ตอนที่ 62

Hell mode

บทที่ 62 วันหยุดฤดูใบไม้ผลิ 1

ตอนนี้ขึ้นปีใหม่จนมาถึงช่วงต้นเดือนมีนาคมแล้ว อเลนกำลังนั่งอยู่บนรถม้า ช่างเป็นแสงแดดก่อนเที่ยงที่ให้ความรู้สึกดี

เพราะได้เป็นนายพรานตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทำให้ความถี่ในการล่าต่อสัปดาห์เป็น 2 วัน

ด้วยเหตุนี้ จากความคืบหน้าในการล่าก็อบลินทำให้จากเลเวล 13 กลายเป็นเลเวล 19 ถึงค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้ในการเพิ่มเลเวลจะมากขึ้น แต่เลเวลก็ยังเพิ่มขึ้นได้อย่างราบรื่น

จัดงานเลี้ยงปีใหม่ที่คฤหาสน์ โดยทำการเชิญผู้ทรงอิทธิพลในเมืองมาอย่างคับคั่ง และทำการเสิร์ฟไวท์เดียร์ออกไป อนึ่ง เดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ออกไปล่าไวท์เดียร์เดือนละตัว

อเลนกลายเป็นนายพราน และมีหน้าที่ล่าเนื้อมอนสเตอร์กลับมา แต่ว่าหน้าหนาวแค่เนื้อของกระต่ายมีเขาอย่างเดยีวมันไม่เพียงพอ เลยคิดว่าน่าจะล่าเนื้ออย่างอื่นมาด้วย เลยไปทำการล่าไวท์เดียร์เดือนละ 1 ครั้ง

พอทำการล่าตัวที่ 3 ตรงสวนก็มีกระดานขนาดใหญ่วางเอาไว้ และโดนคนสวนบอกมาว่าหลังจากนี้ถ้าล่ามอนสเตอร์มาได้ให้เอามาวางไว้ตรงนี้ เหตุผลเพราะไวท์เดียร์ที่หนักเกือบ 1 ตันทำให้สวนยุบลงไป กับตอนชำแหละทำให้สวนมันสกปรกด้วย

พอเข้าสู่เดือนมีนาคมจนอากาศอบอุ่นขึ้นเลยเริ่มล่ามอนสเตอร์ไว้สำหรับเป็นอาหาร วันล่าครั้งถัดไปกำหนดไว้ว่าจะไปล่ามอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ

“นี่ อย่าหลับสิ!”

เผลอหลับระหว่างที่คิดถึงเรื่องการล่าในวันหยุดถัดไป ทำให้คิดว่าเป็นความผิดของอากาศที่อบอุ่นอย่างนี้ ทันใดนั้นก็โดนเซซิลที่นั่งอยู่ข้างหน้าโกรธใส่และเตะใส่หน้าแข้งด้วยปลายเท้า ซึ่งเจ็บเอามากๆ

(อืม ไม่นอนระหว่างเดินทางเหรอ สมกับเป็นต่างโลก)

อเลนแทบจะไม่มีสำนึกของคนรับใช้ฝึกหัด

“ขอโทษกับสิ่งนี้ด้วยครับ คุณหนูเซซิล”

“ถ้าทำอย่างนั้นต่อหน้าท่านพี่มิไฮละก็ไม่จบง่ายๆแน่!”

โดนจ้องเขม็งด้วยดวงตาสีแดงเข้ม วันนี้มุ่งหน้าไปยังลานจอดเรือเหาะเวทมนตร์เพื่อต้อนรับลูกชายคนโตของตระกูลแกรนเวลอย่างมิไฮ

บางครั้งเซซิลก็จะพาออกมาข้างนอกด้วย ช่วยถือของที่ซื้อบ้างหรือช่วยงานอื่นๆ มีหลายครั้งที่คิดว่า ไม่ต้องมีฉันก็ได้นี่? แต่ดูจากอายุแล้วก็คงอยากจะพามาด้วยอยู่ก็ได้

ไปถึงลานจอดที่อยู่ทางด้านตะวันออกของเมืองแกรนแวล เพื่อที่จะให้เรือเหาะเวทมนตร์ขนาด 100 เมตรลงจอดได้ ทำให้ตรงนั้นเป็นที่ราบโล่งไม่มีอะไรเหมือนกับสนามบินของโลกก่อน

รอไม่ถึง 30 นาทีก็เห็นจุดลอยอยู่บนท้องฟ้า และมันค่อยๆใหญ่ขึ้น

“โอ้ว!”

เห็นเรือเหาะเวทมนตร์บินตัดผ่านท้องฟ้าพร้อมกับเสียงอันดังสนั่น ก่อนจะค่อยๆร่อนลงมาอย่างช้าๆ ห่างจากตรงนี้ไปหน่อย

(สุดยอดเลยนะเนี่ย มันลอยด้วยหลักการแบบไหนกัน? แรงลอยตัว? หรือพลังเวท?)

รูปทรงของมันอ้วนป้อมเหมือนกับก้อนแฮมกลมๆ พอมองด้วยความชื่นชม ด้านล่างของเรือเหาะเวทมนตร์ ก็มีอะไรที่คล้ายกับบันไดยืดออกมา

(ดูไฮเทคเหมือนกันนะเนี่ย นาฬิกาก็ใช้แบบ 12 ชั่วโมงด้วยสิ ต่างโลกนี้ค่อนข้างพัฒนาไปสมควรเลยนะเนี่ย)

ตามปกตินึกว่าเป็นโลกยุคกลางที่อารยธรรมยังไม่รุ่งเรือง แต่พอได้เห็นอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ยอดเยี่ยมอย่างนี้ ทำให้รู้สึกว่าอารยธรรมพัฒนาไปไกลอยู่

แล้วผู้คนก็เริ่มลงมา พอชำเลืองมองเซซิลก็เห็นว่าเธอตื่นเต้นอยู่ เธอคงรักพี่ชายคนโตเอามากๆ

มีใครบางคนโบกมืออยู่ไกลๆ คนที่มีสีผมสีม่วงอ่อนแบบเดียวกับเซซิล ดูเหมือนจะเป็นมิไฮ เขาแบกสัมภาระขนาดใหญ่ด้วยตัวคนเดียว

“ไงเซซิล สบายดีหรือเปล่า?”

“ท่านพี่มิไฮ หนูสบายดีค่ะ”

(พี่น้องสนิทกันดี ไปโรงเรียนตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนนี้น่าจะอายุไม่ 13 ก็ 14 ปีสินะ ค่อนข้างดูเป็นผู้ใหญ่ด้วย ต่างโลกนี่โตกันไวจัง)

มิไฮไปเมืองหลวงแห่งการศึกษาตั้งแต่ปีที่แล้ว

เหมือนจะเป็นการพบกันอีกครั้งของพี่น้องที่สนิทกันดี พอมองทั้งคู่แล้วก็นึกถึงมัชชูกับมูระ เนื่องจากมิไฮขนสัมภาระมาเยอะเลยช่วยขนของขึ้นบนรถม้า

“หือ? นี่ เธอคนรับใช้คนใหม่สินะ?”

“ครับ มาช่วยงานตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว ชื่อว่าอเลนครับ”

เพราะโดนชวนคุยบนรถม้าเลยตอบกลับไป

“อเลนเป็นคนรับใช้ของหนูค่ะ”

“โห คุณพ่ออนุญาตแล้วเหรอ นั่นสินะๆ ถือเป็นโอกาสที่ดีของอเลนพยายามเข้านะ”

“คะ ครับ”

เพราะไม่ค่อยอยากตอบเลยตอบส่งๆ บอกไม่ได้หรอกว่าที่นี่เองก็ไม่ค่อยดี

ได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับคนรับใช้ฝึกหัดกับลูกของขุนนางมาจากหัวหน้าคนรับใช้ริกเกลแล้ว ถึงจะไม่ได้ถามแต่ก็เล่าให้ฟัง เรื่องเล่าที่ราวกับฝันร้าย

ดูเหมือนลูกของขุนนางพออายุ 10 ขวบถึงจะมีคนรับใช้ฝึกหัด ตามปกติคนเลือกจะเป็นครอบครัวบ้าง เด็กเป็นคนเลือกเองบ้าง โดยพออายุ 12 ปี คนที่ถูกเลือกจะกลายเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของเด็กคนนั้นไปด้วย แล้วก็สั่งสมประสบการณ์ในฐานะของคนรับใช้ฝึกหัดไปเรื่อยๆ เพื่อเติบโตพร้อมกับรับใช้ลูกของขุนนางไปเรื่อยๆ

แล้วพอคนรับใช้ฝึกหัดอายุ 15 ปีจะได้เลื่อนขั้นเป็นคนรับใช้ และทำงานรับใช้ลูกของขุนนางที่กลายเป็นผู้ใหญ่ไปตลอดชีวิต คนรับใชฝึกหัดที่คอยดูแลลูกของขุนนางก็เหมือนได้สัญญากลายๆว่า มีโอกาสได้ตำแหน่งที่สูงยิ่งกว่าคนรับใช้รออยู่

มีทั้งผู้ที่ยังเป็นคนรับใช้อย่างนั้น บ้างก็ได้เป็นพ่อบ้านหรือไม่ก็อัศวิน

เพราะอย่างนั้น ต่อให้เป็นคนรับใช้ฝึกหัดของขุนนาง ถ้าไม่ทำงานให้ใครก็ไม่สามารถเป็นคนรับใช้ได้ ทำงานสารพัดหลายปี จนเอาชนะใจลูกของขุนนางที่ทำงานอยู่ถึงจะกลายเป็นคนรับใช้ได้ ริกเกลที่อายุ 18 ปีแล้ว บอกไว้ว่าอย่างเขาคงเป็นคนรับใช้ได้ยาก

นอกจากนี้ยังบอกกันว่าหากคนรับใช้ฝึกหัดไปเป็นพ่อครัวหรือคนขับรถม้าแล้ว จะเป็นคนรับใช้ไม่ได้เนื่องจากไปงานเฉพาะด้านแล้ว

อเลนที่ได้เป็นคนรับใช้ฝึกหัดของลูกขุนนางอย่างนี้ แทบจะได้ทำงานรับใช้เซซิลไปตลอดชีวิต เหมือนขึ้นบันไดเลื่อนที่ไม่ควรขึ้นมาเลย ไม่รู้ทั้งวิธีลงหรือว่าควรจะทำอย่างไรดี

เมื่อครู่ ที่ลูกชายคนโตของตระกูลแกรนเวลบคงอยากบอกว่า ‘บารอนแกรนเวล หาคนรับใช้ฝึกหัดดีๆอย่างนี้มาให้เซซิลที่อายุ 8 ขวบได้นะเนี่ย’ พี่ชายของเซซิลอย่างโทมัส ยังไม่มีคนรับใช้ส่วนตัว และให้สาวรับใช้ฝึกหัดคอยดูแลอยู่

“ชื่อว่าอเลนสินะ เธอยอดเยี่ยขนาดนั้นเลยเหรอ?”

โดนมองด้วยดวงตาสีแดงเข้มเหมือนกับเซซิล

“ไม่หรอกครับ เพราะความกรุณาของคุณหนูเซซิลต่างหากครับ”

“อย่างนี้นี่เอง”

มิไฮพูดเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง

“เรื่องของอเลนเอาไว้ก่อนเถอะค่ะ”

เซซิลพูดราวกับอยากจะให้ไปพูดกับเธอ

“ใช่แล้วเซซิล นี่ของฝากจากเมืองหลวง”

เขาหยิบกิ๊บติดผมรูปผีเสื้อแวววาวออกมาจากกระเป๋าและมอบให้

“แหม ขอบคุณมากค่ะ!!”

เธอรับมือด้วยมือทั้งสองข้างอย่างดีใจ พร้อมกับจ้องมองด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

“ดีใจอย่างนี้ค่อยรู้สึกดีหน่อย เพราะไม่ได้กลับมาตอนช่วงวันหยุดฤดูร้อนน่ะ”

ของฝาก เหมือนของใช้ลดโทษ

“นั่นสิคะ! ไม่ใช่ว่าวันหยุดฤดูร้อนมันนานหรือคะ?”

“มันก็ใช่อยู่หรอก แต่โดนบอกมาว่าถ้าผ่านดันเจี้ยนไม่ได้จะโดนไล่ออกจากโรงเรียนน่ะ”

พูดเชิงขอโทษออกมา

(ดันเจี้ยน? เงื่อนไขการเรียนต่อคือต้องผ่านดันเจี้ยนงั้นเหรอ? ถ้าผ่านไม่ได้จะโดนไล่ออก?”

“แหม! ช่วยบอกให้ฟังหน่อยค่ะ!!”*

เซซิลขอให้เล่าเกี่ยวกับชีวิตการเป็นนักเรียนที่หลงใหลด้วยดวงตาเป็นประกาย

อย่างไรก็ตามวันหยุดฤดูร้อนคือเดือนสิงหาคมกับกันยายน ตามปกติจะทำอะไรก็ได้ แต่มีการบ้านวันหยุดฤดูร้อนอยู่หนึ่งอย่าง นั่นคือต้องผ่านดันเจี้ยนมากมายที่อยู่ในเมืองแห่งการศึกษาให้ได้ 1 แห่ง

เพื่อที่จะผ่านดันเจี้ยนให้ได้มิไฮเลยไม่ได้กลับมาตอนวันหยุดฤดูร้อน อาจารย์บอกไว้ว่า “ถ้าผ่านไม่ได้ก็ให้กลับบ้านไปไม่มีความจำเป็นต้องมาโรงเรียนแล้ว”

“แล้วท่านพี่ไม่เป็นไรแล้วหรือคะ?”

อีกฝ่ายเป็นลูกชายคนโตของตระกูลบารอน แน่นอนว่ามีลูกของขุนนางที่สูงศักดิ์กว่านี้อยู่ด้วย การที่ไล่ลูกของขุนนางเหล่านั้นออกจากโรงเรียนเนี่ยมันจะดีจริงหรือ

“แน่นอนสิ นโยบายของผู้อำนวยการไง”

ดูเหมือนโรงเรียนจะมีการโอ้อวดไว้ว่าไม่ฟังสิ่งที่พระราชาพูด จะว่าไปได้ยินมาจากบารอนแกรนเวลว่า ผู้อำนวยการเคยให้นักดาบสอบตกมาแล้ว

ดูเหมือนเมืองหลวงแห่งการศึกษาจะปกครองตนเองอย่างเข็มแข็งอยู่

“โห ลำบากมากเลยนะคะเนี่ย”

ดูเหมือนจะเป็นชีวิตโรงเรียนที่ค่อนข้างเข้มงวด ทำให้เซซิลเป็นห่วงมิไฮ

“อืม ถึงจะค่อนข้างเข้มงวด แต่ก่อนหน้านี้ ได้รับการชี้แนะจากยอดนักดาบโดเบิร์กด้วย!”

เขาจับดาบที่ถอดออกจากเอวเพราะต้องขึ้นรถม้าด้วยท่าทางดีใจ

(โอ๊ะ! ยอดนักดาบโดเบิร์กเหรอ เคยได้ยินชื่อมาบ้าง อย่างนี้นี่เอง ไปสอนนักเรียนที่เมืองหลวงแห่งการศึกษาด้วยงั้นเหรอ)

มิไฮเล่าชีวิตนักเรียนให้ฟังด้วยดวงตาเป็นประกาย ถึงเมื่อกี้จะพูดแบบผู้ใหญ่อยู่ แต่อย่างนี้ค่อยสมกับวัยหน่อย แล้วมิไฮกับเซซิลก็คุยต่อไปเรื่อยๆ