เมื่อเฉินฮวนฮวนเห็นว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์อารมณ์ไม่ค่อยดี เฉินฮวนฮวนจึงไม่คิดที่รบกวนเธอต่ออีก
วันนี้เธอดีขึ้นมากและเธอต้องทำงานพาร์ทไทม์ต่ออีกในช่วงบ่าย ถ้ากลับบ้านตระกูลเฟิงก็คงจะดึกมากๆแล้วตอนนั้น
เมื่อวานเธอไม่ได้ไปทำงาน และหลังจากไปบ้านตระกูลเฉินเธอก็วางแผนจะกลับไปบ้านตระกูลเฟิงเพื่อคุยกับเฟิงหานชวน แต่เนื่องจากเธอมีไข้สูง แผนที่เธอวางไว้จึงล่ม
เมื่อนึกถึงเฟิงเฉินเหยี่ยนที่มาเฝ้าเธอที่โรงพยาบาลทั้งคืนเมื่อคืนที่ผ่านมา เฉินฮวนฮวนก็แอบรู้สึกผิดเล็กน้อย เธออยากจะขอบคุณเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นการส่วนตัว แต่เธอไม่มีข้อมูลที่จะติดต่อเฟิงเฉินเหยี่ยนได้เลย
หลังจากคิดเกี่ยวกับมัน เธอก็ตัดสินใจกดโทรออกไปที่หมายเลขโทรศัพท์มือถือของเฟิงหานชวนทันที
ทันทีที่เฟิงหานชวนมาถึงออฟฟิศ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมาก่อนที่เขาจะได้นั่งลง
เขาหยิบมันขึ้นมาและพบว่าเป็นเฉินฮวนฮวนที่โทรเข้ามา เขาขมวดคิ้วทันที
“มีอะไร?”เฟิงหานชวนถามออกไป แต่ในใจเขาก็แอบสงสัยว่าเฉินฮวนฮวนจะโทรมาขอบคุณเขาหรือเปล่า?
แต่วินาทีถัดมา คำพูดของผู้หญิงคนนั้นทำให้เขาแทบโกรธจนเป็นบ้า
“อาสาม ฉันอยากขอเบอร์มือถือของอาเหยี่ยน คุณช่วยส่งมาทางข้อความให้ฉันหน่อยได้ไหม?” เฉินฮวนฮวนถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเหมือนอ้อนวอน
เฟิงหานชวนกัดฟันแน่น มือของเขาเองก็ถูกกำไว้แน่นจนเห็นเส้นเลือด และใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
อยากตายหรือยังไงผู้หญิงคนนี้!
เขาดูแลเธอทั้งคืนและแทนที่เธอจะขอบคุณเขาก็ไม่มีเลยสักคำ แถมยังมาขอเบอร์โทรศัพท์อาเหยี่ยนกับเขาอีก?
“ทำไม วางแผนที่จะยั่วยวนอาเหยี่ยนหรือยังไง? เฉินฮวนฮวน ฉันเดาไม่ผิดเลย สุดท้ายเธอก็ไม่อยากทิ้งตำแหน่งสะใภ้ตระกูลเฟิงที่อายุน้อยที่สุดไป! “เฟิงหานชวนกัดฟันพูดด้วยความโมโห
“ไม่ใช่นะอาสาม ฉันแค่อยากขอบคุณอาเหยี่ยนเฉยๆ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดเลย” เฉินฮวนฮวนป้องปากของเธอและพูดด้วยเสียงเบาเพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน
“ขอบคุณ?” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนดูแดกดัน
ต้องไปขอบคุณอะไรเขา ทำไมต้องขอบคุณอาเหยี่ยน?
ผู้หญิงคนนี้กำลังเล่นอะไรอยู่!
“อาสาม เมื่อวานอาเหยี่ยนเฝ้าฉันทั้งคืน ฉันรู้สึกเกรงใจ ฉันเลยอยากจะขอบคุณเขาเป็นการส่วนตัว ฉันไม่ได้หมายความอย่างที่คุณคิดนะ ฉันไม่มีความคิดที่จะยั่วยวนอาเหยี่ยนอย่างแน่นอน” เฉินฮวนฮวนอธิบายอย่างจริงจัง
เรื่องน่าอึดอัดใจที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเฟิงหานชวน เดิมทีเธอก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเฟิงหานชวนอย่างไร จึงได้แต่พูดคําเหล่านี้อย่างกระอักกระอ่วน
สีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไปทันทีหลังจากที่ได้ยิน
ในวินาทีถัดมา เฉินฮวนฮวนก็ได้ยินเสียง “ติ๊ดๆ” จากโทรศัพท์
เธอมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์และปรากฏว่าเฟิงหานชวนได้วางสายไปแล้วจริงๆ
“เฮ้อ!” เธอถอนหายใจหนึ่งครั้ง เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรอยู่พักหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าเฟิงหานชวนเข้าใจเธอผิดอย่างมาก แม้ว่าเธอจะอธิบายอย่างจริงจัง เขาก็ไม่คิดที่จะฟังหรือคิดที่จะเชื่อเธอเลย
ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เฟิงหานชวนคงต้องเกลียดเธออย่างกับอะไรดี
เนื่องจากเฟิงหานชวนเกลียดเธอมาก คาดว่าต่อจากนี้เฟิงหานชวนคงจะไม่ช่วยเธอแล้วไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม
เธอคิดว่าถ้าเธอน่าจะสามารถขอความช่วยเหลือจากเฟิงเฉินเหยี่ยนได้ เฟิงเฉินเหยี่ยนก็น่าจะใจดีช่วยเธออย่างแน่นอน!
อย่างไรก็ตามเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ค่อยกลับไปที่บ้านตระกูลเฟิง และเธอไม่มีช่องทางการติดต่อของเฟิงเฉินเหยี่ยนเลยและเฟิงหานชวนไม่ยอมเอาเบอร์เขาให้เธอด้วย เธอไม่สามารถติดต่อเฟิงเฉินเหยี่ยนได้
สักพักหนึ่งเฉินฮวนฮวนก็ค่อยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย
เพราะว่าไม่ว่าอย่างไรเฟิงเฉินเหยี่ยนก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลเฟิงแน่นอน เมื่อเขากลับมาเธอจะขอบคุณเขาและขอร้องให้เขาช่วยไปเอาสร้อยคอกับหลิวตงรุ่ยให้เธอ
ตอนนี้เฉินฮวนฮวนตั้งความหวังไว้ที่เฟิงเฉินเหยี่ยน
……
ณ สำนักงานใหญ่
เฟิงหานชวนโยนโทรศัพท์ลงกับพื้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
เมื่อซูอวี่เข้ามาส่งเอกสาร เขาเดินเข้าแบบแทบไม่กลัวตายเลย วันนี้ประธานเฟิงกินระเบิดมาเหรอ?
สีหน้าที่ทำให้คนรู้สึกกลัวแบบนั้น!
“ท่านประธานเฟิง มี…มีเรื่องอะไรหรอครับ? “ซูอวี่ก้มหัวแล้วถาม: “เป็นเพราะคุณหลิ่วหรือเปล่าครับ?”
“เปล่า”เฟิงหานชวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ตอนนี้ในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
“ยังไงก็ตาม ท่านประธานเฟิงครับ คุณเคยอ่านข้อมูลของคุณหลิ่วหรือเปล่า เพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอที่มหาวิทยาลัย A คือภรรยาคนปัจจุบันของคุณ คุณเฉินฮวนฮวน” ซูอวี่เพิ่งค้นพบมันในวันนี้
“นายพูดว่าอะไรนะ?” เฟิงหานชวนตกใจ เขาขมวดคิ้วและถามว่า: “เฉินฮวนฮวนเป็นเพื่อนสนิทของหลิ่วเยว่เอ่อร์เหรอ? ”
“ช่ะ ใช่ครับ”ซูอวี่พยักหน้ารัวๆ เฟิงหานชวนยังอ่านข้อมูลก่อนหน้านี้ไม่จบ เพราะเขาไม่ชอบหลิ่วเยว่เอ่อร์สักเท่าไหร่
เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว เขาเปิดลิ้นชักและหยิบเอกสารออกมาแล้วพลิกไปที่หน้าหลังทันที
ด้านหลังของข้อมูลหลิ่วเยว่เอ่อร์เขียนไว้ว่าเพื่อนที่สนิทที่สุดในมหาวิทยาลัย A ก็คือเฉินฮวนฮวน
นักสืบที่ไม่รู้ลึกถึงข้อมูลของเฉินฮวนฮวน ทำให้เขามองเฉินฮวนฮวนเป็นแค่นักศึกษาหญิงธรรมดาคนหนึ่ง ข้อมูลที่หามาก็อธิบายเกี่ยวกับเธอเพียงแค่ไม่กี่ประโยค
ข้อมูลข้างต้นบอกว่าเพื่อนของหลิวเยว่เอ๋อร์คือเฉินฮวนฮวนที่เป็นนักศึกษาหญิงที่ขยันเรียนและเป็นนักเรียนที่ดีเด่นในห้องเรียน ผลการเรียนของเธอก็ดีมากอีกด้วย ถือว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่ดีเลยคนหนึ่ง
“เหอะ”
เมื่อเห็นคำไม่กี่คำเหล่านี้ เฟิงหานชวนก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
ข้างนอกเธอแสร้งทำเป็นคนดี แต่จริงๆแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่อยากจะอัพเกรดตัวเองให้สูงขึ้น
เมื่อได้ยินคำเย้ยหยันของเฟิงหานชวน ซูอวี่ก็คิดเพียงแค่ว่าเฟิงหานชวนคงเห็นข้อมูลบางอย่างที่ไม่ดีเกี่ยวกับหลิ่วเยว่เอ่อร์แน่นอน เขากล่าวออกไปอย่างรวดเร็วว่า: “ชื่อเสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์ในมหาวิทยาลัย A ไม่ค่อยดีนัก ว่ากันว่าเธอชอบไปกับพวกคนรวยๆ และดูจะภูมิใจมากที่ได้ทำงานพาร์ทไทม์ที่บลูส์คลับ เพราะคงคิดว่าสักวันเธอคงจะได้ตกถังข้าวสาร”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ซูอวี่พูดเฟิงหานชวนก็พลิกกลับไปที่หน้าแรกของข้อมูลหลิ่วเยว่เอ่อร์และอ่านมันอย่างจริงจัง จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
หลังจากอ่านแล้ว เขาก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชาและพูดว่า: “แน่นอนว่าคนประเภทเดียวกันก็มักจะอยู่ด้วยกัน”
“ประธานเฟิง ท่านหมายความว่าอย่างไร?”ซูอวี่รู้สึกสับสนเล็กน้อย
“ออกไปก่อน แล้วก็เตรียมตัวประชุมด้วย” หลังจากที่เฟิงหานชวนพูดจบ เขาก็โยนกองเอกสารทิ้งลงถังขยะทันที
เมื่อเห็นการกระทำของเฟิงหานชวนและใบหน้าบึ้งตึงของเขา ซูอวี่ก็เข้าใจความหมายของเฟิงหานชวนทันทีและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เฟิงหานชวนคิดอะไรบางอย่างออกจึงเรียกซูอวี่ไว้ก่อน
“ซูอวี่ จัดตารางให้ฉันด้วยฉันต้องการพบเกาจวินเซวียนในช่วงบ่ายนี้”
“เกาจวินเซวียน?”ซูอวี่หันกลับมาครู่หนึ่งแล้วตอบสนองทันที
เกาจวินเซวียนเป็นแฟนของหลิ่วเยว่เอ่อร์และในข้อมูลที่สืบมาพบว่าทั้งสองยังคงคบกันอยู่
จู่ๆประธานเฟิงก็ต้องการพบเกาจวินเซวียน มันหมายความว่าอย่างไร?
“ประธานเฟิง ต้องการจะทำลายพวกเขาเหรอครับ?” ซูอวี่ถามด้วยความประหลาดใจ
เป็นไปได้ไหมที่ประธานเฟิงยังคงอยากที่จะรับผิดชอบหลิ่วเยว่เอ่อร์?
“พวกเขาเลิกกันแล้ว ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา” เฟิงหานชวนหรี่ตาและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ซูอวี่ไม่ถามเพิ่มและตอบรับอย่างรวดเร็ว
ในช่วงบ่าย
เฟิงหานชวนขับรถไปที่ร้านกาแฟใกล้ๆมหาวิทยาลัย A
เกาจวินเซวียนรออยู่ที่นั่นอยู่ก่อนแล้ว และเมื่อเขาเห็นเฟิงหานชวนที่เดินเข้ามา เขาก็ยื่นมือไปหาเฟิงหานชวนอย่างกระตือรือร้น: “ประธานเฟิง สวัสดีครับๆ”
ท่าทางของเขาดูสุภาพมาก