เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นเขาก็พบว่าตัวเองโดนขังอยู่ในกรงที่ภายในเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ถูกจับมาขังไว้รวมกัน แต่ว่าจะบอกว่าทุกคนที่โดนขังอยู่ในนี่เป็นคนก็ไม่ถูกสักทีเดียว ควรจะพูดว่ามีตั้งแต่พวกที่ดูคล้ายๆ คนไปจนถึงพวกที่ดูยังไงก็ไม่ใช่คนอยู่ด้วยเต็มไปหมด ถึงแม้ในตอนที่เห็นแวบแรกเขาจะรู้สึกตกใจสุดๆ จนเผลอตั้งการ์ดออกมา หลังจากตั้งท่าอยู่นานสองนานเมื่อเห็นว่าทุกคนที่อยู่ในนี้ไม่มีใครคิดจะเข้ามาโจมตีเขาก็ค่อยลดการ์ดลงแล้วเริ่มมองสำรวจไปรอบๆ
เมื่อมองไปรอบๆ เขาก็พบว่ามีกรงแบบเดียวกันอยู่เต็มไปหมดแถมถ้ามองดูดีก็พบว่าตัวเขาแล้วและทุกคนถูกสวมอะไรบางอย่างที่ดูคล้ายๆ กันไว้ด้วย
“แล้วที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย? แล้วที่สำคัญไอ้ปลอกคอนี้มันอะไรกัน!? เกะกะชะมัด…” ชายหนุ่มบ่นออกมาพร้อมกับพยายามจะใช้มือทั้งสองข้างถอดมันออกจากคอ
แต่ในทันทีที่เขาเอามือไปจับที่ปลอกคอ ร่างกายของเขาก็เกิดขยับไม่ได้และแข็งค้างไปแบบนั้น ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นจึงพยายามรวบรวมแรงกายและแรงใจพยายามขยับตัวเพื่อดึงมันออก แต่ในจังหวะที่เขาจับไปที่ปลอกคอและเริ่มออกแรงดึงนั่นเอง ความรู้สึกเจ็บปวดที่เหมือนกับถูกไฟฟ้าช็อตก็หลั่งไหลไปทั่วร่างกาย จนในที่สุดเขาก็ล้มลงไปนอนลงกับพื้นอีกรอบพร้อมกับดิ้นไปดิ้นมาด้วยความเจ็บปวดและร้องตะโกนออกมาด้วยความทรมาน ก่อนที่จะเริ่มดวงตาพร่ามัวและหมดสติไป
พวกคนอื่นๆ ที่นั่งเงียบๆ อยู่ในกรง เมื่อเห็นว่ามีคนส่งเสียงดังก็รู้สึกตกใจกันอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะเลิกสนใจไปในเวลาไม่นาน แต่ในขณะเดียวกันพวกผู้คุมที่ได้ยินเสียงร้องดังลั่นก็ได้วิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นและเมื่อมาถึงพวกผู้คุมที่มองเข้าไปก็รู้ในทันทีว่ามีคนพยายามจะถอดปลอกคอทาส พวกผู้คุมที่เห็นแบบนั้นจึงรีบเปิดกรงขังแล้ววิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มในทันที
***
ในตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเขาก็พบว่าตัวเองถูกจับมัดมือมัดเท้าไว้อย่างแน่นหนา เมื่อรู้ว่าตัวเขาในตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรได้ ตัวเขาจึงพยายามตั้งสติเพื่อเรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เขาได้เจอมา
เมื่อเขาพยายามสังเกตดูรอบๆ ก็พบว่าบรรยากาศโดยรอบมันแตกต่างจากตอนที่เขาตื่นครั้งก่อนเป็นอย่างมาก มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาด้านหน้ากรงขังมากมายมีทั้งที่ดูเหมือนคนแล้วก็ไม่ใช่คน แต่ว่านั้นไม่ใช่ประเด็นหลักควรจะนำมาคิดในตอนนี้
นั้นก็เพราะในตอนนี้มันมีเอเลี่ยนหน้าตาแปลกๆ รูปร่างดูคล้ายกับลุงอ้วนอย่างกับหลุดมาจาก อนิเมะแนว NTR มายืนอยู่หน้ากรงพร้อมกับจ้องมองมาที่เขา มันยืนมองเขาอยู่แวบหนึ่งก่อนที่จะเลิกสนใจในตัวเขาและหันมองไปดูคนอื่นๆ ที่อยู่ในกรงเดียวกับเขาและแสยะยิ้มออกมา จากนั้นมันก็พูดบางอย่างกับคนที่ดูเหมือนผู้คุมที่ยืนอยู่หน้ากรงพร้อมกับชี้นิ้วที่ดูอ้วนป้อมเข้ามากรงที่เขาอยู่
ทันใดนั้นผู้คุมก็ได้เปิดประตูกรงเข้ามาพร้อมกับนำตัวหญิงสาวหูแมวที่อยู่ด้านหลังเขาออกไปให้ไอ้อ้วนนั้นอย่างรวดเร็ว ในตอนแรกตัวหญิงสาวเองก็ทำท่าทีเหมือนกับกำลังพยายามจะขัดขืน แต่หลังจากนั้นตัวเธอก็แข็งค้างไปเหมือนกับแบบที่เขาโดนในตอนแรก ซึ่งนั้นก็ทำให้เราเริ่มยืนยันได้แล้วว่าไอ้สิ่งที่อยู่บริเวณคอของเขาคืออะไรและในตอนนี้ตัวเขานั้นอยู่ในสถานภาพใดในที่แห่งนี้
ทาส นั้นคือสิ่งเดียวที่เขาสามารถสรุปได้ในตอนนี้ แน่นอนว่าเรื่องที่เขาโดนจับมาขายเป็นทาสนั้นมันชัดเจนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เพราะมันเป็นตลาดค้าทาสของเอเลี่ยน ตัวเขาจึงพยายามจะยืนยันให้แน่ใจว่ามันไม่ได้พ่วงสถานะอื่นอย่างเช่น อาหาร หรือ ตัวทดลอง ติดมาด้วย ถึงแม้ว่าเรื่องตัวทดลองจะยังไม่ได้ยืนยัน แต่อย่างน้อยก็แน่ใจแล้วว่าไม่มีเรื่องที่ว่าเขาจะกลายเป็นอาหารแน่นอน
แต่ถึงแม้จะยืนยันเรื่องนั้นได้แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกยินดีกับมันเลยสักนิด ทำไมอยู่ๆ เขาถึงต้องมาซวยโดนจับมาขายแบบนี้ด้วย แถมยังโดนจับมาขายเป็นทาสให้พวกเอเลี่ยนอีก อีกอย่างดูยังไงแม่สาวหูแมวเมื่อกี้ก็คงโดนไอ้อ้วนนั่นซื้อไปเป็นทาสกามชัดๆ ให้ตายสิน่าสงสารแม่สาวนั้นจริงๆ
“เดี๋ยวนะ… ทาสกามเหรอ?”
เมื่อเขาคิดได้แบบนั้นเขาจึงพยายามกลิ้งตัวไปมาเพื่อมองไปรอบๆ กรง หลังจากที่ได้มองดูใบหน้าและรูปร่างของทุกคนที่อยู่กรงตัวเขาก็เริ่มรู้สึกหน้าซีดขึ้นมาในทันที
“โอ้~! มาย~! ก๊อด~!!”
ใช่แล้วเป็นอย่างเขาเดาไว้ไม่ผิดเลยสักนิด ทุกคนที่อยู่ที่นี่ 90% แม่งหน้าตาดีกันฉิบหาย ก็ไม่อยากจะอวยตัวเองหรอกนะแต่เอาเข้าจริงตัวเขาเองก็จัดว่าหน้าตาดีอยู่พอสมควร
“ให้ตายสิเกิดเป็นคนหล่อนี้มันลำบากจริงๆ แต่มันใช่เวลามาอวยตัวเองที่ไหนกันว่ะ!! นี่มันไม่ตลกเลยนะโว้ย!! ทาสกามเนี่ยนะ!? เอาจริงดิ!? นี่ฉันจะต้องโดนไอ้ตัวแบบ…”
ในขณะที่เขากำลังโวยวายอยู่นั้นเองก็ได้มีลุงอ้วนเบอร์ 2 อีกตัวมายืนอยู่หน้ากรง เขาที่เห็นแบบนั้นจึงได้รีบหุบปากในทันทีเพราะเขาไม่อยากเป็นที่สนใจของมัน เขามองมันยืนจ้องมองคนที่อยู่ในกรงอยู่สักพักพร้อมกับพยายามอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในใจว่า ‘อย่ามาซื้อตูเลยไปซื้อพวกสาวๆ สวยๆ ทางโน้นไป!!’
ไม่นานหลังจากนั้นผู้คุมก็เดินเข้ามาข้างในเพื่อนำทาสไปให้ไอ้อ้วนนั้น เขามองไปสาวๆ ที่อยู่ด้านหลังเขาพร้อมกำลังพยายามขออโหสิกรรมลึกๆ อยู่ในใจ แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจอีกครั้งเพราะว่าคนที่โดนนำออกไปไม่ใช่พวกสาวๆ ที่กำลังนั่งหวาดกลัวอยู่ แต่กลับเป็นไอ้หนุ่มหูยาวกล้ามล่ำ 2 คนที่อยู่ในกรงแทน เขาที่เห็นแบบนั้นก็ทำหน้าเหวอพร้อมกับมองเอเลี่ยนลุงอ้วนเดินกอดหนุ่มกล้ามล่ำแล้วเดินจากไปอย่างไม่เชื่อสายตา
“ใครก็ได้ช่วยเอากูไปจากที่นี่ที!! กูไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว!! ใครก็ได้ Help me!!”
ร้องตะโกนออกมาอย่างไม่คิดชีวิตพร้อมกับพยายามคลานไปที่หน้ากรง แล้วจากนั้นก็กลิ้งตัวพุ่งชนประตูกรงขังอย่างกับคนบ้า พวกผู้คุมที่เห็นว่าหมอนี้เอาอีกแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา
ในตอนนั้นเองก็ได้มีหญิงสาวที่ดูสูงศักดิ์ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา พร้อมกับมีผู้ติดตามจำนวนมากอยู่รอบๆ ตัวเธอ หญิงสาวเดินเข้ามาจ้องมองเขาที่กำลังนอนดิ้นอยู่บริเวณหน้ากรงด้วยรอยยิ้มที่ดูขี้เล่นเหมือนเด็กๆ
ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกเลยว่า ถ้าตัวเขาจะต้องถูกขายจริงๆ อย่างน้อยๆ ก็อยากจะโดนผู้หญิงสวยๆ หรือพวกเด็กน่ารักๆ แบบนี้ซื้อไปมากกว่า ถึงจะกลายเป็นทาสแต่ก็ยังดีกว่าโดนเอเลี่ยนลุงอ้วนที่หน้าอย่างกับ oัมบ้าเดอะoัค ซื้อไปแน่นอน
“ว่าไงจ๊ะน้องสาว… ไม่สนใจซื้อพี่ไปเป็นทาสหน่อยเหรอจ๊ะ?” เขาพยายามปั้นหน้าหล่ออย่างเต็มที่พร้อมกับพยายามทำเสียงให้ดูเข้มที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อให้เด็กที่อยู่ตรงหน้าสนใจเขา
<หืม~ เจ้านี้ดูน่าสนใจดีแฮะ… เอาตัวนี้ไปด้วยอีกตัว>
<รับทราบแล้วครับท่าน [อวาริเชีย] >
หญิงสาวที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเหมือนกับเด็กที่ได้ของเล่นใหม่ พร้อมกับหันหลังไปพูดกับผู้ติดตามของเธอเล็กน้อย จากนั้นไม่นานพวกผู้คุมก็เดินเข้ามาพร้อมกับนำตัวเขาออกไปในทันที
ตัวเขาเองที่รู้ว่าตัวเองโดนเด็กคนนี้ซื้อไปก็รู้สึกดีใจสุดๆ เขาเดินไปยิ้มไปพร้อมกับจินตนาการถึงช่วงเวลาแสนหวานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของเราสอง
แต่ว่าฝันหวานนั้นก็ต้องจบลงเมื่อเขาถูกพามาถึงห้องห้องหนึ่ง ซึ่งภายในเต็มไปด้วยทาสแบบเดียวกันเขาอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมองดูดีๆ ก็จะสังเกตได้ว่าเหล่าทาสที่อยู่ในห้องนี้นั้นมีทั้งพวกที่ดูคล้ายๆ คนเช่น มนุษย์แมว หมา พวกที่ดูหูยาวเหมือนเอลฟ์แต่สูงเกือบจะ 2 เมตรได้มั้ง ทั้งที่เป็นในอวกาศแท้ๆ แต่ว่ามีเอลฟ์ด้วยเหรอเนี่ย โอ๊ะ!! พวกที่ดูน่ารักมีขนปุกปุยด้วยแฮะ อะไรล่ะเนี่ยโคตรแฟนตาซีฉิบหาย แต่ว่าคุณเธอจะซื้อทาสเยอะเกินไปหรือเปล่าเนี่ย จากที่ดูมันทั้งผู้หญิงแล้วก็ผู้ชายเลยนะ
“คงจะเป็นไอ้นั่นสินะ อืม… อ่อจำได้ละความหลากหลายทางรสนิยมไง แต่ก็นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าผู้หญิงตัวเล็กน่ารักอย่างงั้นจะเป็นพวกกินไม่เลือกหน้าแบบนี้”
เมื่อสังเกตดูรอบๆ จนพอใจเขาก็เดินไปหาที่นั่งเหมาะๆ เพื่อพักผ่อน แน่นอนว่าลึกๆ ในใจเขาก็อย่างจะเดินเข้าไปทักทายเหล่าผู้ร่วมชะตากรรมที่อยู่ในห้องนี้อยู่เหมือนกัน แต่มันดันติดที่ว่าเขาฟังสิ่งที่พวกนี้พูดไม่รู้เรื่องเลยสักนิด แน่นอนว่าในฐานะที่คนพวกจะกลายเป็นเพื่อนร่วมงานของเขา ไอ้เรื่องที่สื่อสารกันไม่เข้าใจเนี่ยค่อนข้างจะเป็นปัญหาใหญ่เลยแฮะ
“หิวจังแฮะ… จะว่าไปตั้งแต่เมื่อวานเราก็โดนทำให้สลบรัวๆ จนแทบไม่ได้กินอะไรเลยนี่นา ว่าแต่ในนี่ไม่มีอะไรให้กินบ้างเลยเหรอเนี่ย?”
พอพูดจบท้องของเขาก็เริ่มร้องโครกครากออกมา เขาพยายามกวาดสายตาไปรอบห้องอีกครั้งเพื่อดูว่ามีของกินบ้างไหม แต่ไม่ว่าจะมองหาเท่าไรก็ไม่เจอสิ่งที่พอจะเรียกว่าของกินได้เลย แถมพอลองเงี่ยหูฟังดูดีๆ ก็จะได้ยินเสียงท้องร้องจากหลายๆ คนในห้องด้วย เมื่อรู้แล้วว่ามองหาต่อไปก็ไม่มีประโยชน์เขาจึงคิดจะนอนต่อเพื่อเก็บแรงไว้
“อ้า~หิวชะมัด หวังว่าพอไปถึงบ้านของเธอคนนั้นแล้วคงจะมีอะไรอร่อยๆ ให้กินบ้างนะ…”
ในจังหวะที่เขากำลังจะข่มตาหลับนั้นเองประตูห้องก็เปิดออกมาอีกครั้งพร้อมกับมีคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง ถ้าเขาจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะเป็นคนที่เดินมาพร้อมกับเธอคนนั้นหมอนี่เป็นบอดี้การ์ดของเธอหรือเปล่านะ?
<ลุกขึ้นแล้วเดินตามมาซะ>
แน่นอนว่าเขาไม่เข้าใจว่าหรอกว่าคนที่พึ่งเข้ามาใหม่นี้กำลังพูดอะไรอยู่ แต่จากปฏิกิริยาของคนที่อยู่รอบๆ ที่กำลังค่อยๆ ทยอยเดินออกจากห้อง ก็พอจะทำให้เขาเดาได้ว่าพวกเราอาจมาถึงที่หมายแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้ารีบลุกขึ้นแล้วเดินต่อแถวตามคนอื่นๆ ไปอย่างว่าง่าย
หลังจากเดินออกมาจากที่ที่เหมือนกับลานจอดยานได้สักพัก ในทันทีที่สายตาของเขาได้มองเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า มันก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นกับความงดงามของสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ถ้าให้อธิบายออกมาจากที่ตาเห็นก็พอจะบอกได้แค่ว่า มันเป็นแท่งอัญมณีบุษราคัม 3 แท่งที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับดาวเคราะห์น้อยลอยเรียงต่อกันในห้วงอวกาศจนดูเหมือนกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย
“อะไรกันละนั่นไอ้แท่งมณีสีทองนั้นน่ะ!? โคตรสวย! ไม่สิโคตรใหญ่! ไม่ๆ มันก็ทั้งคู่นั้นล่ะ!! นี้คือบ้านของคุณเธอจริงดิ!?”
เขาเดินตามแถวไปเรื่อยพร้อมกับมองซ้ายมองขวารอบตัวด้วยความสายตาที่เป็นประกายเหมือนกับเด็กๆ แต่ว่าถึงแม้บรรยากาศภายนอกจะสวยงามแค่ไหน แต่เมื่อเขาได้เข้ามาภายในเขาก็รู้สึกตื่นตากับการตกแต่งภายในที่ดูงดงามหรูหราราวกับพระราชวังแวร์ซายส์ของฝรั่งเศส แต่ในขณะที่เขากำลังเดินมองความงดงามโดยรอบอยู่นั้นเองตัวเขากับคนอื่นๆ ก็ถูกพาเข้าไปยังห้องห้องหนึ่ง
<ถอดชุดแต่งกายแล้วไปนอนบนนั่นซะ>
ทันทีที่คนที่นำทางพวกเขามาพูดขึ้น ทุกคนที่อยู่ในห้องก็เริ่มถอดเสื้อผ้ากันในทันที ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็รู้ตกใจอยู่พอสมควร แต่พอนึกได้ว่า ‘จริงด้วยสิเราถูกซื้อมาในฐานะทาสกามนี้หว่า’ เขาก็เริ่มเปลื้องผ้าตัวเองอย่างรวดเร็วพร้อมกับจ้องมองการกระทำของคนที่อยู่รอบๆ ไปด้วย
เมื่อเห็นทุกคนเริ่มขึ้นไปนอนบนแผ่นกระดานสีขาวอะไรสักอย่างเขาก็เริ่มรู้สึกเอะใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเพราะมันดูคุ้นตามากๆ เหมือนกับที่เคยเห็นมาจากหนังหลายๆ เรื่อง ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มรู้สึกระแวงเล็กน้อยและยังคงยืนอยู่เฉยๆ โดยไม่คิดที่จะขึ้นไปนอนบนแผ่นสีขาวนั่น
แต่ในขณะที่เขากำลังยืนลังเลอยู่นั้นเอง จู่ๆ ร่างกายของเขาก็เริ่มเดินไปนอนที่แผ่นกระดานเองโดยที่เขาควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้
ตัวเขาพยายามดิ้นไปดิ้นมาแต่ก็ไม่สามารถขยับร่างกายได้ ทั้งที่เป็นแค่แผ่นสีขาวเปล่าๆ ที่ดูไม่มีอะไรเลยแท้ๆ แต่กลับรู้สึกเหมือนมีแรงบางอย่างมาตึงแขนและขาของเขาไว้
“ไม่สิมันอาจจะไม่ใช่แบบที่เราคิดก็ได้… ใช่แล้ว!! S&M ไง!! มันต้องเป็นเล่นการละเล่นแบบนั้นแน่ๆ หะ…ให้ตายสิไม่นึกเลยนะเนี่ยว่าในอวกาศจะมีการละเล่น S&M อยู่ด้วย นะ…น่าตกใจเลยนะเนี่ย…”
จากนั้นตัวเขากับคนอื่นๆ ในห้องก็ถูกนำตัวไปออกไปจากห้องทั้งอย่างงั้น ตลอดทางเดินที่ทอดยาวนั้นเขาได้แต่ภาวนาในใจของให้มันเป็นแค่การเล่น S&M อย่างที่เขาคิดไว้ แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ถูกนำมาถึงห้องที่น่าจะเป็นจุดหมายปลายทาง
ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยเผ่าพันธุ์ต่างๆ มากมายไม่ซ้ำกันถูกจัดเรื่องเป็นแถวแนวโค้งอย่างสวยงาม ส่วนพวกเขาที่พึ่งถูกนำเข้ามาใหม่ก็เริ่มถูกจับนำไปเรียงต่อกันโดยที่ตัวเขาได้อยู่เป็นคนสุดท้ายของแถว
“อ่า… มันจบแล้ว ไอ้รูปแบบอย่างนี้มันไม่ว่าจะดูยังไงมันก็โดนจับมาทดลองแน่…”
ในตอนนั้นเองเด็กผู้หญิงที่ซื้อเขามาก็ได้เดินเข้ามาในห้องด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่สิ่งที่เขาพึ่งสรุปไปเมื่อกี้เขาแค่คิดในแง่ลบไปเอง มันก็ต้องแน่อยู่แล้วละ มันไม่มีทางที่ผู้หญิงน่ารักๆ แบบนี้จะมาทำเรื่องที่ดูโหดร้ายทารุณแบบนั้นอยู่แล้ว
เธอค่อยๆ เดินไปที่แถวหน้าสุดพร้อมกับขึ้นไปคร่อมบนตัวของอีกฝ่าย เขาที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่จ้องมองไปที่คนที่อยู่แถวหน้าสุดด้วยสายตาอิจฉาแบบสุดๆ ที่หมอนั้นจะได้โดนเธอจัดเป็นคนแรก
“อ่า~!! น่าอิจฉาไอ้มนุษย์หมาป่านั่นชะมัด ให้ตายสิถ้าตอนนั้นเราไม่มัวแต่ลังเลละก็เราคงได้คิวที่เร็วกว่านี้แล้วแท้ๆ อ่า…ได้อยู่ท้ายแถวแบบนี้มันก็เหมือนกับรอรับของเหลือเลยไม่ใช่หรือไงกัน!!”
ในขณะที่เขากำลังคิดเล็กคิดน้อยอยู่นั้นเอง เขาก็รู้สึกเหมือนกับมีหยดน้ำเล็กๆ กระเด็นมาโดนใบหน้าของเขาพร้อมกับเสียงร้องคำรามดังขึ้น เมื่อเขาหันมองไปยังจุดที่มาของเสียงเขาก็เทียบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะสิ่งที่เขาได้เห็นมันคือสิ่งที่เขากลัวไม่อยากจะเห็นมันมากที่สุด
ภาพของสาวสวยผมสีทองเป็นประกายกำลังขึ้นคร่อมมนุษย์หมาป่าร่างยักษ์ พร้อมกับกำลังฉีกกระชากร่างกายของอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง ด้วยเกราะมือสีทองขนาดใหญ่คู่หนึ่งที่มีลวดลายอันวิจิตรงดงามจนเหมือนกับผลงานศิลปะอันทรงคุณค่าที่ลอยอยู่ข้างกายเธอ
เลือดสีแดงเริ่มสาดกระเซ็นไปรอบๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งที่อีกฝ่ายอยู่ห่างไปขนาดนั้นแท้ๆ แต่กลิ่นคาวเลือดเริ่มแรงขึ้นจนแสบจมูกพร้อมกับเสียงร้องคำรามที่ค่อยๆ เบาจนเงียบไปในเวลาไม่นาน
ตัวเขาจ้องมองมันอย่างหวาดกลัวกับสิ่งที่พึ่งได้เห็นไปเพราะมันโหดร้ายเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก ตัวเขาพยายามขยับร่างกายอย่างสุดแรงเพื่อหวังที่จะหาทางหนีจากสถานการณ์ตรงหน้า แต่ไม่ว่าจะดิ้นแรงมากแค่ไหนร่างกายของเขาก็ไม่ยอมหลุดออกมาจากกระดานสีขาวที่เขานอนอยู่เลยแม้แต่น้อย
ตัวหญิงสาวผมทองที่พึ่งเล่นสนุกกับเหยื่อรายแรกของเธอเสร็จไปหมาดๆ หางตาของเธอก็เหลือบไปมองเห็นหนึ่งในเหยื่อของเธอคนหนึ่งกำลังแสดงท่าทีดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย ตัวเธอที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกสนใจนิดหน่อย เธอจึงค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วลอยไปหาคนที่ท้ายแถวด้วยท่าที่ดูสง่างาม
เมื่อเห็นว่าสาวสวยเสียของที่พึ่งฆ่าคนไปหยกๆ กำลังลอยเข้ามาหาเขา ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็พยายามทำตัวนิ่งไม่แสดงอาการอะไรมากเพราะถ้าคิดโดยอ้างอิงตามหลักจิตวิทยาที่เคยได้เรียนผ่านหัวมาแล้ว คนประเภทนี้น่าจะเป็นพวกที่ชอบทรมานเหยื่อที่กำลังหวาดกลัว ถ้าหากเราแสดงอาการแบบนั้นออกมามันอาจจะไปกระตุ้นให้อีกฝ่ายเริ่มรู้สึกสนุกก็ได้ เพราะอย่างงั้นเขาจึงต้องพยายามตีหน้าเข้มโดยไม่แสดงอาการอะไรออกไปให้อีกฝ่ายเห็น
<ว้าว~! เป็นสีที่ส่องประกายได้น่าสนใจจริงๆ ต้องแบบนี้สิถึงจะคู่ควรมาอยู่ใน โซลคอลเลกชัน (Soul Collection) ของฉัน> เธอยืนมือมาลูบบริเวณแก้มของเขาพร้อมกับฉีกยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มเลือด
<แต่ว่าจะเอายังไงดีนะ~? ถ้าจะเอาออกมาเลยตอนนี้มันก็ไม่ค่อยสนุกด้วยสิ… อ่ะจริงด้วย~! เก็บไว้เป็นของหวานตบท้ายก็ได้นี่น่า!!> พอเธอพูดจบตัวเธอก็พุ่งกลับไปที่จุดเดิมและเริ่มจัดการกะซวกเหยื่อรายถัดไปต่อในทันทีโดยปล่อยให้เขางงที่เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้
ถึงจะไม่รู้ถึงสาเหตุที่เธอไม่ฆ่าเขาในทันที แต่ว่าถ้าจะหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์แบบนี้มันก็ต้องตอนนี้เท่านั้น ถึงไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีได้ไหมแต่ถ้าสังเกตดูจากจำนวนของเหยื่อที่แม่นั้นไล่ทรมานเล่น เขาคิดว่าถ้าเธอไม่ทำอะไรแปลกอย่างลัดคิวมาจัดการเขาในทันที เธอก็คงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะถึงคิวของเขา แน่นอนว่าก่อนอื่นก็ต้องหาทางให้ตัวเองหลุดออกมาจากแผ่นกระดานนี่ให้ได้ก่อนไม่งั้นก็คงไปขั้นต่อไปไม่ได้
“เอาละจังหวะนี้ต้องแข่งกับเวลาแล้ว มาดูกันสิว่าไอ้แผ่นโง่ๆ นี้จะทนแรงของฉันไปได้สักกี่น้ำกัน”
***
3 ชั่วโมงผ่านไป…
“โอเค!! พอละกูยอมโดนฆ่าก็ได้ว่ะ!! แผ่นบ้าอะไรแม่งแข็งฉิบหายทั้งที่ขนาดใส่แรงไปตั้งขนาดนั้นแท้ๆ แต่ดันไม่มีรอยแตกอะไรเลยสักนิด”
ชายหนุ่มพูดสบกออกมาอย่างสิ้นหวังพร้อมกับหันไปมองว่าเหลืออีกกี่คนถึงจะถึงตาของเขา แล้วเขาก็ต้องตกใจเพราะมันพึ่งผ่านมาแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
“เวลาผ่านมานานเป็นชาติ แต่คุณเธอกะซวกคนไปได้ครึ่งเดียว… ฮ่ะๆ นี่ฉันควรจะดีใจหรือร้องไห้ดีเนี่ย นี่ฉันต้องทนดมกลิ่นเลือดกับฟังเสียงคนถูกทรมานอย่างงี้อีกหลายชั่วโมงเลยเนี่ยนะ…”
เขาได้หัวเราะแห้งๆ พร้อมหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความสิ้นหวังที่จะมีชีวิตรอด และได้แต่นอนรอความตายภายในห้องที่เต็มไปด้วยกองซากศพและขวดแปลกๆ ที่มีสีสันอันสวยงามอยู่ภายในที่ถูกจัดเรื่องอย่างสวยงามอยู่เบื้องหน้าเขา
*****
อวารีเชีย