ตอนที่ 54 -1 พบจักรพรรดิ

ในช่วงบ่าย หลี่เว่ยหยางและผู้อาวุโสหลี่ได้เดินทางเข้าไปในวังหลวง

และเนื่องจากในช่วงนี้ได้เกิดหิมะตกโดยมิหยุดหย่อนมาหลายวันแล้ว อากาศจะหนาวเหน็บจนทำให้เกิดความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก

แม้ว่าจะมีเตาที่ให้ความร้อนขนาดใหญ่เจ็ดหรือแปดเตาถูกวางไว้ในตำหนักซีซินกง แต่ก็มิได้ก่อให้เกิดประโยชน์มากนัก

มันยังมิสามารถปิดกั้นความเเยือกเย็นและหนาวเหน็บที่แผ่ซ่านเข้ามาได้

วันนี้ท่านผู้อาวุโสหลี่สวมเสื้อคลุมซึ่งถักทอด้วยเส้นไหมสีแดง และลวดลายเมฆสีทอง อีกทั้งยังมีลายปักรูปสิงโตที่หน้าอก

พร้อมหัวเข็มขัดสีทองและสีเงินบวกกับความเปล่งประกายของ สร้อยไข่มุกที่เป็นประกายงดงาม

หลี่เว่ยหยางก้มศีรษะลงขณะที่จ้องมองไปยังอิฐหยกขาวขนาดสามฟุตบนพื้น

นางคุกเข่าอยู่ด้านข้างผู้อาวุโสหลี่เพื่อทำพิธีแสดงความเคารพ

ในขณะนั้นบริเวณห้องโถงเต็มไปด้วยความเงียบงัน จนได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจที่แผ่วเบา และเสียงที่เกิดจากการเสียดสีระหว่างเสื้อกับกระโปรง

“ผู้ใดคือหลี่เว่ยหยาง?”

พระอัครมเหสี ผู้ซึ่งมีใบหน้าสง่างามและเป็นมิตรเอ่ยถามช้า ๆ

หลี่เว่ยหยางสูดลมหายใจลึกขณะที่ก้าวมาข้างหน้า และได้ถอนสายบัวอย่างอ่อนน้อมขณะที่กล่าวว่า

“ถวายพระพรพระอัครมเหสีเจ้าจอมมารดา ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”

เจ้าจอมมารดาก้มลงมองนางขณะที่ยิ้มและกล่าวว่า:

“เงยหน้าขึ้นมาให้ข้าดูที”

หลี่เหว่ยหยางเงยหน้าขึ้นจ้องมองด้วยความเคารพด้วยท่าทางสง่างาม

พระอัครมเหสีมองหน้านาง แล้วจึงพยักหน้าขณะที่ยิ้ม และกล่าวว่า

“นางเป็นเด็กสาวที่มีความงดงามมาก”

จากนั้นพระองค์ทรงกล่าวต่อไปอีกว่า:

“มาตรการรับมือในจดหมายฉบับนั้น เจ้าเป็นผู้ที่คิดค้นขึ้นมาเองหรือ?”

หลี่เว่ยหยางกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า:

“ใช่แล้วเพคะ”

“โอ้…”

พระอัครมเหสีครุ่นคิด และจ้องมองนางอย่างพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

“เด็กสาวที่มีความรู้กว้างขวางเช่นนี้ นับว่าหายาก”

สายตาของนางนั้นดูมีความอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด

แต่ผู้อาวุโสหลี่มีความรู้สึกราวกับว่าสามารถมองเห็นถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำกล่าวนั้น

จากนั้นได้เกิดร่องรอยของความกังวลใจบางอย่างได้ผุดขึ้นในหัวใจของนาง

อย่างไรก็ตาม หลี่เว่ยอย่างผู้ซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างของนาง ดูเหมือนจะมิได้ใส่ใจกับสิ่งใด

จากนั้นครู่หนึ่ง ท่านย่าได้เกิดความรู้สึกประหลาดใจว่า เหตุใดหลานสาวผู้นี้จึงมีอาการสงบนิ่งและมิได้แสดงออกถึงความประหม่าเลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่ลุกขึ้นยืนแล้ว เจ้าจอมมารดาจึงอนุญาตให้พวกนางนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกได้

เจ้าจอมมารดาอัครมเหสีได้สนทนากับผู้อาวุโสหลี่เป็นการส่วนตัว โดยมิได้กล่าวถึงเรื่องราวในจดหมายฉบับนั้นเลย

หลี่เว่ยหยางจ้องมองไปที่เครื่องลายครามสีขาวพร้อมฝาปิดสีฟ้าอมขาวอย่างใจเย็น ขณะนั่งบนที่นั่งด้านขวาสุดอย่างสงบเสงี่ยม

นางรู้ดีว่า เจ้าจอมมารดามิต้องการให้นางเกิดความทะนงตัวมากจนเกินไป โดยจงใจกดอารมณ์ให้ต่ำลง

ในมิช้าขันทีด้านนอกก็ได้ประกาศออกมาว่า

“จักรพรรดิเสด็จแล้ว”

จากนั้นทุกคนจึงรีบลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงความเคารพต่อพระองค์

จักรพรรดิ์ส่งย่างกรายเข้ามา และส่งแต่งวงด้วยชุดมังกรสีเหลืองสดใส พระองค์ทรงหันหน้าไปทางเจ้าจอมมารดา และกล่าวออกมาว่า

“ถวายพระพรพระมารดา”

จากนั้นเขาได้หันกลับมา และโบกแขนเสื้อให้กับคนที่โค้งคำนับและกล่าวอย่างมิใส่ใจว่า:

“ลุกขึ้นทั้งหมด”

รูปร่างของจักรพรรดินั้นสูงใหญ่ และในตอนที่พระองค์ยังทรงพระเยาว์นั้น ทรงเป็นชายหนุ่มรูปงามเช่นเดียวกัน

ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาการวางตัวของจักรพรรดิได้ทำให้ประชาราษฎร์เกิดความหวาดกลัวต่อพระองค์มากยิ่งขึ้น โดยที่พระองค์เองมิได้ทรงตั้งพระทัย

ฝ่าบาททรงนั่งลง ขณะที่ดวงตาคู่นั้นจ้องมองไปยังหญิงสาวในห้องโถงด้วยความเมตตา

เมื่อสายตาของหลี่เว่ยหยางประสานเข้ากับดวงตาขององค์จักรพรรดิ แววตาของนางจึงเกิดความซุกซนขึ้น

จากนั้นจึงได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาอย่างเปิดเผย จึงทำให้ดวงตาของนางเปล่งประกายแวววาวราวกับเพชรสีนิล

เมื่อถึงตอนนี้ จักรพรรดิรู้สึกราวกับว่าเบื้องหน้าของตนเองนั้น มีความงดงามปรากฏอยู่ พระองค์จึงทรงจ้องมองมายังหญิงสาวอย่างพิจารณา

เด็กสาวที่มีอายุสิบสามปีแม้ว่าจะมีรูปร่างที่สูงโปร่ง และผอมบาง แต่นางก็ยังคงเป็นเด็กอยู่ดี

“เจ้ากำลังกล่าวว่า นโยบายบรรเทาสาธารณภัยทั้งห้าประการนั้น มีปัญหาใช่หรือไม่?”

จักรพรรดิเอ่ยถามโดยให้ความสนใจกับหลี่เว่ยหยางอย่างจริงจัง

หลี่เว่ยยางก้มหน้าอย่างใจเย็น:

“ถูกต้องแล้วเพคะ”

“จงรีบกล่าวมา”