บทที่ 26 ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอีกแล้ว

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่26 ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอีกแล้ว
พอได้ยินแบบนี้ เฉียนต้ายาก็นั่งโวยวายบนพื้น จะให้หมอหวังรักษาเฉินโหยวซวนให้ได้ ทำเอาหมอหวังตกใจจนรีบหนีออกไป

เฉียนต้ายาหมดหนทาง จึงเข้าไปด่าสะใภ้ใหญ่ของตัวเอง ตอนที่จะลงมือตีนั้น สะใภ้ใหญ่ก็เสออว่าให้ขึ้นเขาไปขอเงินค่ารักษาจากโจวกุ้ยหลาน

นึกเรื่องที่ตัวเองเคยถูกสวีเหมยฮัวตบมาก่อน เฉียนต้ายาก็เริ่มลังเล

สะใภ้ใหญ่ดูถูกแม่สามีตัวเองสักเท่าไหร่ แต่เพื่อทั้งครอบครัว ก็เลยยุยงว่า: “หลายวันก่อนพวกเราไม่รู้ว่าน้องรองจะสาหัสขนาดนี้ ตอนนี้พวกเราไปโวยวายถึงบ้านผู้ใหญ่บ้าน ดูสิพวกนางจะชดใช้หรือไม่?”

คำพูดนี้เกลี้ยกล่อมเฉียนต้ายาได้สำเร็จ

……

เช้าวันถัดไป ตอนที่โจวกุ้ยหลานตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอสวีฉางหลินแล้ว

เขาเตรียมอาหารเช้าไว้เหมือนเดิม นางก็เอาเสื้อผ้าไปซักที่ข้างบ่อน้ำแล้วเอากลับมาตากที่บ้านนอก ให้อาหารไก่กับนกกระทา จูงแพะออกมากินหญ้า แล้วสะพายตะกร้าขึ้นไปเด็ดผักในป่าที่นางรู้จัก จากนั้นก็สับเนื้อนวดแป้งแล้วห่อเกี๊ยวกับเจ้าก้อนน้อยกิน

เจ้าก้อนน้อยฉลาดมาก แค่ดูนางทำไม่กี่ชิ้นก็ทำเป็นแล้ว สองแม่ลูกห่อเกี๊ยวร้อยกว่าชิ้นถึงจะหยุด

มองดูท้องฟ้าใกล้จะถึงเที่ยงแล้ว

โจวกุ้ยหลานหยิบเกี๊ยวห้าสิบชิ้นใส่หลายถ้วยแล้วเอาไว้ในตะกร้า สะพายตะกร้าขึ้นมาแล้วพาเจ้าก้อนน้อยกลับบ้านแม่

พอเห็นเกี๊ยว สีหน้าของโจวเหล่าไท่ไท่ก็มืดมนลง

“ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอีกแล้วเหรอ? ยังไม่ถึงปีใหม่หริองานเทศกาลเลยก็กินเกี๊ยวแล้ว? กลัวเงินในกระเป๋าขึ้นราจนต้องรีบใช้หรือไง? ทำไมถึงไม่เก็บไว้หน่อย?”

รู้ว่าโจวเหล่าไท่ไท่เสียดายเงิน โจวกุ้ยหลานก็รีบตอบว่า: “เนื้อที่บ้านมีเยอะ ถ้าไม่รีบกินเดี๋ยวจะเน่าเอา แป้งก็เป็นของที่สวีฉางหลินซื้อมาตอนแต่งงาน ยังกินไม่หมดเลย ก็เลยเอามาทำเกี๊ยว”

“แป้งเก็บไว้กินตอนปีใหม่ได้นี่? ตอนนี้ใกล้เข้าฤดูหนาวแล้ว พวกเจ้าไม่เก็บเสบียงไว้บ้างเลยเหรอ? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ถึงเวลาอย่าร้องให้งอแงกลับมาหาข้าล่ะ ข้าไม่มีเสบียงให้เจ้ายืมหรอกนะ!”

โจวเหล่าไท่ไท่ทำหน้าโมโห

ทำไมเมื่อก่อนถึงดูไม่ออกว่าลูกสาวตัวเองใช้เงินเปลืองขนาดนี้? ใช้ชีวิตไม่เป็นเลย มันน่าโมโหจริงๆ!

โจวกุ้ยหลานขี้เกียจเถียงกับแม่ตัวเอง ความคิดไม่เหมือนกัน พูดไปก็เท่านั้น นางรีบเปลี่ยนประเด็นสนทนา: “ท่านแม่เย็บเสื้อไปถึงไหนแล้ว?”

“เจ้าคิดว่าแม่มีสี่มือหรือไง? ตอนนี้ทำได้แค่เสื้อนอกของฉางหลินอย่างอื่นต้องทำช้าๆ”

นี่ก็ถือว่าเร็วมากแล้วนะ

“แม่เก่งจังเลย! พวกเราทำเสื้อให้เสี่ยวเทียนใส่ก่อนเถอะ สวีฉางหลินมีเสื้อใส่อยู่แล้ว” โจวกุ้ยหลานว่าแล้วก็ลูบหัวของเจ้าก้อนน้อย

อืม ช่วงนี้กินดีขึ้น สีหน้าของเจ้าก้อนน้อยก็ดีมากขึ้นด้วย

“ที่ข้าบอกเจ้าไม่จำเลยใช่มั้ย? ผู้ชายสำคัญหรือลูกชายของคนอื่นสำคัญกว่า?”

“ก็ต้องลูกชายสำคัญสิ” โจวกุ้ยหลานรีบตอบ

เจ้าก้อนน้อยน่ารักจะตายไป ทำไมแม่นางถึงไม่ชอบนะ?

โจวเหล่าไท่ไท่โกรธจนกัดฟันไม่สนใจลูกสาวตัวเองอีก เอาเกี๊ยวไปไว้ในตู้ห้องครัว เช็ดมือแล้วเดินเข้าห้องตัวเองไปอย่างโมโห

ไม่นาน ก็เอาเสื้อนอกที่ทำเสร็จแล้วให้โจวกุ้ยหลาน “เอากลับไป รีบไปเลยนะ อย่าทำขวางหน้าขวางตาข้า! ถ้าเจ้าจะรักตัวถ่วงนี่ก็เอากลับไปรักที่บ้านเลย อย่าพาเขามาที่นี่!”

เด็กรู้ว่าใครดีกับตัวเองและใครไม่ดีกับตัวเองบ้าง พอถูกโจวเหล่าไท่ไท่ตะโกนแบบนี้ เขาก็รีบไปหลบหลังโจวกุ้ยหลาน

โจวกุ้ยหลานปลอบใจด้วยกันลูบมือของเขาเบาๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องโจวเหล่าไท่ไท่ นั่งอยู่บนเตียงเตา

รู้สึกเตียงเตาอุ่นมาก แล้วมองไปยังไข่บนนั้น รู้ว่าโจวเหล่าไท่ไท่กำลังช่วยนางฟักไข่ ก็ถึงวางใจ

“ท่านแม่ ข้าอยากจะปลูกผักไว้หลังบ้าน แม่มีเมล็ดพันธุ์บ้างหรือไม่? ให้ข้าหน่อยสิ?”

สำหรับคำสั่งสอนของโจวเหล่าไท่ไท่ โจวกุ้ยหลานไม่โกรธเลยและไม่กลัวด้วย

มาถึงที่นี่ตั้งนาน นางมองออกว่า ถึงโจวเหล่าไท่ไท่จะดุ แต่นางก็รักลูกสาวตัวเองมาก

โจวเหล่าไท่ไท่ด่าอีกคำ: “ชาติก่อนข้าต้องมีกรรมต่อเจ้าแน่เลย!”

ว่าแล้วก็วางตะกร้าเข็มด้ายในมือไว้ข้างๆ ลงจากเตียงเดินไปห้องโถง ไม่นานก็เอาห่อกระดาษมันมายื่นให้โจวกุ้ยหลาน

“นี่คือผักอะไรเหรอ?”

“ใกล้เดือนสิบแล้ว เดือนหน้าก็เข้าฤดูหนาวแล้ว ก็ปลูกได้แค่แครอทกับผักกาดขาว อย่างอื่นอย่าคิดจะได้ปลูกเลย”

โจวเหล่าไท่ไท่นั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบกรรไกรมาตัดผ้าบนเตียง แต่พอดูขนาดของผ้าก็รู้ว่ากำลังจะเย็บเสื้อของเจ้าก้อนน้อย

โจวกุ้ยหลานยิ้มตาหรี่แล้วให้เจ้าก้อนน้อยพูดขอบคุณโจวเหล่าไท่ไท่ น่าเสียดายที่โจวเหล่าไท่ไท่ไม่สนใจเลย เจ้าก้อนน้อยตกใจจนต้องไปหลบหลังโจวกุ้ยหลาน

เห็นว่าใกล้จะถึงตอนเที่ยงแล้ว โจวกุ้ยหลานก็ไม่รออีกต่อไป นางพาเจ้าก้อนน้อยเดินกลับบ้าน

สวีฉางหลินกลับมาถึงบ้านแล้ว ครั้งนี้เขาแบกหมูป่ากลับมาตัวหนึ่งด้วย

เห็นหมูป่าตัวนั้น โจวกุ้ยหลานก็ตกใจมาก

นี่ไม่กี่วันเอง สวีฉางหลินก็ล่าหมูป่ามาได้ตัวหนึ่งแล้วเหรอ?

เพื่อให้รางวัลสวีฉางหลิน นางเอาเสื้อตัวใหม่ในตะกร้าออกมาให้สวีฉางหลิน

สวีฉางหลินรับเสื้อผ้ามา รู้ว่านางเป็นห่วงเขา ในใจก็รู้สึกดีมาก

ตอนเที่ยงโจวกุ้ยหลานต้มเกี๊ยวที่เหลืออีกห้าสิบชิ้น ให้เจ้าก้อนน้อยสิบชิ้น ตัวเองสิบห้าชิ้น ส่วนที่เหลือก็ให้สวีฉางหลิน

กัดกินคำหนึ่ง กลิ่นหอมนั้นช่างอร่อยรัญจวนใจจริงๆ

อร่อยมาก เกี๊ยวใส้เนื้อกวางอร่อยมากจริงๆ!

“พรุ่งนี้ข้าจะไปขายเนื้อหมูป่าในตำบล” สวีฉางหลินกินเกี๊ยวแล้วบอกแผนการพรุ่งนี้ของตัวเอง

“ข้าขอไปด้วยนะ ต้องซื้อของเข้าบ้าน”

โจวกุ้ยหลานรีบพูด

ของในบ้านเป็นของที่สวีฉางหลินใช้ไม้ทำทั้งหมด ที่เหลือก็เป็นอุปกรณ์ของเขา ใช้ชีวิตไม่สะดวกเลย ของที่ควรมีในบ้านก็ต้องมี

ได้ไปกับภรรยาตัวเอง สวีฉางหลินไม่มีข้อโต้แย้งอะไร แต่นึกถึงการใช้จ่ายของภรรยาตัวเอง เขาก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา

โจวกุ้ยหลานไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ คิดว่าพรุ่งนี้จะได้เข้าตำบล นางก็กระฉับกระเฉงขึ้นมาก

“ใช่แล้ว ตอนบ่ายเจ้าขนฟืนกลับไปให้แม่ข้าหน่อยสิ แม่ข้ากำลังช่วยพวกเราฟักไข่อยู่ ต้องใช้ฟืนเยอะ”

“ได้”

สวีฉางหลินตอบคำเดียว แล้วคีบเกี๊ยวเข้าปาก

เขาไม่ได้กินเกี๊ยวมาหลายปีแล้ว ตอนนี้พอได้กินอีกก็รู้สึกอร่อยมาก ภรรยาของเขาทำอาหารอร่อยจริงๆ แค่ใช้เงินไปหน่อยแค่นั้นเอง เขายังพอเลี้ยงไหว

เจ้าก้อนน้อยก้มหน้าฟังพ่อแม่พูด รู้สึกไม่สบายใจ

พรุ่งนี้พ่อแม่จะเข้าตำบล เขาต้องอยู่คนเดียวอีกแล้ว……

กินข้าวเสร็จ ทั้งครอบครัวนอนกลางวันพร้อมกัน

พอตื่นขึ้นมา โจวกุ้ยหลานก็เอาเมล็ดพันธุ์ไปหลังบ้าน สาดเมล็ดพันธุ์ลงดิน สวีฉางหลินก็ลงเขาไปตักน้ำมารดน้ำ แล้วก็ตัดฟืนที่ตากแห้งที่หลังบ้าน แล้วเอาไปบ้านโจว

ระหว่างทางเจอกับคนหมู่บ้านต้าซือไม่น้อย ทุกคนที่เห็นเขาก็จะอ้อมไปทางอื่นตลอด

พวกเขาเคยได้ยินมาว่าเขาเคยฆ่าคนมาก่อน จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปคุยด้วยเลย!

สวีฉางหลินไม่รู้สึกอะไรเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ ขนฟืนกลับไปให้บ้านโจว ห้องเก็บฟืนในบ้านโจวเต็มไปหมด