เมื่อเห็นฉากนี้หรงจิ่นซิวก็สบถในใจ
เฟินหานชวนจับปลาสองมือเหรอ?
เมื่อเห็นแบบนี้แล้วมันเหมือนกับว่าเขากำลังเล่นกับใจของผู้หญิง แถมยังไม่อยากยอมรับอีก?
ไม่แปลกใจเลยที่สาวคนนี้จะกรีดข้อมือฆ่าตัวตายเพราะเขา!
“เฮียสาม ทำไมถึงไม่จริงใจเลย บอกฉันทีว่านี่มันเหยียบเรือ…” ก่อนที่หรงจิ่นซิวจะพูดจบ แขนของเขาก็ถูกคว้าเอาไว้ก่อนทันที
หลังจากนั้นเฟิงหานชวนก็ดึงเขาออกมาจากห้องนั้น
เมื่อมองไปที่ประตูห้องที่ถูกปิดลง หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ขมวดคิ้วแน่น
แม้ว่าหรงจิ่นซิวจะยังพูดไม่จบ แต่เธอก็เดาได้ว่าหรงจิ่นซิวกำลังจะพูดอะไรต่อ ต่อจากคำว่าเหยียบเรือก็ต้องต่อด้วยคำว่า “สองแคม” ไม่ใช่หรือ
เรือสองแคม…
นั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ได้โกหก เขามีแฟนแล้วแน่ๆ
อย่างไรก็ตามหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ไม่ยอม เนื่องจากเฟิงหานชวนได้ “หลับนอน” กับเธอแล้วและสัญญาว่าจะรับผิดชอบก็คือต้องรับผิดชอบ!
……
หรงจิ่นซิวพาเฟิงหานชวนไปที่ห้องพักของเขา
“เฮียสาม นายต้องเล่ามาเดี๋ยวนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” เมื่อวานหรงจิ่นซิวก็ตกใจมากพอแล้ว วันนี้ยังจะต้องมาตกใจอีก
แต่เรื่องของเฉินฮวนฮวนนั้นเขาเคยได้ยินเฟิงเฉินเหยี่ยนเล่าให้ฟังแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผู้หญิงที่ชื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์
“อย่างที่เห็น เธอกรีดข้อมือเพราะฉัน” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก
“แล้วนายไปทำอะไรให้ผู้หญิงคิดที่จะกรีดข้อมือฆ่าตัวตาย? นายโกหกความรู้สึกหรือไปหลอกพวกเธอหรือเปล่า? “ปกติแล้วหรงจิ่นซิวไม่ได้เป็นที่พูดเยอะ แต่วันนี้เขาตกใจมากจนมีคำถามมากมายออกมาไม่หยุด
เฟิงหานชวนถูจมูกของตัวเองอย่างหงุดหงิด เขานั่งลงบนโซฟาข้างๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า: “คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ฉันได้ไปร่วมงานเลี้ยงทางธุรกิจที่บลูส์คลับและฉันได้ยา…”
เฟิงหานชวนบอกหรงจิ่นซิวว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้นและเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลิ่วเยว่เอ่อร์
หลังจากฟังแล้วหรงจิ่นซิวก็เงียบและแสดงออกสีหน้าอย่างครุ่นคิด
“เรื่องของนายมันค่อนข้างยาก!”หรงจิ่นซิวเลียริมฝีปากของเขาและวิเคราะห์: “นายทำให้เธอแข็งข้อขึ้น นายบอกว่านายจะรับผิดชอบแต่กลับบอกเธอว่ามีแฟนแล้ว นายเลยจะให้เงินเพื่อถึบหัวส่งเธอ ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะคิดฆ่าตัวตาย!”
“……” มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกหลายครั้งก่อนจะถามว่า: “นายจะเน้นสิ่งที่ฉันพูดไปแล้วทำไม?”
หรงจิ่นซิวจะพูดซ้ำสิ่งที่เขาพูดทำไม?
“ถ้าอย่างนั้นมีแผนไหมล่ะ?” หรงจิ่นซิวหยุดล้อเล่น ใบหน้าของเขาเริ่มจริงจังและเขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า: “ตอนนี้ เฉินฮวนฮวนเป็นภรรยาของนายแล้ว ฉันเห็นว่านายดูจะให้ความสำคัญกับเธอมากแต่หลิ่วเยว่เอ่อร์คนนี้ก็ดูจะจัดการได้ยากมากเหมือนกัน ไม่อย่างนั้น … ”
“ไม่อย่างนั้นอะไร?” เฟิงหานชวนถามกลับไปทันที
“ไม่อย่างนั้นก็เลี้ยงดูอีกคนไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง อีกคนก็เลี้ยงดูไว้อีกบ้านหลังหนึ่ง” หรงจิ่นซิวพยายามที่จะไม่หัวเราะออกมา
เฟิงหานชวนมองเขา
“อันที่จริงเฟิงหานชวน ความคิดในใจของนายเพิ่งถูกเปิดเผยออกมาเมื่อกี้เลย”หรงจิ่นซิวยักไหล่และเอนตัวพิงกำแพงพลางกอดหน้าอก เขาวิเคราะห์อย่างใจเย็นว่า: “ฉันบอกไปว่านายให้ความสำคัญกับเฉินฮวนฮวน และนายเองก็ไม่ได้ปฏิเสธข้อนี้”
“ที่จริงแล้วในใจของนาย นายไม่อยากให้เธอออกจากบ้าน ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่ในโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าเธอทั้งคืนใช่ไหมล่ะ?”
สีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไป
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาคู่นั้นของเขาดูน่ากลัว เขาพูดอย่างเย็นชาว่า: “ผู้หญิงคนนั้นไม่เหมาะที่จะเป็นภรรยาของฉัน”
“นายกำลังโกหกอีกแล้ว”หรงจิ่นซิวหันมาและเม้มริมฝีปากเล็กน้อย: “ในเมื่อนายต้องการที่จะทิ้งเฉินฮวนฮวน ถ้าอย่างนั้นก็ไปรับผิดชอบหลิ่วเยว่เอ่อร์เถอะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็โบกมือและเดินออกจากห้องพักไป
เขาไม่อยากพูดถึงปัญหาที่ยุ่งยากแบบนี้อีกต่อไปแล้ว เรื่องของใครก็จัดการเอาเองแล้วกัน
ทันใดนั้นทั้งห้องก็เงียบลง เหลือเพียงเฟิงหานชวนเท่านั้น เขานั่งลงคิดอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไป
ทันทีที่เขาเดินออกจากห้องพัก เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากหรงจิ่นซิว
ตอนแรกคิดว่าเขาจะโทรมาหัวเราะเยาะเขาเสียอีก เฟิงหานชวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปรากฏว่าเป็นข้อความจากหรงจิ่นซิว
[หมอหลิวบอกฉันว่าอาการบาดเจ็บของหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้รุนแรงอะไร น่าจะแค่ต้องการเรียกร้องความสนใจและทำให้นายตกใจกลัว คงไม่ได้คิดที่จะอยากฆ่าตัวตายจริงๆ นายเก็บไปคิดเอาเองละกัน]
ดวงตาของเฟิงหานชวนฉายความโกรธ
เขาเกลียดผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์ที่สุดในชีวิต แต่ทั้งสองคนที่เขาพบเจอในตอนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนประเภทนั้น
……
หลิ่วเยว่เอ่อร์ที่อยู่ในห้องพักผู้ป่วยกำลังรอเฟิงหานชวนกลับเข้ามา เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนคุยอะไรกับหรงจิ่นซิวบ้าง
จนกระทั่งมีเสียง “กริ๊ก” แล้วประตูก็ถูกเปิดออก
ขาที่เรียวยาวและร่างสูงโปร่งของเฟิงหานชวนก้าวเข้ามาในห้อง
เมื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์เห็นเฟิงหานชวนกลับเข้ามา เธอคิดว่านี่ก็น่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่าเขาไม่ได้ทิ้งเธอ ดังนั้นเธอจึงลุกออกจากเตียงและวิ่งไปหาเขาทันที
“คุณเฟิง ฉันคิดว่าคุณจะทิ้งฉันไปแล้วซะอีก”หลิ่วเยว่เอ่อร์กล่าวอย่างน่าสงสาร ดวงตาของเธอเริ่มชื้นไปด้วยน้ำตา
“คุณหลิ่ว ผมคิดว่าผมได้อธิบายไว้ชัดเจนแล้ว นอกจากการเป็นผู้หญิงของผม คุณยังสามารถเสนอเงื่อนไขข้ออื่นๆมาได้” ใบหน้าที่หล่อเหลาของเฟิงหานชวนเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
การแสดงออกของหลิ่วเยว่เอ่อร์เปลี่ยนไป เธอเดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าวและล้มลงกับพื้นไปทันที
เธอส่ายหัวด้วยความงุนงง สายตาของเธอฉายความหงุดหงิดและในที่สุดเธอก็ร้องไห้ออกมา: “คุณเฟิง คุณบอกว่าคุณจะรับผิดชอบฉันไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้? ”
ความรู้สึกผิดและความอดทนของเฟิงหานชวนต่อผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาค่อยๆถูกชำระล้างออกไปทีละนิด
“อย่าใช้อุบายฆ่าตัวตายกับผมอีก”เขาทิ้งคำเหล่านี้เอาไว้และก้าวออกจากห้องพักผู้ป่วยไป
ตอนนี้ในใจของเธอรู้สึกหงุดหงิดมาก
หลิ่วเยว่เอ่อร์ตกใจมากเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูดัง “ปัง”
ตอนแรกเธอคิดว่าการใช้กลอุบายอันขมขื่นนี้อาจจะทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกผิดมากขึ้นและเขาจะได้รู้สึกสงสารเธอ
ไม่คาดคิดเลยว่าเฟิงหานชวนจะยิ่งเย็นชามากกว่าเดิม!
เธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดี?
จะทำอย่างไรดี!
……
ณ ห้องเรียน มหาวิทยาลัย A
เฉินฮวนฮวนเข้าเรียนแล้ว แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ยังไม่มาสักที
ได้ยินว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ขอลา แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์เองก็ไม่ได้ส่งข้อความบอกเธอเลยสักนิด
เธอเป็นห่วงหลิ่วเยว่เอ่อร์มาก ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจโทรหาหลิ่วเยว่เอ่อร์อีกครั้ง
คราวนี้เธอต่อสายติด
“โทรหาฉันมีอะไรหรือเปล่า?” หลิ่วเยว่เอ่อร์กำลังนอนอยู่บนเตียง สีหน้าของเธอนั้นน่ากลัวมาก
เธออุส่าห์เข้ามาแทนที่เฉินฮวนฮวนแล้ว ทำไมเฟิงหานชวนถึงไม่อยากจะรับผิดชอบเธอ?
หรือว่าเฟิงหานชวนรู้แล้วว่าเธอเป็นตัวปลอม
“เยว่เอ่อร์ ฉันได้ยินมาว่าเธอขอลา เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”เมื่อได้ยินเสียงที่ดูจะไม่แยแสของหลิ่วเยว่เอ่อร์ เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนนิดหน่อยและถามออกไปอย่างกังวล
“ฉันป่วยและต้องพักให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล วันนี้ฉันเลยไม่ได้ไปเรียน ถ้าเธอไม่มีอะไร ฉันวางสายก่อนนะ ” หลิ่วเยว่เอ่อร์รู้สึกหงุดหงิดที่ได้ยินเสียงของเฉินฮวนฮวน
“เยว่เอ่อร์ เธอป่วยเป็นอะไรเหรอ? เธออยู่โรงพยาบาลไหน เป็นหนักหรือเปล่า? ” เฉินฮวนฮวนส่งความเป็นห่วงเป็นใยผ่านคำพูดไปสองสามประโยค แต่หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายได้วางสายไปแล้ว
เธอมองไปที่หน้าจอสีดำด้วยความสงสัยเล็กน้อย ทำไมหลิ่วเยว่เอ่อร์ดูแปลกๆ?
เป็นเพราะอาการป่วยหรือเปล่า?