ตอนที่ 140 – ฆ่าพวกมันให้หมด!
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
“ฆ่าพวกมันซะ!”
พวกทหารทุกคนนั้นทําตัวไม่ถูกมากๆ พอได้รับคําสั่งจากเจ้านายจึงเลือกที่จะต่อสู้, พวกเขาตั้งแถวโจมตี
ฉึก!!
ฉึก!!
บาดั๊คกับนักรบสปาต้นจํานวนหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในกลุ่มนั้น พุ่งเข้าไปต่อสู้กับพวกทหารถือโล่และ แทงพวกเขาจนตายด้วยดาบ.
“ หยิบอาวุธขึ้นมาแล้วสู้กับพวกมัน!”
เหล่าสปาตั้นรีบฉกอาวุธและโล่ขึ้นมาแล้วโยนให้พวกชาวเมืองข้างหลังพร้อมกับคํารามอย่างดุดัน
“ฆ่าพวกมัน!”
“ฆ่าพวกมันเลย!”
พวกทหารเห็นว่าเพื่อนตัวเองถูกฆ่าตายจริงๆ จึงรู้สึกเดือดดาลและหวาดกลัวในเวลาเดียวกันจนเริ่มเป็นบ้า
“เราไม่มีทางรอดเหลืออีกแล้ว เราต้องฆ่าพวกมัน!”
“พี่น้องข้า, พวกเราต้องสู้แล้ว, ตระกูลสุละมาที่นี่เพื่อจะปล้นเหมืองของพวกเราไป. พวกมันเผยธาตุแท้แล้ว พวกเขาอยากฆ่าพวกเรา. ทางรอดเดียวของพวกเราคือต้องฝ่าออกไปแล้วหนีกลับไปที่โรม. พวกเราต้องไปแจ้งทางสภาแล้วให้พวกเขาลงโทษตระกูลสุละเพื่อพวกเรา นี่คือทางเดียว. ทางเดียวที่เราจะอยู่รอดได้…”
ท่ามกลางกลุ่มคนนั้น บาดคคํารามออกมาเสียงดัง
คําพูดพวกนี้ก็ถูกเย่เทียนสั่งมาอีกทีเหมือนกัน พวกเขาจะได้สร้างสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้นอีก
“พวกเราต้องฝาพวกมันออกไปให้ได้!”
“ให้เลือดของพวกมันนําทางเรากลับโรมกันเถอะ!”
พวกชาวเมืองเริ่มตายกันทีละคนๆ พวกเขาหดหูกันสุดขีด. เพราะถึงจะขัดขืนยังไงพวกเขาก็สู้ พวกชั้นสูงไม่ไหวและสุดท้ายก็ถูกฆ่าตายหมู่กัน
และในความสิ้นหวังนั้นเสียงของบาด็คก็นําความหวังมาให้ พวกเขาจึงเริ่มมีแรงฮึดสู้อีกครั้ง
พวกเขาเกรี้ยวกราดขึ้นมาแล้ว! พวกเขาเปี่ยมไปด้วยความเดือดดาล!
“ข้าอยากจะกลับไปที่โรมแบบมีชีวิต ข้าอยากจะไปเปิดโปงความชั่วร้ายของตระกูลสุละและนิสัยหยาบช้าของพวกมัน!”
“สุละ, พวกเราจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าทําตามอําเภอใจอีกแล้ว, เจ้าฆ่าคนเป็นผักปลา!!”
ชาวเมืองที่โกรธเกรี้ยวคํารามออกมาอย่างบ้าคลั่ง
พวกนักรบสปาต้นนั้นอยากจะปลดปล่อยสัญชาติญาณที่แท้จริงของตนเองมากๆ แต่พวกเขาต้องทํางานให้ลุล่วงเสียก่อนแล้วก็พาชาวเมืองที่เหลือรอดกลับไปแทนที่จะฆ่าพวกชั้นสูงนั่น.
ชาวเมืองได้ตายไปเยอะมากแล้ว ถ้าพวกเขาตายหมดแผนของเย่เทียนก็จะสูญเปล่า!
“พี่น้องข้า, ในที่สุดโอกาสก็มาถึงแล้ว!!”
พวกทาสได้ยินเสียงคํารามของบาคที่กังวาลขึ้นมาจนพากันเงยหน้าขึ้นมาดู
“พวกเราอยู่นอกนครโรมและตอนนี้พวกโรมันก็กําลังฆ่ากันเองอยู่! พี่น้องข้า พังโซ่ที่คล้องมืออยู่ซะแล้วไปฆ่าพวกโรมันนั่นกัน, หนีไปร่วมกองทัพพันธมิตรกันเถอะ!!”
มีชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ฆ่าพวกโรมัน…”
ทาสนักขุดหลายคนพึมพําเบาๆแต่ในดวงตาของพวกเขาก็มีความลังเลอยู่แต่ไม่นานมันก็จางหายไป.
เสียงของจอบและค้อนที่ทําลายโซ่คล้องมือดังไปทั่วหุบเขา
“ถอย!!”
“ถอย!!”
ด้วยความช่วยเหลือจากเหล่าสปาต้น, พวกทหารที่ฆ่าชาวเมืองนั้นก็เริ่มถอยร่นกลับไป. เหล่าสปาตั้นจึงคํารามออกมากันอย่างดุดัน
พวกชาวเมืองก็เริ่มได้สติกลับมาจากความบ้าคลั่งแล้วก็หนีไปทีละคนๆ
“หนีกันเร็ว, พวกเราต้องกลับไปที่โรมให้ได้!”
“ทางเดียวที่เราจะรอดคือต้องหนีกลับไปที่โรม!”
“อ้ากล้างแค้นให้ข้าด้วย…”
ชาวเมืองที่วิ่งอยู่นั้นได้ยินเสียงคํารามและกรีดร้องไปหมด จึงทําให้วิ่งกระเสือกกระสนเร็วขึ้นไปอีก พวกเขาเสียใจกันมากๆ พวกเขาสาบานว่าจะต้องกลับไปที่โรมเพื่อเปิดโปงความชั่วร้ายของตระกูลสุละให้ได้
“ฆ่ามัน! ฆ่าให้หมด! พวกเราจะปล่อยให้มันกลับไปที่โรมไม่ได้เด็ดขาด!”
ไม่มีใครรู้ว่าเสียงนั่นดังมาจากไหนแต่น้ําเสียงดูเย็นชามากๆ ชาวเมืองจึงรู้สึกโกรธและเสียใจมากขึ้นไปอีก
“หัวหน้าฟิลิปครับ เราต้องไปแล้ว!!”
บาดัคเข้าไปในโจมแบบเงียบๆแล้วเอามือปิดปากฟิลิปไว้จากนั้นก็พูดกับเขาเบาๆ
“ฮือ.”
ฟิลิปกลัวตายมากๆ แต่พอได้ยินว่าเสียงนั้นเป็นของบาคเขาก็รีบพยักหน้าแล้วลืมทุกอย่างจากนั้นก็วิ่งตามบาดคผ่านรอยขาดของโจมไป.
“ตามพวกมันไป!! เราซวยแน่ถ้าพวกมันรอดไปได้! อย่าให้พวกมันกลับไปที่โรมเด็ดขาด!!”
สถานการณ์คับขันถาโถมเข้ามาเรื่อยๆจนนายน้อยทั้งสองแห่งสุละสับสนไปหมด
เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?
พวกเขามาที่นี่เพื่อบังคับให้ฟิลิปยอมยกโฉนดให้แท้ๆ. ทําไมเจ้าพวกทาสนี่ถึงพากันสู้ยอมตายขนาดนี้?
ไม่สิ, ไม่ใช่ทาส!
พวกนั้นไม่ใช่ทาสแต่เป็นชาวเมือง!
แต่ทําไมถึงมีชาวเมืองอยู่ที่นี่เยอะขนาดนี้วะ?
ทําไมจู่ๆพวกมันถึงพากันต่อต้าน?
แต่ถึงอย่างงั้น, ทุกๆอย่างก็เริ่มคุมไม่อยู่แล้ว
พวกเขาฆ่าชาวเมืองไปเยอะมาก!
ถ้าเรื่องนี้ไปถึงโรมล่ะก็ ตระกูลพวกเขาคงพินาศแน่!
ปิดปากพวกมันซะ!
ฆ่ามันให้หมด!
พวกมันต้องถูกปิดปาก. มีทางเดียวที่จะทําให้ปากพวกนั้นพูดไม่ได้อีกก็คือต้องฆ่าทิ้งเท่านั้น
พวกเขาคํารามออกมาอย่างรุนแรง
“ใครเป็นคนไปฆ่าพวกมันก่อน? ข้าบอกให้เจ้าปรามพวกมัน ใครเป็นคนบอกให้เจ้าฆ่าพวกมันวะ!”
หนึ่งในนายน้อยของสุละได้สติกลับมาจึงหันไปกระชากคอเสื้อหัวหน้าทหารแล้วตะคอกใส่อย่างแรง..
“นะ..นายน้อยครับ..ข้าข้าไม่รู้, ข้าไม่รู้ว่าใครเริ่ม…”
ชายคนนั้นแทบจะร้องไห้ออกมา
“แกบอกชั้นไม่ใช่เหรอว่าพวกมันเป็นทาส? ทําไมมันถึงเป็นชาวเมืองไปได้วะ? บอกมา!”
นายน้อยสุละตะคอกใส่ด้วยความโกรธ
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง?
ถ้าเป็นพวกทาสล่ะก็ เขาสามารถแก้ต่างได้ว่าพวกทาสมันต่อต้านและไม่ฟังคําสั่ง แล้วก็จะได้รอดตัวไป.
แต่พวกเขาฆ่าชาวเมือง แถมยังฆ่าไปเยอะด้วย.
พวกเขาฆ่าคนบริสุทธิ์ไปมากกว่า10คนโดยไม่มีเหตุผล ต่อให้เป็นท่านตาสุละของพวกเขาก็คงจะจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายๆแน่ๆ
“นายน้อยครับ ข้าเองก็ไม่รู้ ทําไมถึงมีชาวเมืองอยู่ที่เหมืองเยอะแบบนี้”
หัวหน้าทหารเริ่มร้องไห้ออกมา เขาก่อปัญหาใหญ่หลวงให้กับตระกูลสุละและหาเรื่องใหญ่ใส่ตัวเข้าแล้ว
“แกไม่รู้เหรอ? แกไม่รู้แล้วทําไมถึงยังพูดได้หน้าตาเฉยอีก!! ทําไมแกยังนิ่งอยู่อีก? ไปฆ่าพวกมันให้หมด. ถ้าแกปล่อยให้เหลือรอดไปได้แม้แต่คนเดียว แกและครอบครัวแกจะต้องถูกฝังแน่!”
นายน้อยสุละคนหนึ่งทรุดลงไปกับพื้น ทุกๆอย่างมันบังเอิญเกินไปแล้ว ดูเหมือนว่ามีคนบงการเรื่องนี้อยู่
“ฟิลิปมันอยู่ไหน?”
พอรู้สึกว่าในโจมนั้นเงียบไป นายน้อยสุละก็รีบเข้าไปดูแล้วก็เห็นว่าไม่มีใครอยู่ด้านใน เขาจึงบ่นออกมา
“อย่าให้ฟิลิปมันกลับไปที่โรมเด็ดขาด!!”
สีหน้าของนายน้อยทั้งสองแห่งสุละยิ่งหวาดผวามากขึ้นไปอีก