บทที่ 215 การเก็บเกี่ยวในยามสารทฤดู

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 215 การเก็บเกี่ยวในยามสารทฤดู

บทที่ 215 การเก็บเกี่ยวในยามสารทฤดู

ในที่สุดฤดูเก็บเกี่ยวก็มาถึง ได้เวลาเก็บเกี่ยวข้าวเสียที

เสี่ยวเป่ากับเหล่าพี่ชายกำลังจะไปยังนาหลวงอีกครั้ง ด้วยความตื่นเต้นดีใจทำให้นางรีบลุกจากแท่นบรรทมตั้งแต่เช้า แต่งตัว ล้างหน้าบ้วนปาก จากนั้นก็ตรงไปจับนิ้วท่านพ่อเขย่าไปมาเป็นการเร่ง

“เร็วหน่อยเถิดท่านพ่อ เหตุใดท่านจึงช้าเช่นนี้”

ปากเล็ก ๆ เอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วออกมาไม่หยุด

หนานกงสือเยวียนคีบมือนุ่มนิ่มของเด็กน้อยเอาไว้ “ยามปกติไม่เห็นเจ้ากระตือรือร้นถึงเพียงนี้”

เจ้าก้อนแป้งเอียงคอแล้วเอ่ยออกมาอย่างชอบธรรม “ปกติเสี่ยวเป่าไม่ได้มีสิ่งใดทำก็ย่อมต้องนอนถูกแล้ว”

“ตอนนี้เจ้ามีสิ่งใดให้ทำแล้วหรือ”

ผู้เป็นบิดาปรายตามอง

เสี่ยวเป่า “เสี่ยวเป่าช่วยเก็บรวงข้าวได้”

ใครบอกว่าขาสั้น ๆ ของนางไร้ประโยชน์กัน เสี่ยวเป่าออกจะมีประโยชน์!

หลังจากนั้นเหล่าพี่ชายก็ทยอยกันมา เด็กน้อยดูมีความสุขมาก พลางกระโดดโลดเต้นไปมาท่ามกลางเหล่าพี่ชายราวกับนกกระจอกตัวน้อย ประเดี๋ยวก็จับมือพี่ชายคนนั้น ประเดี๋ยวก็กอดพี่ชายคนนี้ ดูยุ่งวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อขึ้นรถม้าแล้ว นางก็ยังนำขนมที่แอบเก็บเอาไว้ออกมาแบ่งปันโดยไม่เห็นแก่ตัวสักนิด

ก่อนหน้านี้ก็แค่กินขนมมากไปหน่อย จึงถูกท่านพ่อสั่งให้งดขนม

หนานกงสือเยวียนบีบใบหน้าเล็ก ๆ เพื่อจะดูฟันของนาง ทว่าเจ้าก้อนแป้งน้อยปิดปากแน่นไม่ยอมให้ดู

“อ้าปาก”

ดวงตาของเสี่ยวเป่ากวาดไปรอบ ๆ ทว่าใบหน้ากลม ๆ ยังถูกบีบเอาไว้ หากนางผ่อนคลายลง ปากน้อย ๆ จะต้องอ้าออกให้เห็นฟันอย่างแน่นอน ซึ่งเจ้าก้อนแป้งไม่ยินยอมให้เป็นเช่นนั้น จึงปิดปากแน่นสนิทไม่ให้ท่านพ่อดู

“อื้อ!”

เด็กเล็กไม่ยินยอม ยังมีขนมชิ้นหนึ่งอยู่ในปากของนาง และกลัวว่าท่านพ่อจะหยิบขนมออกไปจากปากไม่ยอมให้นางกิน

ท่าทางดื้อรั้นเช่นนี้ ทำให้คนรอบข้างที่เห็นอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ กระทั่งหนานกงสือเยวียนยังมีรอยยิ้มภายในดวงตาของเขา

สุดท้ายเสี่ยวเป่าก็รีบเคี้ยวขนมในปากแล้วกลืนลงไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะค่อย ๆ อ้าปากให้ท่านพ่อดูฟันของตนเอง

“ดูสิ ดูสิ ฟันของเสี่ยวเป่าทั้งขาวทั้งแข็งแรง”

ยังไม่วายแยกเขี้ยวออกให้ดูอีกด้วย

ทุกคน: ฮ่า ๆ ๆ

เหตุใดน้องหญิงของพวกเขาถึงน่ารักเพียงนี้นะ

ด้วยการหยอกล้อเล่นกัน ทำให้ไม่มีผู้ใดรู้สึกเบื่อหน่ายกับการนั่งรถม้า แน่นอนว่าสถานการณ์จะต่างออกไปหากมีเพียงแค่พวกเขากับเสด็จพ่อ และมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะรู้สึกหนาวเหน็บไปตลอดทางจนถึงนาหลวง

วันนี้ท้องฟ้านับว่าเป็นใจ อากาศดีเป็นอย่างยิ่ง

แม้ว่ายามเก็บเกี่ยวข้าวจะร้อนเป็นอย่างมาก แต่สำหรับผู้ที่คุ้นชินกับการทำไร่นาแล้วก็รู้สึกเพียงแค่อบอุ่น อีกทั้งยังหวังให้ดวงตะวันส่งแสงแรงกล้ามากกว่านี้ เพื่อทำให้ข้าวที่เกี่ยวมาแห้ง ยามเก็บรักษาจะได้ไม่ขึ้นรา

หลังจากลงรถม้าแล้ว ภาพที่เห็นคือฉากอันเต็มไปด้วยสีทองอร่าม ใบหน้าของชาวนาทุกคนต่างมีความดีอกดีใจระหว่างการเก็บเกี่ยว

นาหลวงมีไร่อยู่มากมาย ดังนั้นจึงต้องจ้างแรงงานระยะสั้นมาจำนวนมากเพื่อเกี่ยวข้าว

ในช่วงนี้ชาวนาทั้งหมดต่างยุ่งเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถเชิญชาวนาจากหมู่บ้านรอบนาหลวงให้มาได้ เนื่องจากตัวของพวกเขาเองก็ยุ่งมากเช่นกัน

ทุกคนกำลังเก็บเกี่ยวข้าวกันอย่างคึกคัก คนหนึ่งเกี่ยวข้าวแล้วส่งให้คนอื่นนำไปนวดข้าว

กรมโยธาภายใต้การนำขององค์ชายสามได้ทำถังฟาดข้าวออกมาเรียบร้อยแล้ว เดิมทีพวกเขายังไม่รู้ว่ามันเอาไว้ใช้ทำสิ่งใด จนกระทั่งมีผู้มาสาธิตให้ดู

เพียงแค่กำรวงข้าวเอาไว้ในมือก่อนจะฟาดลงกับถัง จะเห็นได้ชัดว่าเมล็ดข้าวที่มีน้ำหนักมากกว่าจะร่วงลงไปในทันที ไม่มีการเสียเมล็ดข้าวแต่อย่างใด

ที่สำคัญคือการทำเช่นนี้ไม่เหนื่อย ทั้งยังสามารถนวดข้าวได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ฟาดสองสามครั้งก็สามารถนำเมล็ดข้าวออกมาได้อย่างสะอาดหมดจด

“ทั้งหมดล้วนอยู่ในถัง ไม่มีสูญเปล่าแม้แต่น้อย!”

“รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ช่วยประหยัดแรงไม่พอ กระทั่งเด็กที่ยังไม่โตก็สามารถทำได้”

“สิ่งนี้มีประโยชน์ยิ่งนัก”

ทุกคนต่างตื่นตกใจกับถังฟาดข้าว ทว่าก็ยังคงไม่ทิ้งงานในมือ

มีคนจำนวนไม่น้อยมาแลกเปลี่ยนหน้าที่เพื่อลองวิธีการนวดข้าวแบบใหม่ หลังจากที่ได้ลองแล้วบนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มกว้างที่ไม่อาจเก็บซ่อนเอาไว้ได้

“ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ด้วยวิธีนี้จะทำให้รวดเร็วขึ้นเป็นอย่างมาก”

“ดูเร็วเข้า สิ่งนี้ยังสามารถเข็นขึ้นลงนา แล้วนำติดตัวพวกเราไปด้วยได้”

ยามที่หนานกงฉีอวิ๋นกำลังทำสิ่งนี้ขึ้นมา เขาได้ไปยังนาหลายครั้งเพื่อทำการทดสอบ สุดท้ายก็ตัดสินใจเพิ่มสิ่งที่คล้ายกับแคร่เลื่อนหิมะขึ้นมาตรงก้นถัง ทำให้สามารถแล่นไปในทุ่งนาเหมือนเรือลำหนึ่งได้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีข้อเสีย คือถังใบนี้นับว่าเทอะทะเกินไป ต้องใช้คนที่แข็งแรงหลายคนผลักมันให้เคลื่อนไหว

ทว่าวิธีนี้ก็ช่วยประหยัดแรงคนได้เป็นอย่างมาก สิ่งที่จำเป็นต้องทำในตอนนี้มีเพียงแค่บรรจุเมล็ดข้าวให้เต็มถัง ก่อนจะส่งออกไปตากให้แห้ง นับว่าเป็นความสะดวกสบายที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยพานพบ

มีถังใบนี้อยู่ ไม่เพียงแต่ประหยัดแรงไปได้มาก แต่ยังสามารถทำให้เก็บเกี่ยวข้าวเสร็จได้ไวยิ่งขึ้นอีกด้วย

องค์ชายที่เหลือเองก็ลงมาลองใช้สิ่งที่พี่สามของพวกเขาเป็นคนทำขึ้นมา แม้สำหรับพวกเขาแล้วยังถือว่าเป็นเรื่องเหน็ดเหนื่อย แต่ก็ดีกว่าวิธีการแสนยุ่งยากแบบเมื่อก่อนจริง ๆ

“พี่สามสุดยอดมาก แม้ว่ามันจะดูเรียบง่าย แต่ผู้ใดจะสามารถริเริ่มคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้นอกจากพี่สาม”

“พี่สาม ท่านคิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร ข้าไม่เห็นรู้ว่าก่อนเลยว่าท่านมีความสามารถด้านนี้อยู่”

หนานกงฉีโม่ตบไหล่ของเขาก่อนเอ่ยออกมาด้วยเสียงหยอกล้อ “มองไม่ออกมาก่อนเลย”

หนานกงฉีอวิ๋นเดิมทีที่ขี้อายอยู่แล้ว เมื่อได้รับคำชื่นชมจำนวนมากจากเหล่าพี่น้องเป็นครั้งแรก ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำขึ้นมาทันใด