บทที่ 41 ตายๆไปซะดีกว่า!

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเคย

ไม่ว่าในกรณีใดๆก็ตาม เขาจะไม่มีวันโดนผู้หญิงอย่างเฉินฮวนฮวนหลอกอีกอย่างแน่นอน!

ครั้งหรือสองครั้งก็เพียงพอแล้ว ถ้าหากเขาถูกหลอกอีกเป็นครั้งที่สาม เขาก็คือคนโง่ดีๆนี่เอง

ขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนี้เขาก็เดินไปที่ห้องพักผู้ป่วยของเฉินฮวนฮวนด้วยสีหน้าที่เย็นชา

……

แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้อง

เฟิงหานชวนกำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้โดยหลับตา แต่จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

ด้วยความกลัวที่จะปลุกผู้หญิงที่กำลังนอนอยู่บนเตียง เขาจึงเดินไปที่ขอบหน้าต่างและกดรับสายโทรศัพท์

“มีอะไร?”เฟิงหานชวนเอ่ยเสียงเบา

เป็นซูอวี่ที่โทรมา คงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับบริษัท

“ประธานเฟิง มีเรื่องแล้ว คุณหลิ่วกรีดข้อมือของเธอครับ ซูอวี่รายงานเขา: “ป้าหวังเพิ่งรู้เมื่อเช้านี้เองครับ และตอนนี้ได้เรียกรถพยาบาลแล้ว และน่าจะอยู่ระหว่างทางไปโรงพยาบาล”

“โรงพยาบาลอะไร?” สีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไป เขาขมวดคิ้ว

“โรงพยาบาลรุ่ยเอินครับ”

หลังจากฟังจบเฟิงหานชวนวางสาย เขาหันกลับมาและเหลือบมองไปยังร่างบางที่ยังคงหลับอยู่บนเตียง หลังจากนั้นเขาก็รีบออกจากห้องพักผู้ป่วยไป

ตอนที่ประตูถูกปิดลง เฉินฮวนฮวนเองก็ตื่นขึ้นมาพอดี เธอขยี้ตาและมองไปรอบๆ

แปลกจัง เมื่อกี้ดูเหมือนเธอจะได้ยินเสียงของเฟิงหานชวน เธอเข้าใจผิดไปเองหรอกเหรอ?

แต่พอมาคิดๆดู เธอคงจะเข้าใจผิดไปเองนั่นแหละ

คนอย่างเฟิงหานชวนจะมาเฝ้าเธอได้อย่างไร?

เขาเกลียดเธอนี่!

เมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาเกลียดเธอ เฉินฮวนฮวนก็หวนนึกถึงเรื่องนั้นอีกครั้ง เธอเกาหัวของเธอเบาๆ

ในขณะเดียวกันประตูของห้องพักผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกกะทันหัน และพยาบาลหญิงที่ชื่อเสี่ยวอู๋ก็เดินเข้ามา

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนตื่นแล้ว เธอจึงพูดด้วยความประหลาดใจว่า: “คุณเฉินคุณแล้วเหรอคะ? ต้องการรับอาหารเช้าแบบไหนดี เดี๋ยวจะให้คนจัดเตรียมให้ค่ะ”

“อ่า ไม่ต้องๆ ฉันดีขึ้นมากแล้ว แล้วตอนนี้ก็ต้องไปเรียนแล้วด้วย!”เฉินฮวนฮวนโบกมือ เธอดันผ้าห่มออกทันทีและลุกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำ

เธอเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็หันไปหาเสี่ยวอู๋และถามว่า: “เอ่อ ฉันต้องการถามเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล…”

“คุณเฟิงเป็นเพื่อนของรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล และคุณเป็นเพื่อนของคุณเฟิง แน่นอนว่าไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ” เสี่ยวอู๋ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณค่ะ”เฉินฮวนฮวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรู้สึกอายเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่กล่าวขอบคุณเบาๆ

เธอรีบเข้าไปแปรงฟันและล้างหน้าล้างตา

ขณะที่เธอกำลังแปรงฟันอยู่นั้น เธอก็เหลือบไปเห็นแปรงสีฟันที่ถูกใช้แล้ววางอยู่บนโต๊ะและถ้าสังเกตดีๆคือห้องอาบน้ำได้ถูกใช้ไปแล้ว แต่เมื่อวานเธอไม่ได้อาบน้ำเลยนี่หน่า มีคนมาเฝ้าเธอที่นี่ตอนกลางคืนหรือเปล่า?

เธอมองไปรอบๆ อีกครั้งและพบว่ามีผ้าเช็ดตัวที่ใช้แล้วอยู่บนพื้น และผ้าเช็ดตัวข้างอ่างล้างหน้าก็เปียกเช่นกัน

เฉินฮวนฮวนรู้สึกตกใจเลยรีบออกจากห้องน้ำไปเพื่อถามเสี่ยวอู๋ แต่กลับต้องพบว่าเสี่ยวอู๋ไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว

เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปห้องน้ำอีกครั้งและทำความสะอาดร่างกายของตัวเองต่อ

เมื่อเสร็จธุระและกำลังจะออกไปจากโรงพยาบาล เธอเดินผ่านโต๊ะพยาบาลและพบว่าเสี่ยวอู๋กำลังกรอกแบบฟอร์มบางอย่างอยู่

แม้ว่าเธอไม่ต้องการที่จะรบกวน แต่เธอก็ก้าวไปข้างหน้าและถามเสียงเบาว่า: “สวัสดีค่ะคุณพยาบาลอู๋ ฉันอยากจะถามว่าเมื่อคืนมีคนมาเฝ้าฉันที่ห้องพักผู้ป่วยหรือเปล่า?”

“อ๋อใช่ค่ะ คุณเฟิงมาเฝ้าคุณ เขาเฝ้าคุณทั้งคืนเลย และเมื่อเช้าเหมือนว่าเขาจะได้รับโทรศัพท์จากใครบางคน ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องด่วน จากนั้นเขาก็รีบออกไปเลยค่ะ”เสี่ยวอู๋ตอบด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่สุภาพ

เฉินฮวนฮวนเองก็พยักหน้าตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

เธอไม่ต้องคิดอะไรเลย คุณเฟิงที่ถูกกล่าวถึงไม่ใช่เฟิงหานชวนอย่างแน่นอน จะต้องเป็นเฟิงเฉินเหยี่ยนแน่ๆ

ไม่คิดเลยว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะเป็นห่วงเธอ แต่…

อย่างไรก็ตาม เธอไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นภรรยาของเขา

บางทีในอีกไม่กี่วัน หรือในอีกครึ่งเดือนข้างหน้า นานสุดก็คงจะไม่เกินหนึ่งเดือน อย่างไรเธอก็ต้องออกจากบ้านตระกูลเฟิงอยู่แล้ว

เฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นคนดีและคนอย่างเธอไม่ควรเป็นตัวถ่วงเขา

……

ณ อีกตึกหนึ่งของโรงพยาบาลรุ่ยเอิน

ในห้องพักผู้ป่วยที่หรูหรา หลิ่วเยว่เอ่อร์กำลังนอนหน้าซีดอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลโดยมีผ้ากอซหนาพันรอบๆข้อมือของเธอ

เธอจ้องไปที่เพดานด้วยสายตาที่ว่างเปล่าและเธอก็ไม่ตอบสิ่งที่หมอกำลังถามเธออีกด้วย

จนกระทั่งเฟิงหานชวนเดินเข้ามา เธอก็ยังคงเป็นแบบนั้นอยู่

เมื่อเขาเห็นเธอเป็นเช่นนี้ เฟิงหานชวนก็ขมวดคิ้วแน่น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

เขาหันไปหาแม่บ้านหวังและถามว่า: “เกิดอะไรขึ้น?”

“คุณเฟิง ตอนเช้าฉันไปปลุกคุณหลิวตอบอยู่นานมากแต่เธอไม่ ฉันเลยเข้าไปดูและพบว่าเธอกรีดข้อมือตัวเอง” ป้าหวังพูดอย่างสั่นๆเพราะกลัวว่าจะถูกเฟิงหานชวนตำหนิ

“ทำไมถึงกรีดข้อมือ?”เฟิงหานชวนถามผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียง

หลิ่วเยว่เอ่อร์เหลือบมองเขานิดนึง ตอนแรกเธอไม่ได้แสดงออกอะไรเลย แต่ทันใดนั้นเธอก็เริ่มร้องไห้ออกมา

“คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง! คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง!”หลิ่วเยว่เอ่อร์ร้องไห้เสียงดังและพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา

หมอหลิวที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เธอรู้จักเฟิงหานชวนเพราะเขาเป็นเพื่อนกับหรงจิ่นซิว

เฟิงหานชวนไม่เคยสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหนเลย เขาเป็นคนเย็นชา เหตุใดจึงมีผู้หญิงคิดอยากที่จะฆ่าตัวตายด้วยการกรีดข้อมือเพราะเขา?

เป็นไปได้ไหมที่เฟิงหานชวนจะบีบบังคับอะไรสักอย่างกับผู้หญิงคนนี้?

หมอหลิวก้าวถอยหลังออกจากห้องพักผู้ป่วยไปอย่างเงียบๆและรีบกดโทรหาหรงจิ่นซิวอย่างรวดเร็ว

“เฟิงหานชวน คุณทำแบบนั้นกับฉันได้ยังไง คุณไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณทำร้ายฉัน…”หลิ่วเยว่เอ่อร์ร้องไห้หนักกว่าเดิม

เธอจำเป็นจะต้องใช้วิธีการที่รุนแรง ไม่เช่นนั้นเฟิงหานชวนจะไม่รับผิดชอบเธอแล้วจริงๆ!

เฟิงหานชวนยังคงเงียบ หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ยิ่งร้องไห้เสียงดังมากกว่าเดิม: “ฉันก็จะตายๆไปซะดีกว่า!”

พูดจบเธอก็ลุกจากเตียงและรีบวิ่งไปที่ขอบหน้าต่าง

เฟิงหานชวนไวพอที่จะคว้าแขนของเธอไว้ได้ทัน เมื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์เห็นท่าทางของเขาแล้วก็รีบหันหลังกลับไปและพุ่งเข้าไปซบในอ้อมแขนของเขาทันที

หลิ่วเยว่เอ่อร์หลงใหลในกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้ชายคนนี้

ในขณะนั้นประตูของห้องพักผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน

เฟิงหานชวนกำลังที่จะผลักหลิ่วเยว่เอ่อร์ออกไป เขาหันไปมองที่ประตูทันทีและเห็นว่าเป็นหรงจิ่นซิวที่เดินเข้ามา

“เฮียสาม นี่มันอะไรกัน?”หรงจิ่นซิวรู้สึกตกใจกับภาพตรงหน้า

ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ารับการรักษาที่ตึกด้านหน้า และตอนนี้มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งมาเข้ารับการรักษาที่ตึกด้านหลัง

และเมื่อเขาเข้ามาก็มาเห็นเฟิงหานชวนยืนกอดผู้หญิงคนนี้อยู่

เฟิงหานชวนผลักหลิ่วเยว่เอ่อร์ออกไปทันที สีหน้าของเขาไม่ดีนัก แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ยังคงดื้อรั้นที่จะยืนอยู่ข้างๆเขา เธอแกล้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแอว่า: “คุณเฟิง นี่ใคร?”

“สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนของเฟิงหานชวนและเป็นรองผู้อำนวยการของโรงพยาบาลรุ่ยเอิน ผมชื่อ หรงจิ่นซิว” หรงจิ่นซิวก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือออกไปเพื่อจับมือกับหลิ่วเยว่เอ่อร์

หลิ่วเยว่เอ่อร์รีบจับมือกับหรงจิ่นซิวทันที ริมฝีปากซีดของเธอเผยให้เห็นความรู้สึกที่น่าสงสาร: “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์ ฉันเป็น … ”

เธอต้องการจะพูดแต่ก็หยุดเว้นไว้และมองไปที่เฟิงหานชวนราวกับถามความเห็นของเขา