ระเบิดสังหาร!
ถึงแม้ว่าไท่หวู่จะเป็นระดับสูงของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร แต่จะอย่างเสีย..ไม่ว่าก่อนหน้าที่มันจะย้ายมาสาขานี้ หรือหลังจากที่อยู่สาขานี้แล้ว ตัวมันก็ยังถือเป็นนักฆ่าคนหนึ่ง
และตราบใดที่เป็นนักฆ่าของตลาดมืดหยินชาน จำต้องกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าว่าจะไม่เปิดเผยฐานะออกไปเด็ดขาด!
หาไม่แล้วพวกมันก็ต้องถูกอัสนีฟ้าพิฆาตตายตก!
“ข้ากับเจ้าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกันมาก่อน แล้วทำไมเจ้าต้องฆ่าข้าด้วย?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลงเมื่อได้ยินคำของไท่หวู่
“เจ้าข้าเราท่านแม้ไร้ความแค้นบาดหมาง แต่อย่างไรเสียเจ้าเคยได้ยินคำนี้หรือไม่ ‘คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก’ ข้าต้องการกระบี่เล่มนั้นของเจ้า!”
ไท่หวู่เผยยิ้มเย็นเยือกออกมาน่ากลัว แววตาเผยความโลภให้เห็นเด่นชัด
“กระบี่เหรอ?”
ได้ยินคำของไท่หวู่ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับอึ้งไปทันที อย่างไรก็ตามไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าไม่พ้นมันต้องตาพึงใจกระบี่นิลสวรรค์แน่นอน
“อย่าได้แสร้งโง่งมตีหน้าเซ่ออันใด! อาศัยเจ้าที่ยังมิได้ตัดผ่านไปถึงขอบเขตเซียน กลับมีพลังสามารถสังหารเฉียนคงได้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะกระบี่เล่มนั้นของเจ้ามิใช่หรอกรึ? ถึงเฉียนคงมันจักเป็นสัดใส่ข้าวที่ใช้การมิได้แต่มันก็เป็นขอบเขตเซียนคนหนึ่ง!”
ไท่หวู่กล่าวเย้ยหยันออกมา
“อ้อ เจ้าหมายถึงกระบี่เล่มนี้เหรอ?”
เมื่อต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้น กระบี่นิลสวรรค์ก็ผุดโผล่ออกมาจากความว่างเข้ามือ
พอได้เห็นกระบี่นิลสวรรค์ในมือของต้วนหลิงเทียน สองตาไท่หวู่ก็ลุกวาวขึ้นมาทันใด
“แล้วเจ้าก็ไม่บอกข้าแต่แรก เอาสิ…หากเจ้าอยากได้ข้าก็จะมอบมันให้เจ้า…แต่นั่นเจ้าต้องสามารถใช้มันได้ก่อนนะ”
ต้วนหลิงเทียนโยนกระบี่เบาๆ ก่อนที่จะจับปลายกระบี่เอาไว้แล้วยื่นด้ามกระบี่ไปให้ไท่หวู่ คล้ายคิดมอบกระบี่ให้มันแต่โดยดีแล้วจริงๆ
“ไอ้หนูเจ้าคิดจักทำอันใดกัน?”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกลับให้ความร่วมมือแต่โดยดี ไท่หวู่จึงอดระแวงไปเสียไม่ได้! มันระแวดระวังตัวและไม่คิดเอื้อมมือไปรับกระบี่ต้วนหลิงเทียนอย่างวู่วาม!!
“ข้าจะไปทำอะไรได้เล่า?”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาเบาๆ “หากข้ามีลูกไม้อะไรคิดใช้ออก ข้าคงไม่มัวมาเสียเวลาพูดเยอะอย่างกับเจ้าหรอกหน่า… เจ้าเองก็เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่ร้ายกาจไม่ใช่รึไง? อย่าบอกว่าเจ้ากลัวจนไม่กล้ารับกระบี่ที่ข้ายื่นให้?”
วาจาท้ายประโยคต้วนหลิงเทียนยังเน้นคำว่า ‘ยื่นให้’ เป็นพิเศษ
ได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียนไท่หวู่พลันคืนสติ และตระหนักได้ว่าทั่วกายของต้วนหลิงเทียนตอนนี้อ่อนแอนัก ไม่น่าจะมีปราณแท้เปิดใช้งานกระบี่ได้อีก
และเป็นอย่างที่ต้วนหลิงเทียนว่า หากมีกลวิธีอันใดไฉนต้องมากล่าววาจาให้มากความ
ก่อนหน้านี้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนใช้กระบี่ฆ่าเฉียนคงอย่างไร มันก็เห็นชัดถนัดตา
กระบี่เล่มนี้แม้แลดูเรียบง่ายสามัญ หากแต่พลังอำนาจกลับน่าสะพรึงถึงขีดสุด!
กลิ่นอายพลังที่ตัวกระบี่แผ่ออกมา ทรงพลังเสียจนสามารถสะกดลมหายใจของมันได้!
หากกระบี่เล่มนั้นตวัดจี้ใส่มัน มันไม่อาจไม่ตาย!
เรื่องนั้นมันไม่คิดสงสัยแม้แต่น้อย
เมื่อตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ ไท่หวู่พลันผ่อนคลายความระวัง เอื้อมมือไปรับกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนยื่นมอบให้แต่โดยดี
อย่างไรก็ตามหน้ามันจำต้องเปลี่ยนสีกลับกลายในพริบตา
นั่นเพราะมันพบว่า กระบี่ที่แลคล้ายจะเบาปานขนนกยามอยู่ในมือของต้วนหลิงเทียน ยามมันกอบกุมไว้แล้วต้วนหลิงเทียนปล่อยมือ กระบี่กลับหนักจนมันถือไม่ไหวยังพาลทำให้ร่างมันล้มคะมำหัวทิ่ม แถมตัวกระบี่ยังทับมือมันให้เจ็บปวดนัก!
แม้มันจะพยายามเอามือออกมาจากการกดทับของกระบี่ได้ แต่ไม่ว่ามันจะใส่แรงมากมายเพียงใด มันก็ไม่อาจยกกระบี่ขึ้นมาได้เลย!!
“ไอ้หนู นี่มันอันใดกัน!? ไฉนเจ้าที่เป็นสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่กลับใช้กระบี่ที่หนักถึงเพียงนี้ได้อย่างง่ายดาย ทว่าข้ากลับมิอาจยกมันขึ้นมาได้!?”
หลังจากลองพยายามหยิบยกกระบี่จนหน้าดำคร่ำเครียด ไท่หวู่ก็จนปัญญาได้แต่ถลึงตามองจี้ถามต้วนหลิงเทียนเสียงแข็ง
ในความคิดของมัน ต้องมีความลับบางประการที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนใช้กระบี่เล่มนี้ได้!
และหากคิดจะหยิบยกใช้งานกระบี่เล่มนี้ จำต้องเข้าใจความลับที่ว่าเสียก่อน!
“ข้ามอบกระบี่ให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่อาจยกมันขึ้นมาใช้งานได้ไหวเอง…เรื่องนี้เจ้าโทษข้าไม่ได้นา”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ก่อนที่จะถอนหายใจคล้ายจะบอกว่าช่วยไม่ได้…
ขณะเดียวกันไท่หวู่ก็พบว่าในแววตาของต้วนหลิงเทียน ไร้ซึ่งความกลัวเกรงอะไรมันแม้แต่น้อย สงบนิ่งคล้ายเผชิญเรื่องไร้สำคัญ!
ราวกับอยู่ดีๆอีกฝ่ายก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงทางความคิดครั้งใหญ่!
“ไอ้หนู เจ้าต้องเล่นกลอันใดสักอย่าง!”
ใบหน้าไท่หวู่สะท้านทั้งมืดลงทันใด ตะคอกเสียงออกมาดังลั่น “ข้าแนะนำให้เจ้าเร่งกล่าวบอกความลับของกระบี่เล่มนี้ออกมาเสียแต่โดยดี…หาไม่แล้วข้าจักฆ่าเจ้าให้ตายแม้ข้าจักมิอาจล่วงรู้ความลับนั่นก็ตาม!”
วาจาท้ายประโยคยามกล่าว ทั่วร่างไท่หวู่ยังเผยจิตฆ่าฟันอันอำมหิตออกมา
“ข้าจะไปเล่นกลอะไรได้เล่า?”
ต้วนหลิงเทียนยังคงส่ายหัวไปมาอย่างช่วยไม่ได้ แววตาท่าทางไม่ได้มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความหวาดกลัว คล้ายไม่แยแสการคุกคามของไท่หวู่แม้แต่น้อย
“ไอ้หนู ใช่เจ้ากำลังคิดว่าข้าอยากได้กระบี่เล่มนี้มากจนมิกล้าฆ่าเจ้าอยู่หรือไม่?”
หน้าไท่หวู่จมลงทันใด กล่าวถามออกมาเสียงเย็น
ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆ แต่ไม่ไดตอบคำอะไร
“ไอ้หนูข้าสามารถทำลายอนาคตเจ้าหรือฆ่าเจ้าให้ตายได้ง่ายดายนัก…ข้าจักเตือนเจ้าไว้ว่าสมควรให้ความร่วมมือกับข้าเสียแต่โดยดี หากเจ้าเชื่อฟังดีๆ ทำให้ข้าอารมณ์ดีข้าอาจจะเมตตาปล่อยเจ้าไปทั้งมีชีวิต!”
ไท่หวู่กล่าวเย้ยออกมา
“เจ้าจะทำลายอนาคตข้ายังไงกัน?”
ได้ยินคำของไท่หวู่ ต้วนหลิงเทียนชักสีหน้าเหรอหราตาปริบๆ คล้ายไม่รู้ว่าไท่หวู่พูดอะไร
“เจ้าต้องมิทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในสำนักจันทร์จรัสแสง ก่อนที่เจ้าจะกลับไปใช่หรือไม่?”
ไท่หวู่ยิ้มกล่าว “ถึงแม้ข้ามิรู้ว่าไฉนเฉียนคงถึงได้ลงมือสังหารเจ้าเช่นนั้น แต่ต่อให้เจ้ามิได้ฆ่าเฉียนคง น่ากลัวว่าสำนักจันทร์จรัสแสงก็มิมีที่เหลือให้เจ้ายืน! เพราะโทษของสำนักจันทร์จรัสแสงร้ายแรงนัก ฆ่าอาวุโสฝ่ายในคนหนึ่งก็ต้องรับโทษตายสถานเดียว!”
“ฆ่าอาวุโสฝ่ายในสำนักจันทร์จรัสแสง? เจ้าหมายถึงหลิวฮ่วนงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว ยิ่งมายิ่งสับสนด้วยไม่รู้ไท่หวู่กำลังพล่ามอะไร
“ข้ามิรู้ว่าหลิวฮ่วนคือใคร แต่อาวุโสที่เจ้าฆ่าไปก่อนหน้ามันบรรลุสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ เช่นนั้นมันสมควรเป็นอาวุโสฝ่ายในของสำนักจันทร์จรัสแสง”
ไท่หวู่กล่าวด้วยใบหน้าเย้ยเยาะ “เจ้าอาจมิรู้ตัว แต่ข้าได้บันทึกฉากการสังหารของเจ้าเอาไว้หมดสิ้น และข้าได้ใช้ยันต์เต๋าม่านกระจกฉายลักษณ์ ฉายภาพเรื่องราวทั้งหมดกลางน่านฟ้าสำนักจันทร์จรัสแสงก่อนที่เจ้าจะกลับมา”
อย่างไรก็ตามไท่หวู่ไม่ทราบเรื่องหนึ่ง
หากต้วนหลิงเทียนไม่ได้ฆ่าเฉียนคง ต่อให้ฆ่าหลิวฮ่วนไป เขาก็ไม่ต้องรับโทษทัณฑ์อะไร
หลิวฮ่วนตกตาย ก็เพราะมันสมควรแล้ว
ต่อให้หลิวฮ่วนตายไป สำนักจันทร์จรัสแสงก็ไม่คิดลงโทษอะไรเขาแม้แต่น้อย ยังไม่มีใครคิดเห็นใจหลิวฮ่วน เพราะมันรนหาที่ตายเอง
สำหรับเจียงเว่ยและอาวุโสขอบเขตเซียนคนอื่นๆ ยังเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นสมบัติล้ำค่าด้วยซ้ำ…หากไม่เกิดเรื่องฆ่าเฉียนคงขึ้น น่ากลัวว่าตำแหน่งเจ้าสำนักรุ่นต่อไปคงถูกประเคนมาให้ต้วนหลิงเทียนแล้ว
“อ้อ…ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”
ได้ยินคำของไท่หวู่ ในที่สุดข้อข้องใจก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียนก็กระจ่างชัด
“ข้าไม่แปลกใจเลยที่ทำไมอยู่ๆเฉียนคงถึงตั้งเป้าสังหารมาที่ข้า…ที่แท้เพราะมันพบพลังฝีมือข้าแล้วนี่เอง มันคงคิดว่าข้าเป็นคนฆ่าจ้าวเฟิงงั้นสินะ…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยความเข้าใจ
“เจ้าหนูข้าจักให้เวลาเจ้าอีก 1 เค่อ…หลังผ่านไป 1 เค่อหากเจ้ายังไม่บอกความลับที่สามารถทำให้ใช้กระบี่เล่มนี้ได้ ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย!”
หลังจากกล่าวแล้ว คล้ายไท่หวู่จะเพิ่มความน่าเกรงขาม มันถึงกับสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าทันที
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
……
หลังจากกล่าวคำสาบานแล้ว ไท่หวู่ก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าเสมือนคนถือไพ่เหนือกว่า คล้ายไร้กังวลว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีทางที่จะไม่บอกความลับให้มันแน่
“ฮ่าๆๆๆ…!!”
ทว่าพอเห็นไท่หวู่กล่าวคำสาบานแบบนี้ออกมา ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะขบขันจนหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“เจ้าหัวเราะอะไร!?”
ไท่หวู่รู้สึกเสียหน้าไม่น้อย
“หัวเราะในความไม่รู้ของเจ้ายังไงล่ะ”
หลังจากยิ้มบางๆกล่าวตอบไท่หวู่ ต้วนหลิงเทียนพลันเอ่ยออกอย่างเฉยเมย “ก็นะ…ในเมื่อเจ้าชอบกล่าวคำสาบานนัก ข้าจะกล่าวคำสาบานเล่นเป็นเพื่อนเจ้าแล้วกัน”
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เริ่มกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าทันที
“หากข้ามีวิธีที่ทำให้ไท่หวู่สามารถใช้กระบี่เล่มนี้ได้ตอนนี้ ขอให้ฟ้าพิฆาตข้าตายตก!”
นี่เป็นคำสาบานที่ต้วนหลิงเทียน กล่าวสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า
หลังจากที่กล่าวคำสาบานจบจนอัสนีฟ้าลั่นดัง 9 คำรบตอบรับ กลับไม่ยักกะมีสายฟ้าผ่าหัวต้วนหลิงเทียนแต่อย่างไร!
เผยให้เห็นชัดว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้โกหกมันจริงๆ…
“เจ้าไม่มีวิธีทำให้ข้าใช้กระบี่ได้งั้นเหรอ ไม่จริงน่า! เป็นไปมิได้! แล้วเจ้าที่อยู่ในขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่จักใช้กระบี่เล่มนี้ได้อย่างไร! กระทั่งข้าบรรลุขอบเขตเซียนยังไม่แม้แต่จะยกมันได้!?”
เมื่อตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้โกหก หน้าไท่หวู่ก็เปลี่ยนสีทันที
แรกเริ่มเดิมทีภาพฝันของมันนับว่าสวยหรูนัก…
ตราบใดที่มันได้กระบี่ในมือต้วนหลิงเทียนมา มันจะออกจากเขตปกครอง 9 พันธมิตร กลับไปยังตลาดมืดหยินชานสาขาที่มีระดับสูงกว่านี้
มันไม่เพียงแต่คิดย้อนกลับไป ยังจะกลับไปฆ่าคนที่เคยต่อต้านมันกระทั่งบีบคั้นขับไล่มันมาให้ตาย!
อนิจจาตอนนี้ความจริงกลับเผยให้เห็นชัด ว่ามันไม่มีวิธีใช้กระบี่เล่มนี้ได้
“สวรรค์และโลกกว้างใหญ่สุดไพศาล ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเรียบ
“เนื่องจากข้าใช้มันมิได้ เจ้าก็ไม่อาจใช้มันได้เช่นกัน! ตายเสีย!!”
ไท่หวู่หยีตามองต้วนหลิงเทียนด้วยเจตนาฆ่าฟัน
หลังจากที่ฝันมันสลาย มันก็คับแค้นจนอยากฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย
“ฆ่าข้า? น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีโอกาสนั้น”
ในขณะที่ไท่หวู่มีโทสะและกำลังจะลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมาอย่างไร้แยแส พร้อมสะบัดมือปาป้ายศิลาหนึ่งออกไป
ป้ายศิลามุมแหว่งหนึ่งผุดโผล่จากความว่างเข้ามือ และหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนเขวี้ยงปาออกไป คล้ายมันจะระเบิดพลังขึ้นมาอย่างคึกคักปานถูกฉีดเลือดไก่! พุ่งจี้เข้าหาไท่หวู่ด้วยความเร็วสูงล้ำ!!
ปงงง!!
ก่อนที่ไท่หวู่จะทันได้ลงมืออะไร ป้ายศิลาดังกล่าวก็กระแทกกลางหน้าของมันอย่างแรง…
วินาทีต่อมานอกจากดั้งที่หักแล้วไท่หวู่ก็คล้ายไร้บาดแผลอื่นใดอีก หากทว่าแววตาของมันที่เคยถลึงมองมาอย่างดุร้ายกลับเลื่อนลอยไร้ประกายดั่งปลาตาย
ดวงวิญญาณของมันสาบสูญไปจากร่างเสียแล้ว
กล่าวให้ชัดคือดวงวิญญาณของมันถูกสะกด
แน่นอนว่าสิ่งที่สะกดวิญญาณของมันเอาไว้ก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากตราผนึกมาร!
ตอนที่ไท่หวู่โรยตัวลงมาและเปิดเผยความต้องการช่วงชิงกระบี่นิลสวรรค์ กลิ่นอายพลังของมันก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนรับทราบแล้ว ว่ามันเป็นผู้ฝึกมารคนหนึ่ง…
และทันทีที่รู้ว่าไท่หวู่เป็นผู้ฝึกมารเขาก็ไม่ได้หวาดกลัวมันแม้แต่น้อย
ด้วยด่านพลังฝึกปรือขอบเขตสู่เซียนของเขา ผู้ฝึกมารในขอบเขตเซียนด่านแรกๆ ย่อมไม่มีทางรอดพ้นชะตาดับอนาถต่อหน้าตราผนึกมารได้เลย
ขอบเขตเซียนนั้นก็แบ่งออกได้หลายระดับ
ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินป๋ายลี่หงกล่าวบอกเอาไว้ ว่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนที่ร้ายกาจที่สุดใน 9 พันธมิตรนั้น เพียงบรรลุจุดสูงสุดของขอบเขตเซียนระดับแรกเท่านั้น
ผู้ที่ทรงพลังระดับนั้น ว่ายตามองทั่ว 9 พันธมิตรน่ากลัวว่าจะมีแค่ 2 คน
‘ผู้นำ’ ตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรนับเป็น 1 ในนั้น