ตอนที่ 13 จิไรอาโอคุส
ดวงตากลมโตอันแสนงดงามของหญิงสาวเบิกโพลงขึ้นทันที
แม้ตอนแรกเธอจะอยู่สภาพยังครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่ทันทีที่เธอเห็นผม เธอก็สะดุ้งขึ้นมาทันที
「――?!」
เหมือนเธอต้องการจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่มันกลับไม่มีเสียงออกจากปากของเธอ เธอรู้สึกตกใจก่อนที่วินาทีต่อมาสีหน้าของเธอจะเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว
บางทีเธอเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าร่างกายของเธอขยับไม่ได้
ขณะที่หญิงสาวกำลังหันซ้ายขวาไปมาด้วยความตื่นตระหนก ผมก็เข้ามาพูดกับเธอแบบช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้
「เธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม? 」
ไม่มีคำตอบสำหรับคำถาม
ใบหน้าของเธอยังคงแข็งทื่อและเม้มฝีปากของตนเองแน่นหลังจากได้ยินเสียงผม
เธอคงจะเข้าใจแหละ นั่นคือสิ่งที่ผมคิด
「เธอน่ะ…ก็เหมือนกันฉันแหละ พวกเราทั้งคู่โดนเจ้าราชาแมลงวันนั่นโจมตีแล้วจับมาที่รังของมัน จำได้หรือเปล่า? 」
「….」
หญิงสาวหลับตาลง เหมือนกำลังพยายามนึกถึงช่วงที่เธอโดนโจมตีใส่
「ฉันฆ่ามันไปแล้วนะ ศพของมันก็อยู่ตรงนั้นเอง」
ผมชี้ไปที่ซากศพของราชาแมลงวันที่ถูกตัดปีกออกและหัวถูกแบะออกมา
ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้าง ก่อนจะแข็งทื่อไป
「ฉันคิดว่าเราน่าจะติดอยู่ในภูเขาที่ไหนสักแห่ง ทางออกที่นี่นอกจากช่องข้างบนนั้นก็ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว」
ผมชี้ไปยังรูที่อยู่เหนือหัวของพวกเรา ดวงตาของเธอมองตามนิ้วของผมไป
พระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ว นี่มันก็ผ่านมานานแล้วตั้งแต่ผมไล่บี้หนอนพวกนั้น หญิงสาวค่อยๆ หรี่ตามองแสงแดดที่ส่องเข้ามา
ใบหน้าที่แข็งทื่อของเธอบางทีอาจจะเป็นเพราะเห็นระยะห่างของเรากับรูที่ต้องปืนออกไป
「ฉันจะออกไปจากที่นี่แล้วนะ」
เธอจ้องมองมาที่ผมด้วยดวงตากลมโต
นาย…ออกไปได้ด้วยเหรอ?
เธอขมวดคิ้วเหมือนต้องการจะพูดแบบนั้น เธอไม่เชื่อว่าผมจะสามารถทำเช่นนั้นได้
「ฉันแบกเธอออกไปด้วยได้นะถ้าต้องการ หรือถ้าไม่อยากได้รับความช่วยเหลือจากมนุษย์ฉันก็ไม่ว่าอะไร เราจะได้แยกกันตรงนี้เลย ว่ายังไงล่ะ? 」
เธอหันหน้าไปทางอื่น เหมือนกับว่ายังสับสนว่าควรตอบกลับมาเช่นไร
「แล้วก็ ฉันคิดว่าพิษอัมพาตที่เธอโดนน่าจะต้องใช้เวลาสักครึ่งวันกว่ามันจะหมดผล อันนี้ก็จากที่ฉันโดนมาเองล่ะนะ ไม่รู้ว่าคิจินจะนานเท่ากันหรือเปล่า」
เธอตั้งท่าระวังตัวมากยิ่งขึ้นก่อนจะหันหน้ามาหาผมเมื่อได้ยินผมพูดว่าคิจิน
…เธอค่อนข้างเป็นหญิงสาวที่มีความสามารถหลากหลายนะเนี่ย ขนาดว่าสามารถพูดคุยกับมนุษย์ได้ด้วยสีการแสดงสีหน้าแทนแบบนี้
เอาเถอะ ผมก็เข้าใจได้แหละว่าทำไมเธอถึงได้ระวังตัว
ผมก็แค่ยื่นมือเข้าไปช่วยเธอ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเธอว่าจะจับมือนั้นหรือไม่
「เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะลองปืนผนังนี้ขึ้นไป ถ้าไปได้สักครึ่งทางแล้วเดี๋ยวจะกลับมาถามอีกทีก็แล้วกัน ว่าเธอจะเอายังไง」
พอพูดจบ ผมก็ลุกออกไปและงอเข่าเล็กน้อยก่อนจะปืนผนังขึ้นไป
ทางขึ้นนั้นแทบจะเป็นแนวตั้งตรง แต่อย่างน้อยก็มีส่วนที่ยื่นออกมานับไม่ถ้วนให้ผมใช้เป็นฐานปืนขึ้นไปได้
ปัญหาก็อยู่ตรงที่ผนังบางช่วงอาจจะเอียงไปสักหน่อย เวลาปีนเลยต้องใช้มือในการดึงตัวเองขึ้นไปเท่านั้น
แม้ว่าผมจะมีคิในการเสริมพลังร่างกาย แต่ผมก็ไม่สามารถเกาะผนังได้เหมือนแมลงหรอกนะ
ผมเริ่มตั้งสมาธิและปีนขึ้นไป….แน่นอนว่าผมรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองผมมาจากด้านหลัง
…หนึ่งชั่วโมงต่อมา ผมก็สามารถออกมาจากถ้ำได้สำเร็จโดยมีหญิงสาวอยู่ข้างหลังของผมด้วย
เราสามารถหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกะทันหันระหว่างนั้นเราจึงสามารถปีนออกมาได้โดยสวัสดิภาพ
ตรงทางออกนั้นพวกเราเห็นหน้าผาเล็กๆ อยู่ด้านล่าง
และมีภาพของป่าทีทิสอันกว้างใหญ่อยู่ตรงหน้าของพวกเรา ผมได้ยินเสียงสายลมพัดผ่านใบหน้าไป
ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงขอบคุณอันแผ่วเบา
「อ-อึก….ขอบคุณนะ…」
「ด้วยความยินดี」
ผมตอบกลับเสียงที่ส่งออกมาจากด้านหลังอย่างเรียบๆ โดยไม่ลังเล
พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอเปิดปากพูดสินะ
ก่อนหน้านี้ยัง แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา ตอนถามว่าสรุปแล้วจะขึ้นมาไหมอยู่เลยสรุปเธอก็พยักหน้าให้ และผมก็เดาว่าเธอคงจะประหลาดใจอยู่เหมือนกันพอเห็นผมปีนขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว
「งั้นมีที่ไหนที่เธออยากจะให้ฉันพาไปส่งไหม บอกมาได้นะว่าเธออยู่ที่ไหน ฉันจะได้ไปส่ง」
「…อึก…」
เธอเหมือนจะยังลังเลและสับสนอยู่
ถึงจะโดนศัตรูของเผ่าพันธุ์ช่วยที่ก้นหลมนั้น เธอก็เหมือนยังไม่อยากจะบอกว่าเธออาศัยอยู่ที่ไหน
「เอาเถอะ งั้นเธอบอกให้ฉันเอาเธอไปทิ้งไว้แถว ก้อนหิน ต้นไม้ หรือภูเขาไหนสักแห่งแทนก็ได้」
「ถ้างั้น…ทางซ้ายมือตรงนั้น…นายจะเห็นต้นการบูรที่ใหญ่เป็นอันดับสาม…นั่น」
「…เอ่อ โทษทีนะ แต่สำหรับฉันพวกมันก็เท่าๆ กันหมดเลยนะ」
แถมไอ้ที่ผมเห็นก็มีแต่ต้นไม้หลายสิบต้นกองๆ กันอยู่แถวนั้น
หลังจากเธอคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เหมือนว่าเธอจะได้วิธีอื่นแล้ว
「้อืมมมม จิไรอาโอคุส」
「…ว่าไงนะ จิไรอาโอคุส? ของแบบนั้นมันอยู่ที่ไหนกันล่ะ」
「…ลงจากหน้าผานี้กันก่อน เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟังเอาว่ามันอยู่ที่ไหน โอเคไหม? 」
「…โอเค..งั้นฉันก็ขอโทษเธอด้วยแล้วกันนะ」
หญิงสาวหัวเราะคิกคักออกมาเมื่อผมก้มหัวขอโทษเธอ
「แล้วไหงคนที่มาช่วยต้องมาขอโทษกันด้วยล่ะ? 」
「อ๋อ ที่ฉันพูดแบบนั้นน่ะเหรอ เพราะเดี๋ยวฉันจะพาเธอวิ่งลงจากตรงนี้ไง อย่าเผลอกันลิ้นเข้าล่ะ」
หลังจากบอกให้เธอรู้แล้ว ผมก็วิ่งลงหน้าผาไปโดยมีหญิงสาวอยู่บนหลังตัวเอง
ผมคิดว่าผมน่าจะได้ยินเสียงกรีดร้องดังออกมาตลอดทางเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องสนใจนี่นา
เมื่อผ่านไปได้ครึ่งทางผมรู้สึกเหมือนเสียงกรีดร้องเริ่มดังขึ้นคล้ายเด็กกำลังเล่นเครื่องเล่นในสนามเด็กเล่น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นการตะโกนออกมาด้วยความสนุกสนาน ผมตัดสินใจว่าจะไม่ถือสาอะไรเธอ
หลังจากนั้น เราก็มาถึงที่จิไรอาโอคุส ดูเหมือนมันจะเป็นต้นไม้ธรรมดา ไม่ได้มีจุดสังเกตอะไรเป็นพิเศษ รู้เพียงแค่ว่าผลของมันสามารถใช้ในการถอนพิษได้
แม้ความเปรี้ยวของมันจะไม่เหมาะกับการกิน แต่ดูเหมือนมันจะใช้ในการรักษาพิษได้
เห็นได้จากสภาพปากของเธอที่กลายเป็นรูปตัว X หลังจากกินมันเข้าไป…แน่นอนว่าเธอไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ทันทีหลังจากที่กิน แต่มันก็ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น พิษก็หมดไปจากร่างของเธอ
ตอนนี้เธอสามารถควบคุมแขนขาของเธอได้อย่างอิสระแล้ว เธอสามารถยืนขึ้นเองได้ราวกับได้รับเวทฟื้นฟู
จิไรอาโอคุสนี่เยี่ยมไปเลยแฮะ ผมคิดเช่นนั้น
◆◆◆
หลังจากนั้นผมก็ได้รู้ทางกลับไปยังเมืองอิชกะจากหญิงสาวคนนั้น เมื่อเธออาการดีขึ้นแล้วเราก็แยกทางกันกลับ
เหมือนที่เธอบอกผม ผมสามารถข้ามแม่น้ำที่ขวางเส้นทางเอาไว้อยู่ได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ
สุดท้ายแล้วผมก็ไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร อาศัยอยู่ที่ไหน แต่ผมก็รู้สึกพอใจมากอยู่ดี
ทำไมถึงเป็นแบบนั้นเหรอ? ก็เพราะนี่มันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเลยไงที่ผมได้ช่วยเหลือใครสักคน
ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา…ไม่สิ ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมเอาแต่รวบรวมสมุนไพรอย่างเดียว ความรู้สึกพึงพอใจที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นแบบนี้ผมไม่ได้รับมันมานานมากแล้ว
จะะว่าไป ผมก็ไม่เคยถูกพวกสัตว์ปีศาจหรืออะไรพวกนั้นโจมตีระหว่างที่รอให้หญิงสาวคนนั้นฟื้นตัวเลยแฮะ
ทั้งที่มันอยู่ภายในส่วนลึกของป่าขนาดนี้แท้ๆ นักผจญภัยธรรมดาคงมีชีวิตอยู่ไม่รอดหรอก ทำไมกันนะ?
พูดกันตามตรง ผมยังอยากจะลองใช้อาภรณ์วิญญาณอีกสักหน่อย แต่ก็เอาเถอะ…รีบกลับไปที่เมืองก่อนก็แล้วกัน
ผมเพิ่มปริมาณของพลังคิทั่วร่างกาย ก่อนจะถีบตัวออกไปด้วยความเร็วสูงสุด
——-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code