ตอนที่ 10 ผู้กลืนวิญญาณ

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ

ตอนที่ 10 ผู้กลืนวิญญาณ

หากจะให้อธิบายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูด ผมคงจะบอกว่าตัวเองรู้สึกเหมือนถูกแสงจากดวงตะวันกลืนกินอยู่

「อ๊ากกกกก!!」

ผมกรีดร้อง กรีดร้อง และกรีดร้องออกมา

ร้อน ร้อน ร้อน มันร้อนไปหมด

ร่างกายของผมเหมือนกำลังถูกแผดเผา

ราวกับร่างของผมเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง

กระดูกของผมกำลังถูกเผาไหม้ เนื้อหนังของผมกำลังถูกปรุงให้สุก

เลือดทั่วร่างของผมถูกต้มจนเดือด ไหลพล่านตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความรวดเร็ว

หากเป็นแบบนี้ต่อไป ร่างของผมคงจะระเบิดออกมา

เหมือนกับลูกโป่งน้ำที่โดนเข็มทิ่ม

ความร้อนที่พลุ่งพล่านภายในร่างกายของของผมตอนนี้

มันคือพลังที่กำลังอาละวาดอยู่ในร่างของผม

หากผมไม่ปลอดปล่อยมันออกมา ร่างกายของผมต้องรับไม่ไหวแน่ๆ

กรีดร้อง ตะโกน แล้วก็ตะโกนออกมา

ผมรู้ ผมรู้ดี แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้รู้ว่าต้องทำแบบนี้

ผมรู้ว่าผมต้องทำอะไรเพื่อจะปลดปล่อยพลังออกมา และรู้วิธีการสร้างพลังนั้นออกมา

「――พวกเรา…เหมือนกัน」

ผมควบคุมพลังที่บ้าคลั่งนี้ได้อยู่หมัด

จากนั้นกระแสของพลังก็ได้มารวมตัวกันจนเกิดเป็นแสงสีดำที่ส่องประกายภายในฝ่ามือของผม

มาเรียวบางและยาว

แข็งแกร่งและคมกริบ

「――เสริมพลังอาภรณ์วิญญาณ」

ดาบสีดำที่มีจิตมุ่งร้าย-มืดมิดราวกับสุริยุปราคาที่กลืนกินดวงอาทิตย์

เผ่าพันธุ์ในตำนานที่แข็งแกร่งและเก่าแก่ที่สุด ผู้สังหารเหล่าเทพสงครามทั้งสิบเจ็ด ในยุคแห่งทวยเทพ

นามนั้นคือ–

「กลืนกินมันให้หมด…โซลอีทเตอร์!!」

ทันใดนั้น แสงสีดำอันมืดมิดก็ขยายใหญ่ขึ้นจนสามารถกลบแสงของดวงดาวที่ส่องมาภายในถ้ำได้

◆◆◆

ผมไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ตั้งแต่ที่ดวงจันทร์บนหัวผมส่องแสงมาที่ถ้ำนี้อีกครั้ง

หลังจากที่แสงสีดำได้หายไป ผมก็พบว่าตัวเองกำลังยืนหอบอยู่คนเดียวในถ้ำแห่งนี้แล้ว

ใช่แล้วผมกำลังยืนอยู่

ขาทั้งสองของผมที่ถูกกินโดยพวกแมลงนั่นงอกกลับมาใหม่ยาวไปจนถึงเล็บเท้าแล้ว

แขนของผมก็เช่นเดียวกัน กระทั่งแขนขวาที่ฉีกออกไปก่อนหน้าจะถูกกินก็กลับมาดั่งเดิม

มันเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่เพราะแขนที่เคยสูญเสียไป กลับขยับไปมาได้ตามความคิดเหมือนเดิม

และสุดท้าย ผมก็กำดาบที่มีอยู่ในมือนั้นไม่แน่น

ตัวดาบสีดำสนิทตั้งแต่ปลายดาบไปจนถึงด้ามจับ ราวมันว่ามันถูกหลอมขึ้นมาด้วยความมืดยามค่ำคืน ผมรู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างน่าประหลาดใจ

ใบมีดสีดำ ที่มีเพียงขอบของใบมีดเท่านั้นที่เรืองแสงออกมาเป็นสีของเลือด

ผมค่อยๆ มองไปที่ปลายของดาบ

จิตคุกคามของมันทำให้ผมขนลุก

ความรู้สึกที่อิ่มเอมใจก็ทำให้ผมขนลุก

ความทรงจำของผม…ยังคงอยู่ นั่นจึงเป็นเหตุผล..ที่ผมรู้ว่าดาบเล่มนี้คืออะไร

ไม่สิถึงจะเสียความทรงจำไปแล้ว แต่ผมก็มั่นใจว่าจะรู้จากสัญชาตญาณของผม

ดาบเล่มนี้คืออาภรณ์วิญญาณของผมเอง

「…โซลอีทเตอร์…มังกรกลืนวิญญาณ…」

เสียงที่คอยตอบกลับผมก่อนหน้านี้ไม่มีอีกแล้ว แต่ดาบสีดำที่เปล่งประกายออกมาภายใต้แสงจันทร์นี้ก็กำลังตอบรับผมราวกับยินดีที่ผมสามารถใช้อาภรณ์วิญญาณได้สีเลือดสดที่อยู่ตรงคมดาบส่องประกายออกมานั้นดูมีเสน่ห์มากเลยทีเดียว

ทันใดนั้น สายตาของผมก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวเมื่อผมมองไปดู ก็พบว่าหนอนขนาดเท่าหัวเด็กกำลังค่อยๆ คลานหนีจากผมพอมองเข้าไปใกล้ๆ ก็พบว่าหนอนขนาดทั่วไปก็เหมือนจะคลานหนีผมไปในทางเดียวกันหมดถึงกลุ่มหนอนที่อยู่รอบๆ ตัวผมจะหายไปหมดแล้วจากคลื่นสีดำนั้น แต่เหมือนจะยังมีพวกมันอีกหลายตัวที่เหลืออยู่ในถ้ำนี้

หากพวกมันตั้งใจเข้ามารุมโจมตีผมพร้อมกันบางทีอาจจะพอเป็นภัยให้กับผมได้บ้าง แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่ได้มีความตั้งใจเช่นนั้นเลยบางทีสัญชาตญาณของพวกมันอาจจะบอกว่าผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะเอาชนะได้ ไม่ก็อาจจะเป็นอะไรที่ง่ายกว่านั้น นั่นคือพวกมันไม่มีพลังพอที่จะต่อสู้กับศัตรูที่ไม่เป็นอัมพาตตั้งแต่แรกแล้ว

「สิ่งมีชีวิตที่วางไข่ได้ทีละหลายฟอง มันบอกถึงตัวอ่อนของพวกมันนั้นสามารถถูกพวกนักล่าจัดการได้ง่ายสินะ? 」

ผมจำลักษณะพิเศษพวกสิ่งมีชีวิตพวกนี้ได้จากลูนามาเรียที่พูดกับผมในอดีตเหตุผลที่สิ่งมีชีวิตที่จำเป็นต้องวางไข่ทีละหลายฟองนั้น ก็คือหากมันไม่ทำเช่นนั้นโอกาสที่หนึ่งในตัวอ่อนของพวกมันจะเติบโตขึ้นมาได้จะมาน้อยมากอะไรทำนองนั้น

พอคิดได้แบบนี้ บางทีที่ราชาแมลงวันมันวางไข่เป็นพันๆ ฟองก็เพื่อเผชิญกับความยากลำบากของธรรมชาติเหมือนกันสินะ

「ไอ้ราชาแมลงวันนั่นคงจะเสียใจน่าดูหากกลับรังมาแล้วเห็นว่าลูกของพวกมันตายไปหมดแล้ว ความพยายามเลี้ยงดูลูกของมันก็คงพังทลาย!」

ฮ่าๆๆ ผมกลั้นหัวเราะเอาไว้แทบไม่อยู่

หากผมไม่โดยราชาแมลงวันจับตัวมา ผมก็คงไม่มีวันจะใช้อาภรณ์วิญญาณได้เลย ถ้างั้นก็ต้องบอกว่ามันเป็น”ผู้มีพระคุณ” ไม่สิ “แมลงมีพระคุณ”ของผมสินะ

เอาเถอะจะยังไงก็ช่างผมจะขอตอบแทนความรู้สึกขอบคุณและความโกรธที่ผมมีจากก้นบึ้งของหัวใจนี้ให้กับลูกๆ ของมันเองถึงผมควรจะรีบหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ก่อน แต่เรื่องนั้นเอาไว้คิดทีหลังก็แล้วกันความสิ้นหวังที่ผมรู้สึกได้จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่หายไปไหน ความทรงจำอันแสนน่าหวาดกลัวที่ร่างของตนถูกกินทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ผมยังรู้สึกได้แค่มีความรู้สึกนั้นอยู่ก็ทำให้การแก้แค้นของผมมันน่าอิ่มเอมใจแล้ว

ถึงจะน่าเสียดายที่ผมไม่สามารถเข้าใจเสียงที่พวกมันพ่นออกมาได้ งั้นก็เริ่มจากหนอนที่ใกล้ที่สุดก่อนเลยก็แล้วกัน

「เอาละนะ..ฮึ้ย!」

วินาทีที่ผมใช้คมดาบตัดร่างของหนอนขนาดใหญ่ เสียงที่แปลกประหลาดก็หลุดออกมาจากปากของผม

หากมีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย พวกเขาคงหัวเราะเยาะที่ผมทำเสียงงี่เงาแบบนี้ออกมาแน่

ว่าแต่เมื่อกี้นี้มันอะไรกัน วินาทีที่ผมตัดร่างของหนอนนั่น ความรู้สึกที่ไม่น่าเชื่อนี้ก็ได้แล่นไปทั่วร่างของผม ใช่แล้ว ถ้าจะให้อธิบายถึงความรู้สึกนี้ก็เหมือนกับการที่ผมถูกปลอบประโลมจิตใจ….

「…นะ-นี่มันบ้าอะไรกัน」

ผมรู้สึกประหลาดใจ แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนสิ่งที่ผมจะทำต่อจากนี้ ผมยังคงพุ่งไปหาหนอนตัวต่อๆ ไปและเหวี่ยงดาบสีดำลงไปที่ร่างของมัน

「ฮึ้มมมม!」

ถึงผมจะคิดไว้อยู่แล้วก็เถอะ แต่นี่ไม่ใช่ว่าผมทำเสียงแปลกกว่าเมื่อกี้อีกเหรอไอ้หนอนพวกนี้มันทำอะไรแปลกๆ กับผมตอนที่พวกมันถูกฆ่าหรือเปล่านะ แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นอันตรายอะไรกับผม

ฟาดฟัน

「ชุ้ว!」

สับ

「อึ้ง」

ทิ่มแทง

「อึก..ไม่เป็นไร」

แทงอีกครั้ง

「เราน่ะ-」

ฟาดฟันต่อไปเรื่อยๆ

「ตอนนี้เราเริ่มชินขึ้นมาแล้ว」

ผมรู้สึกเริ่มชินกับความสุขที่ได้รับหลังการสังหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ทันใดนั้น ผมก็มีความคิดที่จะใช้เท้าเหยียบหนอนตัวเล็กๆ ให้ตาย…แต่ผมก็ต้องหยุด แล้วเริ่มคิดอะไรบางอย่างแทน มันคงจะลำบากเกินไปถ้าต้องมาคอยเหยียบมันแบบนี้

แต่ผมก็บอกกับตัวเองไว้แล้วว่าจะฆ่าพวกมันให้หมดตั้งแต่ตอนที่กินพวกมันเข้าไป

「งั้นก็ เอาแบบนี้แล้วกัน」

ผมหยิบก้อนหินบริเวณใกล้เคียงมาบดขยี้หนอนพวกนี้แทน

แต่ถึงจะทำแบบนั้น ผมกลับสัมผัสถึงความสุขจากการฆ่านี้ไม่ได้เลย เมื่อผมลองเอาหินไปบดขยี้พวกมันอีกสี่ถึงห้าตัว ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม

แต่พอผมใช้ดาบสีดำนี้แทน ความสุขอันเปี่ยมล้นของผมก็กลับมา

「แปลว่าหนอนพวกนี้มันไม่ได้ทำอะไรตอนมันตาย แต่เป็นเพราะอาภรณ์วิญญาณของเรางั้นสินะ? 」

หากเป็นในกรณีนี้ ก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องเป็นห่วง

น่าเสียดายที่มันไม่มีคู่มือในการใช้งานแถมมาให้ด้วย ดังนั้นผมก็ต้องเรียนรู้วิธีใช้มันเองไปเรื่อยๆ

ในตอนนี้ มันถึงช่วงเวลาที่ผมจะตอบแทนหนอนกินคนพวกนี้แล้ว

ผมฮัมเพลงขณะผ่าร่างของพวกมันไปเรื่อยๆ ทีละตัว

เวลาผ่านไปสามสิบนาที หนึ่งชั่วโมง ชั่วโมงครึ่ง สองชั่วโมง

ไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้วที่ผมค่อยๆ ฟันร่างของพวกมัน แต่ผมกลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลย

ผมน่าจะฆ่าพวกมันไปได้สัก 300 ตัวแล้วนะ

จากนั้นร่างของผมก็รู้สึกเหมือนมีแรงกระแทกอย่างรุนแรงออกมา ความรู้สึกมันแตกต่างไปจากที่ผมเคยได้รับมาจนถึงตอนนี้

มันเหมือนกับร่างของผมได้รับการชำระล้างอยู่ภายใน ร่างที่เหมือนกับถูกสร้างขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ศูนย์ มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดมาก

ความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิตนี้

แต่ด้วยลางสังหรณ์บางอย่าง ผมจึงเปิดปากพูดคำนั้นออกมา

「…เปิดหน้าต่างเลเวล..」

ผมตรวจสอบเลเวลของผมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

และผมก็เห็นตัวเลขที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต

『2』

ใช่แล้ว เลเวล 2 เลเวลที่ผมของผมที่ไม่เคยเพิ่มขึ้นเลยมาจนถึงตอนนี้

「โย้ชชชชชชช!!」

ผมตะโกนออกมาดังลั่น

ผมเชื่อว่า น่าจะเป็นเพราะอาภรณ์วิญญาณนี่แหละที่ทำให้ผมได้รับค่าประสบการณ์….เดี๋ยวนะ ไม่สิ…ไม่ใช่แค่นั้น

อาภรณ์วิญญาณผมของมันได้รับบางอย่างที่ไม่ใช่แค่ค่าประสบการณ์เข้ามาด้วย มันสามารถขโมยเอาแก่นของชีวิตที่เรียกกันว่าจิตวิญญาณของคนที่มันสังหารเข้ามาด้วย เพราะงั้นเลยถูกเรียกว่าโซลอีทเตอร์

นั่นน่าจะสามารถอธิบายถึงการอัพเลเวลของผมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้ วิญญาณหนึ่งดวงที่อาภรณ์วิญญาณของผมกลืนกินนั้นจะสามารถให้ค่าประสบการณ์ได้มากกว่าหลายร้อยแต้มหากเทียบกับนักผจญภัยทั่วไป

ไม่สิอาจจะไม่ใช่แค่หลายร้อย บางทีอาจจะเป็นหลายพันเลยก็ได้ ยังไงก็ตามมันจะต้องเป็นเพราะสิ่งนี้แน่ๆ ที่ทำให้ผมได้รับค่าประสบการณ์เพียงพอต่อการอัพเลเวล

ึความสุขที่ได้รับหลังจากการอัพเลเวลมันทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจของผมถูกเติมเต็มอย่างที่ไม่เคยเป็น ค่าประสบการณ์ที่บริสุทธิ์จำนวนมากค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามาในร่างของผมอย่างไม่หยุดหย่อน

「ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็…!」

ดวงตาของผมเริ่มเป็นประกายเมื่อมองไปรอบๆ ตอนนี้ยังเหลือพวกหนอนที่ขยับไปมาอยู่

นั่นก็หมายความว่ายังเหลือค่าประสบการณ์อีกมากมายให้ผมได้เก็บเกี่ยว

งั้นก็มาเริ่มบรรเลงฟาร์มค่าประสบการณ์ก่อนต่อเลยดีกว่า!

———

Note 1 : ฟาร์มหนอนแซบๆ

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code