ตอนที่ 54-2 ประหาร

“เจ้ากำลังกล่าวว่า นโยบายบรรเทาสาธารณภัยทั้งห้าประการนั้น มีปัญหาใช่หรือไม่?”

จักรพรรดิเอ่ยถามโดยให้ความสนใจกับหลี่เว่ยหยางอย่างจริงจัง

หลี่เว่ยยางก้มหน้าอย่างใจเย็น:

“ถูกต้องแล้วเพคะ”

“จงรีบกล่าวมา”

“เมื่อสองวันก่อน บิดาของหม่อมฉันกลับบ้านมาพร้อมกับความกลัดกลุ้มในหัวใจใจเป็นอย่างมาก

เขาได้แต่ถอนหายใจ และกล่าวว่าตนเองมีความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง ที่มิสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของฝ่าบาทได้

และเมื่อได้เห็นว่า บิดาเกิดความทุกข์ใจ ด้วยความห่วงใยหม่อมฉันจึงมิสามารถทนเห็นภาพนั้นได้

ดังนั้นจึงสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสภาพที่แท้จริงของผู้ที่ประสบภัยพิบัติ

จากนั้นจึงวิเคราะห์กลยุทธ์ที่พี่ใหญ่ได้เสนอไป และได้ค้นพบว่า มีช่องโหว่มากมายในนโยบายบรรเทาภัยพิบัติทั้งหัาประการนั้น

หากฝ่าบาทต้องการฟัง หม่อมฉันจะอธิบายทุกอย่างด้วยความชัดเจน”

จักรพรรดิมิเคยคิดเลยว่า เด็กผู้หญิงที่ดูบอบบางและไร้เดียงสาจะสามารถกล่าวได้อย่างมีระเบียบแบบแผนเช่นนี้

ดังนั้นพระองค์จึงอดมิได้ที่จะสนใจมากยิ่งขึ้น:

“กล่าวมา”

“นโยบายบรรเทาสาธารณภัยห้าประการที่พี่ใหญ่กล่าวถึงนั้น แต่เดิมอาจช่วยบรรเทาภัยพิบัติได้ดี

อย่างไรก็ตาม บิดาของหม่อมฉันได้แจ้งให้ทราบว่า ผู้ประสบภัยได้ก่อการจลาจล โดยอ้างว่าพวกเขามิได้รับการบรรเทาทุกข์

แต่เห็นได้ชัดว่า ธัญพืชสำหรับบรรเทาทุกข์ของฝ่าบาทได้ถูกส่งเข้าไปถึงพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว

เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว จึงเห็นว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นที่ใดที่หนึ่งในกระบวนการทั้งหมด

นโยบายแรก คือการลงทะเบียนผู้ประสบภัยเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งของบรรเทาทุกข์สามารถเข้าถึงแต่ละคนได้

แต่ท่ามกลางความโล่งใจของผู้คนในพื้นที่ภัยพิบัติ ฝ่าบาทและขุนนางมิสามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจนว่า ธัญพืชเหล่านั้นถูกส่งไปถึงมือของผู้ประสบภัยโดยตรงหรือไม่?

อำนาจในการกระจายธัญพืชตกอยู่ในมือของนางระดับจังหวัดและระดับอำเภอ

และพวกเขาได้ใช้ภัยพิบัติเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตนเอง โดยการทำรายงานเท็จส่งมาที่ราชสำนักและกล่าวเท็จต่อผู้ประสบภัยพิบัติ

หลี่เว่ยหยางเงยหน้าขึ้นอย่างอ่อนโยน และพบว่าจักรพรรดิกำลังนั่งตัวตรงแสดงสีหน้าสะท้อนถึงอารมณ์ที่กำลังครุ่นคิด

นางได้กล่าวต่อไปว่า:

“นโยบายที่สองคือ การชักชวนสถาบันต่าง ๆ เพื่อให้ครัวเรือนที่ร่ำรวยได้มีส่วนในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติโดยสมัครใจ ซึ่งอาจจะเป็นการบริจาคหรือลดราคาธัญพืชสำหรับผู้ประสบภัย

เกี่ยวกับช่องโหว่ในนโยบายนี้ คงจะต้องขอพระราชทานอภัยโทษก่อนที่หม่อมฉันจะกล่าวสิ่งใดออกไป”

จักรพรรดิขมวดคิ้ว:

“เราจะมิตำหนิเจ้า…กล่าวมาก”

พระอัครมเหสีเฝ้าดูเด็กสาวผู้นี้ด้วยความประหลาดใจที่ฉายผ่านมาทางแววตา

รอบตัวของนางรายล้อมไปด้วยบรรดาองค์หญิงและองค์ชายมากมาย แต่มิเคยเห็นเด็กสาวที่มีท่าทีฉลาดเฉลียวเช่นนี้มาก่อนเลย

หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างอบอุ่น:

“และช่องโหว่ของนโยบายที่สองคือ

เมื่อฝ่าบาททรงนำระบบมาใช้เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยพิบัติ

ขุนนางท้องถิ่นจำนวนมากได้แอบยักย้ายการจัดสรรเมล็ดพืชเหล่านั้นไปไว้ในครอบครองของตนเอง

จากนั้นจึงบังคับให้ผู้ที่มีความร่ำรวยบริจาคเงินและอาหาร

ดังนั้นเมื่อครัวเรือนที่ร่ำรวยในระดับท้องถิ่นเกิดความรู้สึกมิพอใจจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงมิได้ที่พวกเขาจะก่อการจลาจลขึ้น!”

นางกำลังกล่าวถึงเจ้าหน้าที่ระดับจังหวัดและอำเภอ อีกทั้งตอนนี้แม้แต่ขุนนางในราชสำนักก็เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

จักรพรรดิเหลือบตาขึ้นขณะที่กล่าวว่า:

“เจ้ากำลังกล่าวหาว่า ขุนนางของข้ากำลังประพฤติมิชอบ โดยการยักยอกผลประโยชน์เอามาเป็นของตนเองเช่นนั้นหรือ?

หลี่เหว่ยหยางก้มหน้ากล่าวอย่างจริงจัง:

“มิใช่ทั้งหมด แต่มีสามหรือสี่ในสิบส่วนที่ทำเช่นนี้ ยิ่งมีเมล็ดพืชในคลังมากเท่าใด หนูเหล่านั้นก็ยิ่งอ้วนพี

ฝ่าบาททรงเป็นผู้ปกครองที่ชาญฉลาด หม่อมฉันเชื่อว่าพระองค์ต้องมีความคิดที่ลึกซึ้ง”

ในตอนนี้สีหน้าของท่านย่าใหญ่เริ่มแสดงถึงความวิตกกังวลในใจขึ้นมาบ้างแล้ว

แต่เมื่อเหลือบมองไปยังองค์จักรพรรดิ ซึ่งดูเหมือนว่า พระองค์มิได้แสดงอาการโกรธกริ้วแต่อย่างใด ขณะที่ตั้งใจฟังผู้เป็นหลานสาวของนางอย่างจริงจัง

“นโยบายที่สามคือ การจัดตั้งศูนย์บรรเทาทุกข์ตามจุดสำคัญต่างๆเพื่อแจกจ่ายอาหารเพื่อใช้ในการประทังชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารจำพวกข้าวต้ม

เมื่อฝ่าบาททรงส่งเจ้าหน้าที่ไปพร้อมกับธัญพืชสำหรับผู้ประสบภัยไปยังพื้นที่ดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็ได้จัดตั้งศูนย์ขนส่งเพื่อบรรเทาทุกข์

แต่ถึงแม้จะมีธัญพืชบรรเทาอย่างเพียงพอ แต่ก็ยังมีผู้ประสบภัยเป็นจำนวนมากที่ยังอดอยากจนเสียชีวิต

ความลึกลับที่ลึกซึ้งดังกล่าวเกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น”

เมื่อกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหายจักรพรรดิก็ขมวดคิ้วเด่นชัดขึ้นอย่างอดมิได้ที่จะโกรธแค้น

“บัดซบ!”

หลี่เว่ยหยางคุกเข่าลงบนพื้นทันที แต่ใบหน้าของนางมิได้แสดงอาการหวาดกลัว แต่กลับมีเพียงความเรียบเฉยเท่านั้น

ทั้งหมดเป็นเพียงการเดิมพัน ตราบใดที่สามารถมีชัยชนะ นางจะได้รับผลประโยชน์มากมาย

หากจะต้องสูญเสียมันก็เป็นเพียงแค่ความตายเท่านั้น

จะต้องเกรงกลัวอันใดอีก ในเมื่อนางเคยผ่านโลกของความตายมาแล้ว?

ยิ่งไปกว่านั้น นางมีความเข้าใจในลักษณะนิสัยของจักรพรรดิองค์นี้ดี

แม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีอารมณ์ร้อน แต่เขายังคงเป็นจักรพรรดิที่ชาญฉลาด มิฉะนั้นราชวงศ์ของพระองค์คงจะมิร่ำรวยและมีอำนาจมากถึงเพียงนี้

เว่ยยางยังคงก้มหน้าโดยมิได้กล่าวอันใดออกมาอีก นางทำเพียงแค่ยืดกระดูกสันหลังของตนเองให้ตรง และแสดงออกอย่างแน่วแน่

ขณะนี้ในบริเวณห้องโถงนั้น ยังคงเป็นเงียบงันเหมือนดั่งเช่นป่าช้าในยามดึกสงัด

และในท้ายที่สุด สามารถได้ยินเพียงน้ำเสียงที่เย็นชาขององค์จักรพรรดิกล่าวออกมาว่า:

“หากเจ้ามิสามารถกล่าวให้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องการทุจริตและประพฤติมิชอบของบรรดาขุนนาง

ข้าจะให้โทษประหารชีวิตสำหรับเจ้า!”

ในตอนนี้แผ่นหลังของผู้อาวุโสหลี่กำลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อพร้อมกับมีความสับสนเกิดขึ้นในใจเล็กน้อย….