บทที่ 180 เข้ามายุ่งกับคนรัก

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 180 เข้ามายุ่งกับคนรัก

บทที่ 180 เข้ามายุ่งกับคนรัก

“คงจะเป็นการดีถ้าให้ท่านแม่ทัพฮั่วตามข้ากลับไปยังหร่งตี๋และเตรียมที่นอนอุ่น ๆ ให้ข้า เช่นนั้น พวกเราก็ไม่ต้องสู้กันให้เสียเลือดเสียเนื้อเปล่า ๆ ในสงครามครั้งนี้”

ที่นอนอุ่น ๆ ?

นั่นมันงานของโสเภณีไม่ใช่หรือ?

ฮั่วเสวียนได้ยินคำพูดหยาบคายของอูซือม่าน สีหน้าของนางยังคงเป็นปกติไม่เปลี่ยนแปลง

เมื่อมีกำลังพลที่ต้องแบกรับ หลีกเลี่ยงความใจร้อนจะเป็นการดีที่สุด

แม้ฮั่วเสวียนจะสามารถอดทนเอาไว้ได้ แต่ชุยดาบเดียวทนไม่ไหว เขาชักดาบเล่มยาวออกมาและพุ่งตัวไปยังอูซือม่านทันที

“ไอ้พวกหร่งตี๋ป่าเถื่อน เอาดาบของข้าไปกินซะ”

อูซือม่านหัวเราะอย่างเย็นชา พร้อมดึงดาบอันล้ำค่าออกมาจากด้านหลัง

จนเกิดเสียงดัง ‘เคร้ง’

ดาบทั้งสองเล่มปะทะกันและเกิดเสียงอันรุนแรงดังขึ้น

ชุยดาบเดียวร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าอูซือม่านจะรับดาบเล่มนี้ของเขาได้อย่างง่ายดาย

อูซือม่านใช้แรงเพียงนิดทำให้ชุยดายเดียวถึงกับเซ

และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดูถูก “เจ้าน่ะหรือ? ไม่ไหวหรอก ให้แม่ทัพของพวกเจ้าออกมาสู้กับข้าจะดีกว่า”

แม้คำพูดนั้นจะพูดกับชุยดาบเดียว แต่สายตาของอูซือม่านยังคงจ้องมองไปยังฮั่วเสวียน

ชุยดาบเดียวโกรธจนหน้าแดงก่ำ ยกดาบขึ้นและโจมตีอีกครั้งแต่ก็ถูกเสียงเย็นชาของฮั่วเสวียนหยุดเอาไว้ “กลับมา”

“ท่านแม่ทัพ!” ชุยดาบเดียวหอบหายใจขึ้นลงอย่างกระวนกระวายใจ เขาหมดหวังที่จะแก้แค้น

“ข้าบอกให้กลับมา”

ฮั่วเสวียนดูออกว่าชุยดาบเดียวไม่ได้ใช้พละกำลังทั้งหมดในการโจมตีเมื่อครู่ หากแต่อูซือม่านโจมตีกลับอย่างง่ายดาย

ชุยดาบเดียวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายคนนี้

ต่อให้ไม่เต็มใจ ชุยดาบเดียวก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง ทำได้เพียงถอนดาบออกในทันทีและขี่ม้ากลับไปยังกองทัพ

จากนั้นฮั่วเสวียนบังคับบังเหียนก้าวไปด้านหน้าสองก้าวด้วยท่าทางสบาย ๆ ราวกับกำลังขี่ม้าเล่นในทุ่งหญ้า

“อูซือม่าน เจ้ายกทัพมาประชิดชายแดนต้าเซี่ยของข้าเช่นนี้ มีจุดประสงค์อันใด?”

ใบหน้าของอูซือม่านปรากฏรอยยิ้มขบขันขึ้น “ก็ข้าอยากมา ต้องมีสาเหตุอันใดด้วยรึ?”

“ตามกฎแห่งพงไพรที่มีแต่ไหนแต่ไรมา พวกเจ้าควบคุมพื้นที่ต้าเซี่ยนี้มานานมากเกินไปแล้ว หากจะผลัดเปลี่ยนก็ควรถึงตาของพวกข้าแล้ว”

ดวงตาของฮั่วเสวียนเย็นชาลง “เจ้าคิดหรือว่าหร่งตี๋จะแข็งแกร่งกว่าต้าเซี่ย?”

“ก็ลองดู! หากไม่ลองจะรู้ได้อย่างไร?”

สงครามครั้งนี้ยากที่จะหลีกเลี่ยง ฮั่วเสวียนเองก็ขี้เกียจเกินจะพูดให้มากความ

เธอยกมือขวาขึ้น “กองทัพตระกูลฮั่วจงฟัง!”

“เพื่อความรุ่งโรจน์!” ทหารนับหมื่นส่งเสียงร้องตะโกนขึ้น

“ขับไล่หร่งตี๋ออกไปจากดินแดนต้าเซี่ยของพวกเรา อย่าให้หลงเหลือไว้แม้แต่คนเดียว!”

“ฆ่ามัน!”

ทหารของทั้งสองฝ่ายวิ่งเข้าใส่กัน เสียงสาปแช่งและเสียงกรีดร้องดังไปทั่วทั้งสมรภูมิ

ฮั่วเสวียนและอูซือม่านยืนอยู่บนหลังม้าอย่างสงบนิ่ง นางดึงดาบของตัวเองออกมาช้า ๆ

ดาบยาวชี้ขึ้นสู่นภา!

เมื่อฟาดฟัน นภาจะต้องอาบด้วยเลือด!

ฮั่วเสวียนเตะขาทั้งสองข้างก่อนจะบังคับม้าให้วิ่งเข้าไปยังทางที่อูซือม่านอยู่อย่างรวดเร็ว

ดาบถูกฟาดฟันลงราวกับมีกองทัพนับหมื่นกำลังโจมตี

อูซือม่านยกดาบขึ้นเพื่อต้อนรับศัตรู เขากำดาบในมือแน่นจนชา!

ใบหน้าของเขาแสดงความดูถูก เขากำดาบในมือจนแน่นโดยไม่รู้ตัว

แต่ฮั่วเสวียนไม่ให้โอกาสเขาได้หายใจเลยแม้แต่น้อย ฟาดดาบลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า

ด้วยทักษะการต่อสู้ที่เชี่ยวชาญและดาบที่พร้อมสังหาร

มือของอูซือม่านขยับไม่หยุด ปากก็พูดขึ้น “แม่ทัพฮั่วช่างมีความสามารถ ก่อนหน้านี้ข้าคงดูถูกท่านเกินไปเสียแล้ว”

“อย่างไรเสีย เด็กหน้าขาวอย่างเจ้าไม่มีทางหาภรรยาได้หรอก”

ฮั่วเสวียนเลิกคิ้วขึ้นเผยให้เห็นดวงตาที่สง่างาม

“ข้าเองก็ไม่เคยรู้ว่าหร่งตี๋เอาคนปากดีมาสู้รบตั้งแต่เมื่อไร”

อูซือม่านถูกการเลิกคิ้วของฮั่วเสวียนดึงดูด “โอ้สวรรค์ งดงามมากจริง ๆ ท่านแม่ทัพฮั่ว หากท่านยอมกลับหร่งตี๋กับข้าจริง ๆ สงครามครั้งนี้เราไม่ต้องต่อสู้กันแล้วก็ย่อมได้”

ฮั่วเสวียนเข้าใจความคิดสกปรกในคำพูดของเขา เธอจึงเพิ่มแรงในมือที่ถือดาบ

ดาบเล่มหนึ่งพุ่งไปยังไหล่ซ้ายของอูซือม่านจนชุดเกราะแตกออก

เลือดสีแดงสดไหลรินออกมา

ใบหน้าของอูซือม่านโกรธแค้น ไม่มีแววตาหยอกล้ออีกต่อไป ร่างกายของเขาค่อย ๆ อ่อนแรงลง ฮั่วเสวียนหาโอกาสแทงดาบเข้าไปที่อกขวาของอีกฝ่ายทันที

“ท่านผู้นำ!”

เหล่าทหารของอูซือม่านร้องตะโกนขึ้น ก่อนที่จะเข้าล้อมฮั่วเสวียนอย่างรวดเร็วและพาอูซือ ม่านออกไป

ฮั่วเสวียนพยายามหยุดอูซือม่าน แต่จะทำเช่นไรกัน

“ถอนกำลัง”

อูซือม่านรั้งตัวขึ้นและตะโกนสั่ง

เหล่าทหารหร่งตี๋พากันล่าถอยราวกับกระแสน้ำ เหลือไว้เพียงซากศพและเลือดสีแดงสดเต็มสมรภูมิ

ทั้งเลือดของศัตรูและของตนเอง

ฮั่วเสวียนมองดูแผ่นหลังของอูซือม่านและโบกมือให้กับกองกำลังตระกูลฮั่ว

“ช่วยคนบาดเจ็บก่อน ผู้ที่สละชีพ… นำกลับไปฝัง”

ฮั่วเสวียนทำสงครามมามากมาย นางพบเจอความตายของผู้คนมาจนคุ้นชินและไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่ฮั่วเสวียนยังคงรู้สึกหนักอึ้งในใจ เหมือนพวกเขาพึ่งจะพูดคุยและหัวเราะด้วยกันไป เหมือนพึ่งจะกินข้าวหรือฝึกซ้อมด้วยกัน แต่ตอนนี้ต้องแยกจากกันตลอดกาล

โชคดีที่ชนะสงครามมาได้ ทั้งกองกำลังตระกูลฮั่วจึงดูฮึกเหิมขึ้น

ส่วนหลี่จื้อเดินมาข้าง ๆ ฮั่วเสวียนและตบลงที่ไหล่ของนางเบา ๆ

“ท่านแม่ทัพฮั่ว ท่านทำได้ดีมาก”

ทั้งกล้าหาญและเก่งกาจ

มุ่งไปข้างหน้าด้วยเจตจำนงที่ไม่ย่อท้อ

ฮั่วเสวียนเคร่งขรึมขึ้น มองดูเหล่าทหารหามศพออกไป “องค์ชาย พวกเขาอาจเป็นลูกชาย เป็นสามี เป็นพ่อของใครสักคน แต่ตอนนี้เป็นเพียงร่างไร้วิญญาณไปเสียแล้ว”

คนในครอบครัวคงรอพวกเขาอีกไม่ได้แล้ว

“หวังว่าในชาติหน้าพวกเขาจะได้รับเกียรติและความมั่งคั่งอย่างไม่รู้จบ ไม่ต้องทุกข์ทรมานกับสงครามอีกต่อไป”

หากไม่อยากให้มีสงครามในยุคสมัยนี้ คงทำได้เพียงหวังให้บ้านเมืองเข้มแข็งขึ้น ให้มีแต่ผู้เคารพยำเกรง

หลี่จื้อรับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของฮั่วเสวียน จึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ต้องเป็นเช่นนั้นแน่”

“คัต”

เสียงของสวีโหมวดังขึ้น ขัดจังหวะอารมณ์เศร้าของซูโย่วอี๋ แม้จะไม่ได้แสดงต่อ เธอก็ยิ้มไม่ออก

ฮันเจ๋อหยางเลยลูบหัวของเธอ “ไม่เป็นไรแล้ว”

สวีโหมวเดินมายังด้านหน้าของทั้งสองคน “ป๋ายลิ่นล่ะ? คุณก็มานี่ด้วยสักเดี๋ยวหนึ่ง”

ป๋ายลิ่นคือคนที่แสดงเป็นอูซือม่าน

สวีโหมวมองไปยังซูโย่วอี๋ด้วยท่าทางแปลกใจ

ฉากนี้มีองค์ประกอบด้านศิลปะการต่อสู้มากมาย สวีโหมวคิดว่าซูโย่วอี๋คงจะต่อสู้ได้แย่มาก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าทักษะการต่อสู้และการขี่ม้าของซูโย่วอี๋จะแข็งแรงและสวยงามขนาดนี้

ฟาดฟันดาบราวกับสายลม!

ท่าทางสง่างามข่มขู่ผู้คนให้เกรงกลัว!

ต่อให้เป็นครูผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้มาแสดงเองก็ไม่สามารถแสดงได้ดีกว่าเธอเลยด้วยซ้ำ

แต่ซูโย่วอี๋มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง เธอไม่คุ้นชินกับการใช้ลวดสลิง

“คุณเคลื่อนไหวกลางอากาศไม่สมบูรณ์ อย่างน้อยก็ขาดไปสามสิบเปอร์เซ็นต์”

ซูโยวอี๋รู้ปัญหาของตัวเองดี เธอพยายามควบคุมทิศทางและแรงตอนอยู่ในอากาศ แต่ก็ยังทำไม่ได้อย่างที่ใจคิด

“คุณหยุดการถ่ายทำได้และไปฝึกซ้อมการใช้ลวดสลิงซะ”

ซูโย่วอี๋พยักหน้า

หลังจากที่สวีโหมวชี้ให้เห็นถึงปัญหาในระหว่างการถ่ายทำแล้ว ก็แจ้งให้ทีมละครพักผ่อนครึ่งชั่วโมง

รอจนสวีโหมวจากไป ป๋ายลิ่นมองไปยังซูโย่วอี๋ที่กำลังก้มหน้าลง เขาพูดปลอบเธอ “คุณซู คุณทำได้ดีมากแล้วครับ แม้แต่คนที่เคยฝึกมาก่อนอย่างผมก็ยังสู้การแสดงของคุณไม่ได้เลย เพียงแต่ผู้กำกับสวีเขาคาดหวังในตัวคุณสูงมากเกินไปเท่านั้นเอง”

ซูโย่วอี๋พยักหน้าเบา ๆ ไม่… ไม่ใช่เพราะคำพูดของผู้กำกับสวีที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี

ป๋ายลิ่นเองก็อยากจะปลอบใจเธอ จึงเล่าเรื่องขบขันด้วยถ้อยคำตลก ๆ แต่ว่าซูโย่วอี๋ไม่มีอารมณ์ฟังจริง ๆ

“ขอบคุณนะคะ คุณป๋ายลิ่น แต่ฉันอยากอยู่เงียบ ๆ ได้ไหมคะ?”

ป๋ายลิ่นนิ่งไป “โอเค ได้สิ”

ฮันเจ๋อหยางที่แอบมองดูอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่ต้นก็เข้าใจดี แต่ไม่ได้พูดอะไร เขารู้สึกว่าเจ้าป๋ายลิ่นคนนี้ใจกล้าที่กล้าเข้าไปยุ่งกับคนรักของลู่เฉิน

ซูโย่วอี๋นั่งอยู่บนเก้าอี้ เหมยเหมยหยิบเค้กชิ้นเล็กมาให้เธอ “ถ่ายฉากสู้มาตั้งนานคงจะเหนื่อยแล้ว กินเค้กเพิ่มพลังหน่อยนะคะ”

ซูโย่วอี๋ไม่อยากกิน แต่เห็นสายตาเป็นกังวลของเหมยเหมยจึงรับเค้กมา

เนื้อครีมเข้มข้นละลายในปากทำให้ซูโย่วอี๋รู้สึกดีขึ้น