมองไปที่ไป๋เยี่ย “ไม่ทราบว่ามีคำถามอะไรเหรอครับ”

รอยยิ้มไป๋เยี่ยจางเล็กน้อย “ผมอยากถามว่า คุณเคยนึกถึงสาเหตุของการเกิดและพัฒนาของโรคในลำไส้บ้างไหมครับ”

อันดะ คิโยะผงะ นี่ใช่คำถามที่เขาควรสนใจเหรอ ในเมื่อเขามีหน้าที่แค่ต้องแนะนำความสำคัญและคุณค่าของการเปิดตัวหุ่นยนต์ซากุระเท่านั้น

แต่ถึงกระนั้น ผู้รับหน้าที่รายงานไม่ได้มีเพียงเขาเท่านั้น แต่ยังมีไอดะ ทามะซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกทวารหนักและผู้อำนวยการโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยโตเกียวอยู่ที่นี่ด้วย

ทักษะความรู้ของไอดะ ทามะนั้นแข็งแกร่งมาก ในฐานะที่เป็นถึงผู้อำนวยการและหัวหน้าแผนกทวารหนักของโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยโตเกียว ใครๆ ก็คงจินตนาการถึงศักยภาพอันมากล้นของเขาได้

ไอดะ ทามะดันแว่นตาของเขาขึ้นพลางปรายตามองไป๋เยี่ยด้วยรอยยิ้ม “ผมเดาว่าคุณคงไม่ใช่แพทย์หรือนักศึกษาที่เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดบริเวณทวารหนักแน่ๆ”

ไป๋เยี่ยพยักหน้าอย่างสำรวม “ตามนั้นเลยครับ ผมไม่ได้เป็น ถ้าอย่างนั้นแล้วพอจะช่วยตอบคำถามของผมได้ไหมครับ”

ไอดะ ทามะยิ้ม “หึ คุณถามถูกคนแล้ว แต่…ผมขอไม่ตอบ!”

ผู้คนรอบๆ ได้ยินคำตอบของไอดะ ทามะก็อดพากันหัวเราะไม่ได้ ทั้งที่จริงๆ ไอดะ ทามะเป็นคนที่ควรตอบคำถามนั้นได้แท้ๆ

พานเซี่ยงเหนียนดึงไป๋เยี่ยเข้ามาพลางถอนหายใจ “ไอดะ ทามะเป็นสมาชิกในสาขาทวารหนักของสมาคมศัลยแพทย์นานาชาติ แถมยังเป็นหนึ่งในทีมรองบรรณาธิการของวารสาร ‘ศึกษาทวาร‘ ฉบับล่าสุดด้วย”

ไอดา ทามะเอ่ยต่อ “จริงๆ แล้ว ผมก็เขียนคำตอบของคำถามคุณไว้ในหนังสือชัดแล้วนะครับ ผมแนะนำว่าคุณควรจะกลับไปค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องและอ่านหนังสือของผมให้มากกว่านี้ บางทีคุณก็อาจจะหาคำอธิบายที่ดีสำหรับคำถามนั้นได้นะ”

“แต่ก็เอาเถอะ เวลาล้วนมีค่า เราอย่าเสียเวลาไปกับคำถามไร้สาระเลยครับ มีใครมีคำถามอีกหรือเปล่าครับ หากไม่มีแล้วก็ขอเชิญตัวแทนท่านต่อไปขึ้นมากล่าวรายงาน”

ผู้คนรอบๆ ต่างพากันส่ายหัว แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่มีคำถามคาใจใดๆ เพราะการแนะนำของอีกฝ่ายนั้นละเอียดพอแล้ว

หลังจากที่ไอดะ ทามะและอันดะ คิโยะก้าวลงมาจากโพเดียม พวกเขาก็เห็นว่าคนที่กำลังเดินขึ้นมาอย่างอ้อยอิ่งนั้นคือไป๋เยี่ย

ต่างคนต่างอดใจเบิกตากว้างไม่ได้ เพราะไป๋เยี่ยได้รับหน้าที่เป็นตัวแทนของประเทศจีนตามที่ในกำหนดการระบุไว้จริงๆ นี่น่ะเหรอ ตัวแทนของประเทศจีน

แม้แต่หลี่มู่หยางก็พลอยตกตะลึงไปด้วย เขาหันไปมองพานเซี่ยงเหนียนด้วยสายตายากจะเชื่อพร้อมกับบรรดาเพื่อนชาวจีนรอบข้าง

หลี่มู่หยางเบิกตากว้าง เขาลดเสียงลงกระซิบกับพานเซี่ยงเหนียน “เหล่าพาน คุณจะบ้าเหรอ คิดส่งเด็กขึ้นไปพูดเนี่ย คุณคิดว่านี่เป็นการรายงานหน้าชั้นเรียนหรือไง นี่คือการประชุมระดับนานาชาติเชียวนะ มีแต่ผู้นำตำแหน่งสูงๆ และผู้เชี่ยวชาญจากหลายชาติมาเข้าร่วม คุณส่งเขาขึ้นไปแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน เขาเพิ่งจะเรียนป.โท แถมยังเรียนสาขาโรคสมอง เขาจะไปรู้เรื่องตับไตไส้พุงได้ไง แค่คำถามนิดๆ หน่อยๆ ก็ทำเขาไปไม่เป็นได้แล้วมั้ง หลีกไปซะ ผมจะขึ้นไปกับเขาเอง”

พานเซี่ยงเหนียนไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน แต่กลับมองไป๋เยี่ยอย่างจดจ่อพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “คุณทำอะไรได้ พวกญี่ปุ่นก็ทำได้เหมือนกัน เผลอๆ อาจจะทำได้ดีกว่าคุณ แต่สิ่งที่ไป๋เยี่ยทำได้น่ะ ผมรับรองว่าไม่มีใครทำได้แบบเขาแน่นอน”

หลี่มู่หยางได้ฟังก็พูดไม่ออก ได้แต่อ้าปากค้าง

ตอนนี้ไป๋เยี่ยยืนสง่าอยู่บนโพเดียม เขาส่งสายตามองบรรดาผู้คนที่ไม่เชื่อมั่นใจตัวเขาทั้งยังมองว่าเขากำลังล้อเล่น ก่อนจะเริ่มเอ่ยปากขึ้น “หัวข้อที่ผมอยากกล่าวถึงในวันนี้เป็นเรื่องของการศึกษาสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการเกิดและพัฒนาของโรคบริเวณทวารหนัก”

ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ทั้งยังไม่น่าดึงดูดเลยแม้แต่น้อย เพราะคำถามนั้นมีคำตอบอยู่แล้ว และคำตอบก็เป็นที่รู้กันในวงกว้าง

แต่เพราะทุกคน ณ ที่แห่งนี้เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าจากทั่วทุกมุมโลก พวกเขาจึงควรแสดงทัศนคติที่เหมาะสม แม้ว่าสิ่งที่ไป๋เยี่ยพูดอาจจะเป็นเรื่องตลกก็ตาม ทุกคนก็ควรรับฟังอย่างเงียบๆ

ระหว่างที่ทุกคนกำลังตั้งใจรอไป๋เยี่ยเอ่ยปากอย่างใจเย็นอยู่นั้น กลับมีคนคนหนึ่งแสดงท่าทีออกนอกหน้า

พานเซี่ยงเหนียนนั่นเอง ท่าทีลึกลับ ไม่แยแสของเขานั้นถูกพังทลายลง แทนที่ด้วยแววตาดั่งพยัคฆ์ที่เบิกกว้างพร้อมกับคิ้วที่ขมวดลงด้วยอารมณ์หลากหลายซึ่งกำลังจ้องมองไปยังไป๋เยี่ยอย่างคาดโทษ คล้ายกับยามปีศาจต้องแสงจันทร์ก็มิปาน

ไอ้เด็กนี่มันเอาอีกแล้ว!

แม่งเอ๊ย!

ทำตามที่ตกลงกันไว้ไม่ได้เลยหรือไง คิดว่านายสวม Meters/bowne[1] อยู่เหรอ

แล้ววิธีล้างแผลแบบใหม่กับสเปรย์ลิโดเคนล่ะ ถึงจะพูดเรื่องโฟมปิดแผลไปแล้วก็เถอะ ตรงนั้นก็ยังพอรับได้ แต่จะพูดถึงการเกิดและพัฒนาของโรคขึ้นมาทำแป๊ะอะไร

คิดว่าที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นเด็กประถมกันหรือไงถึงได้มาพูดเรื่องความรู้พื้นฐาน

ที่นี่มีใครบ้างที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าในสาขาทวารหนักของยุคนี้บ้าง

ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งจนปัญญา!

ไอ้เด็กเวรนี่!

หลี่มู่หยางมองไปทางพานเซียงเหนียนที่บัดนี้มีสีหน้าดำๆ แดงๆ “เหล่าพานไม่สบายเหรอ เป็นอะไรหรือเปล่า”

พานเซี่ยงเหนียนหันกลับมาทางหลี่มู่หยางด้วยท่าทางฮึดฮัด “โตเกียวร้อนเกินไป!”

หลี่มู่หยางส่งเสียง อ้อ เบาๆ “ก็จริง ที่นี่ค่อนข้างร้อนเลยแหละ…”

ไป๋เยี่ยยืนพูดอยู่บนเวทีอย่างไม่เร่งรีบ “พวกคุณอาจจะมองว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นไม่มีคุณค่าและไม่สำคัญ เหมือนที่ศาสตราจารย์ไอดะ ทามะบอกไว้ว่าในหนังสือก็มีเขียนอยู่ชัดๆ แต่สิ่งที่ผมตั้งใจจะพูดวันนี้มันไม่อยู่ในหนังสือครับ!”

ไป๋เยี่ยพูดจบก็นิ่งไปครู่หนึ่ง “สิ่งที่ผมกำลังจะพูดถึงก็คือ สภาพแวดล้อมภายในลำไส้และวัฏจักรของการเกิดและพัฒนาของโรคบริเวณทวารหนัก!”

“ซึ่งผมก็ได้จัดเรียงข้อมูลตั้งแต่ปีสองพันสิบเอ็ด จนถึงสองพันสิบหก รวมระยะเวลาทั้งสิ้นห้าปีลงในแผนภูมิแสดงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อการเกิดโรคบริเวณทวารหนัก”艾琳小說

ระหว่างที่พูดอยู่นั้น ไป๋เยี่ยก็เสียบแฟลชไดร์ฟเข้าไปในคอมพิวเตอร์ ภาพแผนภูมิแสดงสถิติปรากฏขึ้นทีละภาพ แสดงให้เห็นถึงการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างโรคบริเวณทวารหนักและปัจจัยต่างๆ

จากนั้นไป๋เยี่ยก็ไม่ได้บรรยายอะไรเพิ่มเติมมาก แต่ค่อยๆ เปิดสไลด์ไปทีละหน้า

“นี่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังที่จัดทำโดยสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว เป็นสถิติบางส่วนเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับโรคบริเวณทวารหนัก”

“ส่วนนี่คือการวิเคราะห์วิธีการรักษาโรคบริเวณทวารหนักในสหราชอาณาจักรในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ผมได้วิเคราะห์ตัวยาและได้รับข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพของยาต่อการรักษาโรคและปัจจัยที่ส่งผลต่อสาเหตุการเกิดโรค”

“พวกคุณน่าจะคุ้นเคยกับข้อมูลชุดนี้ดี นี่เป็นรายงานที่จัดทำขึ้นโดยโรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการตรวจสอบสถานะการฟื้นตัวของโรคบริเวณทวารหนักหลังเข้ารับการผ่าตัดและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง…”

ระหว่างที่ไป๋เยี่ยค่อยๆ เปิดสไลด์ทีละหน้าพลางแนะนำข้อมูล ทุกคนก็พากันขมวดคิ้วเพ่งอ่านข้อมูลที่ถูกฉายขึ้นบนหน้าจอใหญ่เงียบๆ

พวกเขาพบประเด็นที่น่าสนใจมากมาย ทว่าไม่มีแผนภูมิใดที่กล่าวถึงสมดุลยภาพของสภาพแวดล้อมภายในทางเดินอาหารและโรคภายในลำไส้เลย ทั้งที่ปัจจัยที่เกี่ยวข้องที่แต่ละแผนภูมิกล่าวถึงนั้นล้วนมีความเกี่ยวพันกับจุลินทรีย์ภายในลำไส้

หมายความว่าอย่างไร

หากกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างโรคบริเวณทวารหนักและภาวะแทรกซ้อน ไป๋เยี่ยก็ได้ข้อสรุปว่าหากสภาพแวดล้อมภายในลำไส้เกิดความปั่นป่วน การพยากรณ์โรค[2]ในระบบทางเดินอาหารก็จะด้อยประสิทธิภาพลงไปด้วย

ส่วนในการศึกษาตัวยาหลายชนิดสำหรับการรักษาโรคบริเวณทวารหนักนั้น ไป๋เยี่ยก็ได้สรุปไว้ว่าตัวยาที่ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในกับจุลินทรีย์ในลำไส้ได้ก็จะช่วยเร่งการฟื้นตัวจากโรคได้มีประสิทธิภาพมากกว่า

แผนภูมิเดิมยังคงแสดงอยู่บนหน้าจอ

ผู้คน ณ ที่แห่งนี้ต่างพากันสูดหายใจเข้าลึก!

ป…เป็นเช่นนั้นจริงๆ เหรอ

โรคภายในลำไส้กำเนิดและพัฒนาขึ้นโดยมีสาเหตุมาจากการที่สภาพแวดล้อมภายในลำไส้ขาดสมดุลยภาพจริงเหรอ

ทุกคนเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญและศาสตราจารย์ในแวดวงนี้ เมื่อไป๋เยี่ยกล่าวถึงประเด็นหนึ่ง พวกเขาย่อมเชื่อมโยงถึงเคสผู้ป่วยและสิ่งที่พวกเขาล้วนประสบมาได้ทั้งนั้น

นี่ถือเป็นแนวคิดใหม่ซึ่งแตกต่างจากทฤษฎีเกี่ยวกับหลอดเลือด ทฤษฎีความผิดปกติของระบบประสาท ฯลฯ

หากพิสูจน์ได้จริง วินาทีนี้ก็จะกลายเป็นวินาทีสำคัญในประวัติศาสตร์การรักษาโรคบริเวณทวารหนัก!

เพราะว่าในปัจจุบันยังค้นหาสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดและการพัฒนาของโรคบริเวณทวารหนักส่วนใหญ่ไม่ได้ อีกทั้งสิ่งที่ไป๋เยี่ยเสนอนั้นก็มีความเป็นไปได้

ทันใดนั้นก็มีเสียงชายคนหนึ่งโพล่งขึ้นมา “ข้อมูลเหล่านี้เชื่อถือได้หรือไม่”

ไป๋เยี่ยยิ้ม “น่าเชื่อถือสิครับ ถ้าคุณเคยอ่านวารสารอย่าง ‘เดอะแลนซิต[3]’ ‘นิวอิงแลนด์[4]’ ‘เจเอเอ็มเอ[5]’ หรือ ‘เดอะบีเอ็มเจ[6]’ ก็น่าจะเคยเห็นข้อมูลพวกนี้ผ่านตามาบ้าง”

คงกล่าวได้ว่าที่แห่งนี้มีแต่ผู้เชี่ยวชาญมารวมตัวกัน ที่นี่มีแต่พวกเด็กเรียน!

จู่ๆ ก็มีสุภาพสตรีคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ข้อมูลในหน้าสุดท้ายเป็นงานวิจัยล่าสุดที่โรงพยาบาลของเราตีพิมพ์ลงในเดอะแลนซิต อ้อ ดิฉันขอแนะนะตัว ดิฉันเป็นหัวหน้าแผนกทวารหนักของโรงพยาบาลแห่งชาติสิงคโปร์”

“หนึ่งในนั้นเป็นบทความการวิเคราะห์ย้อนหลังในนิวอิงแลนด์ ดิฉันจำมันได้ชัดเจนเลยค่ะ!”

“ดิฉันพิสูจน์ได้ว่าข้อมูลที่มาจากเกาหลีใต้นั้นถูกต้อง เพราะนั่นคือบทความที่ดิฉันเป็นคนเผยแพร่… ที่มาของข้อมูลเหล่านั้นล้วนอ้างอิงได้! เพียงแต่ดิฉันไม่คาดคิดเลยว่าจะมีผู้ค้นพบองค์ความรู้เหล่านั้นจากข้อมูลนี้ได้ ช่างน่าสะพรึงจริงๆ! ทำไมดิฉันถึงคิดไม่ได้กันนะ!”

“ย้อนวิเคราะห์ข้อมูลจากบทความทรงอิทธิพลหลายสิบบทความ จากนั้นก็แปลงข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านั้นออกมา แล้วจึงหาข้อสรุปใหม่ วิธีการเช่นนี้ยากเกินกว่าจะจินตนาการได้! เขาจะต้องเป็นยอดอัจฉริยะด้านเวชสถิติแน่นอน!”

ผู้คนด้านล่างต่างออกความเห็นกันระงม ในที่สุดแหล่งข้อมูลทั้งหมดก็ได้รับการยืนยันความถูกต้อง

ไป่เยี่ยคลี่ยิ้ม “เพราะฉะนั้น ประเด็นที่ผมต้องการกล่าวถึงในวันนี้ก็คือกฎความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมภายในลำไส้ต่อการเกิดและพัฒนาของโรคบริเวณทวารหนัก!”

ไอดะ ทามะขมวดคิ้วเป็นปม เขาไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น!

เพราะว่าข้อมูลและข้อสรุปที่ไป๋เยี่ยหยิบยกมานั้นน่าเชื่อถือจริงๆ เขาจึงได้แต่ส่ายหัวไปมาพลางหยัดกายขึ้น “การวิเคราะห์สถิติก็เป็นแค่การคาดคะเนอย่างหนึ่ง คุณแค่ต้องค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเท่านั้น นี่ไม่ใช่การวิเคราะห์ข้อมูลที่ครอบคลุมด้วยซ้ำ ข้อสรุปที่ได้ก็ไม่มีความเป็นสากล เพราะฉะนั้นข้อพิสูจน์ของคุณมันไร้ความหมายสิ้นดี!”

“หากคุณอยากพิสูจน์แนวคิดจริงๆ ล่ะก็ สิ่งที่สำคัญนอกเหนือจากการวิเคราะห์ข้อมูลแล้วก็คือผลการทดลอง คุณพอจะแสดงข้อมูลการทดลองได้หรือไม่”

“สิ่งสำคัญที่สุดคือสมดุลยภาพของจุลินทรีย์ภายในลำไส้ เดิมทีการดำรงของจุลชีพเหล่านั้นก็ยังเป็นประเด็นที่ยังศึกษากันไม่ถี่ถ้วนอยู่แล้ว คุณจะเรียกการอธิบายสิ่งที่ยังไม่รู้ชัดว่าอะไรล่ะ ความงมงาย! หรือว่าการคาดเดาดีล่ะ!”

ไป๋เยี่ยยิ้ม “แล้วถ้าผมศึกษามันได้อย่างละเอียดล่ะ”

ท่าทีของไอดะ ทามะเปลี่ยนไปในทันใด ลุกยืนพร้อมกับขึ้นเสียงดังลั่น “เป็นไปไม่ได้!”

[1] Meters/bowne คือ บริษัทเครื่องแต่งกายลำลองชั้นนำของจีน ก่อตั้งโดยโจว เฉิงเจี้ยน

[2] การพยากรณ์โรค คือ การอธิบายผลที่น่าจะเกิดขึ้นของโรค มีความแม่นยำมากเมื่อใช้กับประชากรขนาดใหญ่

[3] เดอะแลนซิต (The Lancet) คือ วารสารการแพทย์ทั่วไปรายสัปดาห์ที่เก่าแก่ที่สุด เริ่มตีพิมพ์ตั้งแต่ปีค.ศ.1823

[4] วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ (The New England Journal Medicine) คือ วารสารการแพทย์ภาษาอังกฤษ ตีพิมพ์โดยสมาคมการแพทย์รัฐแมสซาชูเซตส์

[5] เจเอเอ็มเอ (JAMA/The Journal of the American Medical Association) คือ วารสารของสมาคมการแพทย์อเมริกัน

[6] เดอะบีเอ็มเจ (The BMJ/British Medical Journal) คือ วารสารการแพทย์ทั่วไปที่เก่าที่สุดวารสารหนึ่งในโลก ตีพิมพ์โดยบีเอ็มเจกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของสมาคมการแพทย์อังกฤษ