บทที่ 92: พ่อ แม่เรียกไปกินข้าว!

“ เกิดอะไรขึ้น?”

หวังเฉินกั๋วถูกมัดไว้ในห้อง เขาสามารถได้ยินเสียงความโกลาหลภายนอกได้ แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“ เห้อ พวกเขาจะเป็นยังไงกันบ้างนะ?” เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหลี่ซิ่วเหม่ยและหวังเต็ง

“ คนพวกนั้นหาฉันเจอได้ยังไงนะ? มันไม่มีความขุ่นเคืองระหว่างเรา ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะทําให้ฉันเป็นแพะรับบาปโดยไม่มีเหตุผล”

หวังเฉิงทั่วไตร่ตรองถึงสาเหตุและผลที่ตามมา แต่เขาก็ไม่พบเหตุผลใดๆ เขาได้เห็นเอกสารแล้วและถ้าเขาเซ็นชื่อลงบนนั้น กลุ่มชิงเต็งทั้งหมดรวมถึงตระกูลหวังของเขาก็จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก

เดี๋ยวก่อนนะ ตระกูลหวัง!

“ เป้าหมายของพวกมันคือตระกูลหวัง?” ร่างกายของเขาเย็นยะเยือกเมื่อเขาคิดถึงความเป็นไปได้นี้

“ พวกมันต้องการให้เราไม่มีที่ยืน พวกมันต้องการทําลายตระกูลหวังทั้งหมด!”

ตอนแรกเขาไม่ต้องการให้ภรรยาและลูกชายของเขาเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นทุนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหลังจากปรับความคิดแล้ว มันก็ทําให้เขารู้สึกหนักแน่นในเหตุผลของเขามากขึ้น

ในขณะที่เขากําลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงเปิดประตู

ดวงตาของเขาถูกปกคลุมด้วยผ้าสีดํา ดังนั้นเขาจึงมองไม่เห็นคนที่เดินเข้ามา เขาทําได้เพียงเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปทางประตู

“ พ่อ แม่เรียกไปกินข้าวแล้ว”

เสียงที่คุ้นเคยดังเข้ามาในหูของหวังเฉินกั่ว

“ เต็งน้อย!” หวังเฉินกั๋วคิดว่าการได้ยินของเขาคงจะผิดเพี้ยนไป อย่างไรก็ตาม น้ําเสียงที่ขี้เล่นนี้ก็ฟังดูเหมือนกับลูกชายของเขาจริงๆ

วินาทีต่อมา ผ้าสีดําก็ถูกถอดออก

ในที่สุดเขาก็เห็นหน้าคนที่เดินเข้ามา มันคือหวังเต็งจริงๆ!

“ ลูกพ่อ ลูกมาทําอะไรที่นี่กัน?” หวังเฉินถั่วตกตะลึง

“ ถ้าผมไม่มา พ่อก็อาจจะไปกินข้าวเย็นไม่ทันก็ได้” หวังเต็งตอบอย่างช่วยไม่ได้

เขาตัดเชือกที่มัดหวังเฉินกั่วและช่วยเขาลุกขึ้น “ เอาล่ะ กลับบ้านกันเถอะ แม่คงเป็นห่วงแล้ว”

เมื่อหวังเฉินก๋วยืนขึ้นและพยายามเดิน เขาก็เซนิดหน่อย เขาถูกมัดมาเป็นเวลานานแล้วดังนั้นขาของเขาจึงชา

หวังเต็งรีบพยุงพ่อของเขาไว้ในเวลาเดียวกัน เขาก็ไม่ลืมที่จะหยอกล้อพ่อของเขาว่า

“ พ่อ พ่อยังอายุไม่ถึง 50 เลย แต่ขาของพ่อก็เสียทรงซะแล้ว”

“ ไร้สาระ พ่อของลูกแข็งแรงมาก พ่อจะไม่หอบหรอกนะแม้ว่าพ่อจะปีนบันไดไปสิบขั้น” หวังเฉินกั่วปฏิเสธอย่างฉุนเฉียว

“ งั้นก็อย่าขึ้นลิฟต์ให้เห็นนะพ่อ” หวังเต็งบ่น

….หวังเฉินถั่วพูดไม่ออก เขารู้สึกว่าสติปัญญาของเขาจะลดลงอย่างมากเมื่อใดก็ตามที่เขาพูดกับเด็กเหลือขอคนนี้

“ ลูกยังไม่ได้บอกพ่อเลยว่าลูกเข้ามาได้ยังไง? พวกเขาตกลงที่จะปล่อยพ่อไปแล้วอย่างงั้นหรอ?หรือลูกได้ไปตกลงอะไรกับพวกมันกัน?”

หวังเฉินกั๋วรู้สึกกังวลขึ้นมาในทันทีเมื่อนึกถึงเอกสาร “ พวกเขาขอให้ลูกเซ็นเอกสารอะไรหรือเปล่า? ลูกต้องไม่เซ็นมันนะนั่นเป็นกับดัก ถ้าเราติดกับมัน ตระกูลหวังของเราก็อาจจะต้องจบสิ้น”

“ ไม่ต้องกังวล ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้น”

“ คนจากกลุ่มกําปั้นเหล็กนั้นคุยด้วยง่ายมาก ผมพูดความจริงและใช้เหตุผลกับพวกเขานอกจากนี้ผมก็ยังพูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับชีวิตและความทะเยอทะยาน มันต้องใช้ความพยายามอย่างมากก่อนที่พวกเขาจะเข้าใจถึงความผิดพลาดของตน และในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะปล่อยพ่อไป”

หวังเต็งพูดเรื่องไร้สาระ

“ ลูกล้อเล่นหรือเปล่า?” การแสดงออกของหวังเฉินกั่วเปลี่ยนไปเป็นแปลกๆ

พูดความจริง?

ใช้เหตุผลกับพวกเขา?

คและความทะเยอทะยาน?

“ นี่ลูกฉันสามารถใช้เหตุผลกับกลุ่มกําปั้นเหล็กได้อย่างงั้นหรอ? พวกเขาว่างมากจนสามารถพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตและความทะเยอทะยานกับลูกฉันได้เลยอย่างงั้นหรอ?”

หวังเฉินกั๋วรู้สึกเหมือนกําลังโดนหลอก “ นี่ลูกพยายามที่จะหลอกพ่อหรอ? คิดว่าพ่อโง่ที่ไง?”

“ แล้วทําไมพ่อถึงคิดว่าพวกมันจะปล่อยพ่อไปล่ะ?” หวังเต็งโต้กลับ จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับหวังเต็ง

หวังเต็งจงใจหลบเลี่ยงพื้นที่ที่มีซากศพ เขาได้เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดก่อนที่เขาได้พบกับหวังเฉินกั่ว

ในไม่ช้าเขาก็นําหวังเฉินกั่วออกจากสํานักงานได้สําเร็จ

หวังเฉินกั่วไม่สามารถเค้นอะไรออกจากปากของหวังเต็งได้ในท้ายที่สุด เขาก็หันกลับไปและเหลือบมองไปที่กลุ่มกําปั้นเหล็กอย่างสงสัย มันเงียบจนเขารู้สึกไม่สบายใจ

ทั้งสองได้พบกับหวังหยาน

“ ลุง!” หวังหยานถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสอง ในเวลาเดียวกันเธอก็มีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับความสามารถของหวังเต็ง

เขาได้เข้าไปในถ้ําเสือกลุ่มกําปั้นเหล็กโดยลําพังและไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร นอกจานั้นเขาก็ยังพาพ่อของเขาออกมาอย่างปลอดภัย นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถทําได้

“ หยาน ขอโทษที่ทําให้เธอต้องลําบากมาถึงที่นี่นะ” หวังเฉินกั่วขอบคุณหวังหยาน

“ ลุง ไม่จําเป็นต้องสุภาพกับฉันก็ได้ พวกเราคือครอบครัวนะ” หวังหยานยิ้มและกล่าว

ผู้ชายที่มากับพวกเขายังคงตกตะลึง ลูกชายของคุณหวังเป็นเพชรเม็ดงาม เมื่อเหลือบมองไปที่กลุ่มกําปั้นเหล็กที่เงียบอย่างผิดปกติ หัวของเขาก็เริ่มรู้สึกชา

หวังเต็งเข้าไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่คนเหล่านี้ก็ได้ยอมให้หวังเฉินกั๋วกลับไปในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?หรือมันจะเป็นเพราะ

ขณะที่เขากําลังคิดถึงความเป็นไปได้ เขาก็หันไปมองที่หวังเต็งและในวินาทีถัดมาเข้าก็เข้าใจสถานการณ์ได้

เชี่ย!

“ คุณหวัง เราจะพักที่เมืองนี้ก่อนหรือกลับไปที่ตงไห่เลยดี?” ชายคนนั้นถาม

“ กลับตงไห่เลย” หวังเฉินกั่วกระตือรือร้นที่จะกลับบ้าน ดังนั้นเขาจึงตอบกลับโดยไม่ลังเล

อีกฝ่ายพยักหน้า เขาขับรถไปที่ทางหลวงและรีบกลับไปที่ตงไห้ในทันที

พวกเขากลับมาถึงตงไห้ตอนหกโมงเช้า

รถจอดอยู่นอกเขตบ้าน หวังเต็งและหวังเฉินกั่วลงจากรถ

“ คุณลุง ฉันจะกลับไปก่อนนะ ฉันจะได้ไปแจ้งให้คุณปรู้ด้วย” หวังหยานลดกระจกรถลงแล้วกล่าว

“ เอาล่ะ เธอเดินทางมานานแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ” หวังเฉินกั่วพยักหน้า

หวังหยานพยักหน้าเป็นการตอบ จากนั้นเธอก็โบกมือให้หวังเต็ง “ ฉันจะไปก่อนนะ เจ อกันเมื่อเราว่างครอบครัวของเราควรจะรู้จักกันมากขึ้นไ

* ได้เลยพี่สาว เดินทางปลอดภัยนะ!” หวังเต็งยิ้มและพยักหน้า

หวังหยานพูดถูกสิ่งหนึ่ง พวกเขาเป็นญาติกัน และเลือดก็ข้นกว่าน้ํา

ในชาติที่แล้ว แม้ญาติพี่น้องจะชอบทะเลาะกัน แต่ในยามวิกฤตอย่างเมื่อตอนตระกูลหวังล่มสลายพวกเขาก็ยังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และนี่คือสิ่งที่บุคคลภายนอกไม่สามารถทําได้

หวังเฉินกั่วตกตะลึงกับทัศนคติของหวังหยานที่มีต่อหวังเต็ง

ในอดีตหวังหยานปฏิบัติต่อหวังเต็งด้วยความรังเกียจ ท้ายที่สุด เธอก็เป็นลูกที่พระเจ้าโปรดปรานและโดดเด่นในทุกๆด้าน

แต่หวังเต็งนั้นแตกต่าง เขาไร้ประโยชน์และโง่บรรลัย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถนับรวมกเธอได้เลย

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หวังหยานก็กลับอ่อนโยนต่อหวังเต็งเป็นพิเศษ ทัศนคตินี้ทําให้หวังเฉินกั่วโล่งใจและพอใจ

หลังจากที่หวังหยานจากไป หวังเฉินกั่วและหวังเต็งก็เข้าไปในบ้าน

หลี่ซิ่วเหม่ยไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน เธอกําลังรออยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลและความปั่นป่วน

ป้าเฉินก็ไม่ได้กลับบ้านด้วย เธอคอยอยู่เป็นเพื่อนหลี่ซิ่วเหมียในกรณีที่เธอรู้สึกโดดเดี่ยว

เธอสังเกตเห็นหวังเต็งและพ่อของเขาในทันทีเมื่อพวกเขาเปิดประตูและเดินเข้ามา เธอร้องไห้อย่างมีความสุข “ คุณนายหวัง คุณหวังและนายน้อยหวังกลับมาแล้ว!”

“ อะไรนะ!”

หลี่ซิ่วเหม่ยเงยหน้าขึ้น ทันทีที่เธอเห็นหวังเฉินกั่ว น้ําตาก็เกือบจะไหลออกมาจากดวงตาของเธอ

หวังเฉินกั่วเดินไปข้างหน้าและกอดหลี่ซิ่วเหม่ย เขาตบหลังเธอเบาๆ “ ฉันกลับมาแล้ว ฉันขอโทษที่ทําให้คุณต้องกังวล”

“ ฮาว- พ่อกับแม่หยุดทําแบบนี้ได้ไหม? ขนผมลุกจนร่วงไปหมดแล้ว” หวังเต็งหาวและกลอกตา

หลี่ซิ่วเหม่ยออกจากอ้อมแขนของหวังเฉินกั่วด้วยใบหน้าสีแดงค่ํา

“ ไอ้เด็กโง่” หวังเฉินกั่วจ้องมองไปที่หวังเต็ง

“ คุณและคุณนายหวังนั่งก่อนสิ ฉันจะทําอาหารให้” ป้าเฉินยิ้มขณะที่เธอพูด