ตอนที่ 145

My Disciples Are All Villains

ยู่เฉิงไห่ยกจอกเหล้าดื่มติดต่อกันสามจอกติด ทุกๆ ครั้งที่เหล้าหมดสาวกของหุบเขาพยัคฆ์ก็จะเติมเหล้าให้เขาในทันที “ถ้าหากข้าไม่ออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไป ข้าก็คงจะต้องตายไปแล้ว”

หมิงซี่หยินและซู่ฮ่องกงที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็ตกตะลึง

“มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรอ? “

ยู่เฉิงไห่พยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับมาอย่างเยือกเย็น “ลืมมันไปซะเถอะ ข้าไม่อยากที่จะพูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่ พวกเรามาดื่มกันต่อเถอะ”

“…” หมิงซี่หยินได้ดืมเหล้าหมดจอก ในตอนนี้ตัวเขาไม่เข้าใจอะไรเลย

“อีกจอก”

“เอ่อ…”

ทุกๆ คนในศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างรู้ดี ยู่เฉิงไห่คนนี้เป็นคนชอบดื่มเหนือสิ่งอื่นใด เมื่อใดก็ตามที่ตัวเขาเริ่มดื่ม ในตอนนั้นเขาก็จะเริ่มสนใจสิ่งรอบข้างน้อยลง แต่ถึงแบบนั้นเขาก็จะดื่มให้ได้ถ้าหากมีใครยื่นจอกเหล้าให้กับเขา

หมิงซี่หยินเริ่มรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นหลังจากที่ดื่มเหล้าไปหลายจอก “ศิษย์พี่ใหญ่ ยังไงพวกเราก็ได้ดื่มกันแล้ว กล่องใบนั้น…”

“ศิษย์น้องสี่ ถ้าหากข้าบอกว่าข้าจะเก็บกล่องใบนี้เอาไว้กับตัวเอง เจ้าจะทำยังไงกัน? ” ยู่เฉิงไห่วางจอกเหล้าลงก่อนที่จะมองไปยังใบหน้าของหมิงซี่หยินด้วยท่าทีที่จริงจัง

“ข้าไม่อาจที่จะขัดคำสั่งของท่านอาจารย์ได้ ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านก็รู้จักท่านอาจารย์ดี ข้าก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ถ้าหากข้าไม่กลับไปพร้อมกล่องใบนั้น ท่านอาจารย์จะต้องลงโทษข้าแน่” หมิงซี่หยินตอบกลับไป

ยู่เฉิงไห่ที่ได้ฟังคำตอบได้หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะพูดขึ้น “เจ้าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ศิษย์น้องเจ็ดน่ะมักจะเล่าเรื่องต่างๆ ให้ข้าฟังผ่านทางจดหมาย เขาน่ะบอกว่าเจ้าเปลี่ยนไปมาก ในตอนนี้น่ะเจ้าทำตัวดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมา ดูเหมือนว่าเขาจะพูดถูกสินะ”

“ศิษย์น้องเจ้า เจ้านั่นชอบนินทาซะจริง…” หมิงซี่หยินพึมพำออกมา

“ศิษย์น้องก็แค่ยกย่องเจ้าเท่านั้น เจ้านั่นไม่ได้คิดร้ายอะไรกับเจ้าหรอก”

“ถ้าหากเป็นแบบนั้นก็ดีไป”

ยู่เฉิงไห่เหลือบมองไปที่ซู่ฮ่องกงศิษย์คนที่แปด หลังจากนั้นเขาก็หันกลับมามองหมิงซี่หยินก่อนจะพูดขึ้น “ท่านอาจารย์น่ะแก่มากแล้ว ยุคทองของศาลาปีศาจลอยฟ้าน่ะก็ผ่านไปแล้วเช่นกัน บางทีอาจจะเป็นปีนี้ หรืออาจจะเป็นปีหน้า หรือแม้แต่ 10 ปีข้างหน้า? เจ้าคิดว่าท่านอาจารย์จะเป็นเหมือนเดิมอย่างงั้นหรอ? “

“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านพูดดี…ข้ารู้ว่าท่านอาจารย์อายุมากแล้ว ยังไงท่านอาจารย์ก็เอาชนะขีดจำกัดอายุขัยของตัวเองไม่ได้ ข้าน่ะไตร่ตรองเรื่องนี้มาแล้ว” หมิงซี่หยินพูดต่อไป “แต่ถึงแบบนั้นในตอนนี้ท่านอาจารย์ก็ยังสบายดี พวกเราไม่ควรจะพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น พวกเราทำได้แค่ใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องอนาคตข้าคิดว่าพวกเราจะทิ้งความกังวลเอาไว้ซะก่อน”

“พูดได้ดี” ยู่เฉิงไห่ปรบมือเมื่อได้ฟังสิ่งที่หมิงซี่หยินพูด

ซู่ฮ่องกงเองก็ทำตามเช่นกัน “นั่นเป็นคำพูดที่ยอดเยี่ยมมากศิษย์พี่สี่”

หมิงซี่หยินมองไปที่ซู่ฮ่องกงก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าน่ะกินต่อไปเถอะ…”

ซู่ฮ่องกงรีบกลับไปกินอาหารต่อ ‘ศิษย์พี่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ทะเลาะกัน ทำไมข้าจะต้องสนใจสิ่งที่พวกเขาคุยกันด้วย? ‘

หลังจากที่ยู่เฉิงไห่ได้พูดชมเชยไป เขาก็กลับมาดูเคร่งขรึมก่อนที่จะพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ศิษย์น้องสี่ ถ้าหากเจ้าไม่มีที่ให้ไปในอนาคตจริงๆ สำนักทางใต้ของข้ายินดีที่จะต้อนเราเจ้าเสมอ”

หมิงซี่หยินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้คารวะผู้เป็นศิษย์พี่ไป “ขอบคุณมากศิษย์พี่ใหญ่ ท่านใจดีกับข้าจริงๆ ข้าได้ยินมาว่าแม้แต่สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของท่าน ทุกๆ คนล้วนแต่มีพลังวรยุทธที่ลึกล้ำ ข้าคิดว่าพวกนั้นคงไม่ชอบหน้าข้าแน่นอนถ้าหากเข้าร่วมสำนักของท่านผ่านความสัมพันธ์ศิษย์พี่ศิษย์น้องของเรา”

“ข้าจะเรียกคนที่คิดแบบนั้นออกมาจากสำนักทางใต้เอง” ยู่เฉิงไห่ได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ เมื่อเห็นว่าหมิงซี่หยินจะพูดอะไรบางอย่างออกมาอีกครั้งเขาก็รีบชิงตัดหน้าพูดก่อน “อย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิเสธข้อเสนอของข้า อนาคตน่ะเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน การหาทางเลือกสำหรับตัวเองเอาไว้ก่อนก็ดีกว่าไม่ใช่หรอยังไงกัน? “

หมิงซี่หยินเงียบ เขาได้คารวะผู้เป็นศิษย์พี่อีกครั้งก่อนที่จะยกจอกเหล้าดื่ม

ซู่ฮ่องกงที่ได้ฟังข้อเสนอแบบนั้นก็ได้พูดออกมาอย่างไร้ยางอาย “ศิษย์พี่ใหญ่…ทำไมท่านไม่รับชาวหุบเขาพยัคฆ์เข้าร่วมกับสำนักทางใต้ด้วยล่ะ? “

ยู่เฉิงไห่ได้โบกมือปฏิเสธไป “เจ้าน่ะจัดการได้ดีอยู่แล้วไงล่ะ”

“…” ซู่ฮ่องกงที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก

ในตอนนั้นเองก็เกิดเงียบขึ้นมาชั่วขณะ

หมิงซี่หยินเป็นผู้ที่ทำลายบรรยากาศแห่งความเงียบคนแรก เขาลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนที่จะคารวะยู่เฉิงไห่ “ท่านอาจารย์ได้สั่งให้ข้านำกล่องใบนั้นกลับไป ศิษย์พี่ใหญ่ ได้โปรดมอบกล่องให้กับข้าด้วย”

ตึ๊ก!

ตะเกียบของซู่ฮ่องกงตกลงบนโต๊ะ “ศิษย์พี่สี่ ศิษย์พี่ช่างกล้าหาญจริงๆ ทำไมศิษย์พี่ถึงพูดกับศิษย์พี่ใหญ่ด้วยน้ำเสียงแบบนั้นกัน? ” ในตอนนั้นเองซู่ฮ่องกงก็ได้คิดกับตัวเองขึ้นมา ‘นี่มันแย่แน่! ถ้าหากศิษย์พี่ใหญ่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ฐานที่มั่นของข้าก็คงจะไม่เหลือแน่! ‘ หลังจากนั้นเขาก็มองไปยังยู่เฉิงไห่ ที่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

แต่ถึงแบบนั้นยู่เฉิงไห่ก็ไม่ได้โกรธ เขายังดูสงบเยือกเย็นเช่นเคย ยู่เฉิงไห่รีบรินเหล้าให้กับตัวเองก่อนที่จะดื่มมันเข้าไปในรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดขึ้น “เจ้าน่ะเอากล่องไป…ฝากความนับถือให้กับท่านอาจารย์ด้วย บอกเขาว่าแม้ว่าร่างกายของข้าจะอยู่ที่ทวีปทั้งเก้า หรือน่านน้ำทะเลทั้งสี่ แต่ถึงแบบนั้นหัวใจของข้ายู่เฉิงไห่จะอยู่ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าตลอดไป”

หมิงซี่หยินตอบกลับ “ขอบคุณมากศิษย์พี่ใหญ่ ข้าจะไปบอกต่อกับท่านอาจารย์เอง”

ยู่เฉิงไห่ได้โบกมือขึ้นมา ในตอนนั้นเองกล่องลึกลับก็ได้ลอยตรงเข้าหาหมิงซี่หยิน

หมิงซี่หยินได้คว้ากล่องใบนั้นเอาไว้ด้วยมือเดียว กล่องใบนี้ยังคงราวดุจดั่งขนนกเช่นเคย “ศิษย์น้องแปด…ข้ากลับศาลาปีศาจลอยฟ้าก่อน ถ้าหากข้ามีเวลาข้าจะแวะมาเยี่ยมเจ้าบ่อยๆ เอง”

“ฮะ? ศิษย์พี่ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก…ข้าเกรงใจศิษย์พี่จริงๆ แต่หุบเขาพยัคฆ์ของข้ายินดีต้อนรับท่านเสมอ! ” ซู่ฮ่องกงพูดตอบกลับมา

หมิงซี่หยินได้พยักหน้าก่อนที่จะเดินออกจากฐานที่มั่นไป

“ขอให้เดินทางปลอดภัย ศิษย์พี่สี่” ซู่ฮ่องกงได้พูดเป็นครั้งสุดท้าย

ในพริบตาเดียวเท่านั้นหมิงซี่หยินก็ได้หายตัวไป

ซู่ฮ่องกงได้เช็ดเหงื่อที่อยู่บนใบหน้าก่อนที่จะพูดขึ้น “ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่สี่ได้ล่วงเกินท่านแล้ว ถ้าหากข้าไม่ใช่ศิษย์น้องของเขาข้าก็คงจะสั่งสอนศิษย์พี่สี่ไปแล้ว! “

“ฮืม? “

“แต่ข้ารู้ดีว่าศิษย์พี่ใหญ่น่ะใจกว้าง ท่านคงไม่ถือสาศิษย์พี่ใหญ่แน่ๆ แต่ถึงแบบนั้นเรื่องกล่องใบนั้นมันก็น่าเสียดายมากอยู่ดี” ซู่ฮ่องกงได้พูดขึ้น

“กล่องใบนั้นน่ะทำมาจากวัสดุพิเศษ แม้แต่สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่เองก็ยังไม่สามารถเปิดได้ ในตอนนี้กุญแจดอกสุดท้ายอยู่ในมือของท่านอาจารย์ ไม่มีประโยชน์ที่เราจะถือครองกล่องใบนั้นเอาไว้”

“จริงๆ อย่างงั้นหรอ? ถ้าหากล่องใบนั้นแข็งขนาดนั้น ทำไมพวกเราไม่ใช้มันเป็นอาวุธซะเลยล่ะ” ซู่ฮ่องกงพูดออกมาอย่างแยบยล

ยู่เฉิงไห่มองไปที่ซู่ฮ่องกงอีกครั้ง

“ศะ…ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าผิดไปแล้ว”

“ไม่ เจ้าเองก็พูดมีเหตุผล”

“…”

กล่องใบนั้นแม้แต่อาวุธระดับสรวงสวรรค์ยังไม่สามารถทำลายได้

ซู่ฮ่องกงได้แต่ตบขาของตัวเองอย่างเสียดาย ในตอนนั้นเขารู้สึกสนใจสิ่งที่อยู่ภายในกล่องจนลืมเรื่องง่ายๆ แบบนี้ไป

ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินก็ได้กลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ เขาเดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่ในทันที

“ศิษย์น้องเล็ก ท่านอาจารย์อยู่ไหนกัน? ” หมิงซี่หยินได้กลับมาพร้อมกับกล่องลึกลับ

“ศิษย์พี่สี่ ท่านกลับมาแล้วสินะ! ท่านอาจารย์คงไม่คิดว่าท่านจะกลับมาเร็วแบบนี้ ท่านอาจารย์ในตอนนี้คงจะอยู่ในห้องลับ”

หมิงซี่หยินได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดตอบกลับไป “ข้าน่ะโชคร้ายจริงๆ ข้าน่ะไปเจอกับศิษย์พี่ใหญ่มา โชคดีที่ข้ายังพอมีสติพูดคุยกับเขาดีๆ ได้ ถ้าหากศิษย์พี่ใหญ่เข้าใจผิดแล้วละก็ ข้าก็คงจะไม่ได้กลับมาแบบนี้แน่”

หยวนเอ๋อได้ตบมือก่อนที่จะพูดขึ้น “ศิษย์พี่สี่สามารถทำงานเสร็จลุล่วงได้เสมอ ศิษย์พี่สี่เก่งจริงๆ “

หมิงซี่หยินพยักหน้า ในระหว่างนั้นทั้งสองคนก็เดินตรงไปยังห้องลับ

เมื่อเดินมาถึงประตูห้องลับ หมิงซี่หยินก็ได้พูดขึ้น “ท่านอาจารย์ ศิษย์ทำงานเสร็จลุล่วงแล้ว ศิษย์กลับมาพร้อมกล่องแล้วครับ”

ลู่โจวที่ได้ยินเสียงของหมิงซี่หยินจากด้านในห้องลับก็ได้ลืมตาตื่นขึ้น ลู่โจวเลือกที่จะถามออกมาเบาๆ ก่อน “แล้วกล่องใบนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ? “

“ในตอนนี้ทุกคนได้ใช้อาวุธของตัวเองปลดล็อกกล่องจนหมดแล้ว ในตอนนี้เหลือเพียงห่วงแห่งรักเท่านั้นครับท่านอาจารย์” หมิงซี่หยินตอบกลับไป

ครื๊ดดดด

ประตูห้องลับเปิดขึ้นมาอย่างช้าๆ

ลู่โจวได้ออกมาจากห้องลับมา ในตอนนั้นเองมือของเขาก็ยังคงไขว้อยู่บนหลังเช่นเคย สายตาของเขาได้จับจ้องไปที่กล่องใบมือของหมิงซี่หยิน

หมิงซี่หยินรู้สึกดีใจลึกๆ ‘ในครั้งนี้ข้าสร้างผลงานยอดเยี่ยมได้ ท่านอาจารย์คงจะต้องให้รางวัลกับข้าแน่’

ลู่โจวไม่ได้สนใจหมิงซี่หยินแต่อย่างใด ตัวเขารู้สึกสนใจกล่องลึกลับใบนั้นเท่านั้น ในตอนนี้เหลือเพียงใช้ห่วงแห่งรักปลดล็อก ‘กล่องใบนี้คงจะไม่มีอะไรไร้ประโยชน์หรอกนะ’

ลู่โขวได้พึมพำกับตัวเองขึ้นมา “ดูเหมือนจะถึงเวลานักเปิดมือทองซะแล้วล่ะ”